Archive | SKIN CARE

สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศสเพื่อผิวสวยและสุขภาพ กับ Scotch Collagen-Aora

 

 

 

 

 

 

 

ใครทาน SCOTCH COLLAGEN-AORA อยู่บ้าง เอิ๊กเคยพรีวิวไปแล้วตัวนี้ CLICK

 คุณสมบัติที่ทางแบรนด์กล่าวไว้ในแนวคิดของ SCOTCH COLLAGEN-AORA

คือ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มีเวลาจำกัด แต่ชอบดูแลตัวเอง ใส่ใจในผิวพรรณ และ สุขภาพ

เลยออกมาเน้นในเรื่องของสุขภาพผิวที่ดีขึ้น ความยืดหยุ่น ความชุ่มชื่น และ เอาเทรนด์

ของสีผิวที่สม่ำเสมอ ผิวกระจ่างใส มาเล่นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่สามารถ

เลือกดูแลตัวเองได้เร็ว ไว และ เห็นผล

 

 

บล็อคนี้เราจะมาทำความรู้จัก กับ “สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส” กันให้ลึกขึ้น

ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมหลักที่สำคัญอย่างยิ่งใน SCOTCH COLLAGEN-AORA 

นอกเหนือจากคอลลาเจน เปปไทด์ และ วิตามินรวมต่างๆ ซึ่งก็เป็นส่วนผสมหลักเช่นกัน

แต่เราคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว

 

 

สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส ตัวนี้ที่ใส่เข้ามาเพื่อ “ต่อต้านอนุมูลอิสระ” ที่จะเกิดขึ้นกับ

เซลล์ผิวของเรา เพื่อให้เซลล์มีการสร้างพลังงาน และ สังเคราะห์โปรตีนได้อย่างดีเป็นปกติ

ดังนั้นถ้าใครหลายคนที่ทานแล้วได้ผลต้องบอกเลยว่าส่วนนี้สำคัญมากในเรื่องของผิว

ไม่แพ้คอลลาเจนเลย จะพูดสั้นๆกระชับจะได้ไม่มึนกันนะฮะ ^^

 

 

ขนาด 45 มิลลิกรัม ขวดละ 48 บาท

บรรจุสารสกัดจากเปลือกสนอยู่ประมาณ 40 มิลลิกรัม

อลลาเจนเปปไทด์ 5,000 มิลลิกรัม และ วิตามินรวมอีก 13 ชนิด

 

 

สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศสเด่นในเรื่องสำคัญอะไรบ้าง

  • ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ 
  • ฉายาคือSUPER ANTIOXIDANT ซึ่งต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่า วิตามินC 20 เท่า วิตามิน E 50 เท่า
  • เสริมการทำงานของวิตามิน C และ E ให้ต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น 
  • ยับยั้งและชะลอการสร้างเม็ดสี ดังนั้น จุดด่างดำ ฝ้า กระ สีอาจจะจางลง หรือ โอกาสขึ้นก็น้อยลง
  • ช่วยให้เซลล์ผิวสามารถทนกับแสงแดดได้ดีขึ้น
  • ป้องกันการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน อิลาสติน ช่วยในเรื่องริ้วรอย ความยืดหยุ่น และ ความเรียบของผิว
  • ทำให้เส้นเลือดแข็งแรง ไหลเวียนดี [ สารอาหารก็จะไปดูแลผิวพรรณได้ดีขึ้น รวมถึงกำจัดของเสีย ผิวพรรณจึงมีเลือดฝาดที่ดีขึ้น ]
  • ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และ หลอดเลือด
  • ลดการเกิดภูมิแพ้
  • ลดระดับคอเรสเตอรอล
  • ป้องกันการเกิดกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
  • ลดการอักเสบ และ บวม
  • ดูแลกระบวนการสร้าง ป้องกัน ซ่อมแซม ยับยั้งอนุมูลอิสระที่มีผลใน DNA
  • ป้องกันการเกิดภาวะกล้ามเนื้อลีบ และ ลดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมีประโยชน์กับคนออกกำลังกาย นักกีฬา ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุ

 

ตัวอย่างสถิติในงานวิจัยของคุณสมบัติของสาร

OLIGOMERIC PROANTHOCYANIDINS

[ โอลิโกเมอริค โปรไซยานิดิน ]

ที่สกัดมาจากสารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส

 

 
ในทุกจุดเด่นของ สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส ได้ผ่านการวิจัยมามาก
และ ถูกนำมาใช้งานเกี่ยวกับเครื่องสำอาง สุขภาพ และ ความงาม มากกว่า 40 ปี
มีผลวิจัยรองรับ รวมถึงมีการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการทั่วโลก
มีความปลอดภัยต่อการทานสูง สามารถทานต่อเนื่องติดต่อกันได้นานโดยไม่มีผลข้างเคียง
 
 
ดื่มจากแก้วให้ดูสีน้ำของ SCOTCH COLLAGEN-AORA
 
ที่มาสำหรับเปลือกต้นสนที่ SCOTCH COLLAGEN-AORA นำมาสกัด
คือ ป่าสนทางตอนใต้ของฝรั่งเศส FRENCH FOREST ” LANDES “
ซึ่งเขานำมาสกัดโดยกระบวนการแช่ในน้ำร้อน เพื่อสกัดเอาแต่สารประกอบสำคัญ
ที่มีชื่อว่า OLIGOMERIC PROANTHOCYANIDINS เรียกกันย่อๆว่า OPC
 เหมือนตอนบนตามที่บอกไป ไปเสิร์ชดูเถิด
สารนี้ดังมากมายในการต้านอนุมูลอิสระ และ สุขภาพ
 
 
 
สำหรับคอลลาเจนเปปไทด์จากปลาทะเลน้ำลึกเพียวๆ
ปริมาณ 5,000 มิลลิกรัมที่ใส่มา ก็มีโมเลกุลที่เล็กมากง่ายต่อการดูดซึม
ทำให้ทุกส่วนผสมหลักสำคัญทำงานได้อย่างสนับสนุนซึ่งกันและกันใน
ด้านการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเวลาที่เป็นช่วงใช้ผิวหนัก
อาจจะเห็นผลชัดกว่าโ ดยเฉพาะคนที่อายุน้อยก็อาจเห็นผลสู้คนที่
เริ่มมีอายุ หรือ เริ่มมีริ้วรอย ผิวเริ่มแห้งกร้านไม่ได้
 
 
คำแนะนำในการทาน
– แช่เย็นอร่อยกว่ามาก
– 3 ชั่วโมงหลังจากอาหารเย็น หรือ ก่อนนอน
– รับประทานวันละ 1-2 ขวดกำลังดี
 
 
ส่วนตัวคือดื่มมาหลายโหล แต่ดื่มแบบติดต่อกันบ้าง หยุดบ้าง เพื่อสุขภาพภายในเป็นหลัก
ยังไงก็แนะนำมากๆ ให้ดูแลเรื่องการดูแลตัวเองภายนอกไปด้วย อย่างการออกกำลังกาย
ดูแลเรื่องอาหารที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน
แม้เราทานพวกตัวช่วยเรื่องต้านอนุมูลอิสระเข้าไปดูแลอย่างดี แต่ไม่ดูแลแบบ
ครบกระบวนการที่ควรจะเป็น ผิวก็จะไม่สามารถถูกฟื้นฟูได้อย่างที่มันควรจะเป็น
การนอนให้ได้คุณภาพในชั่วโมงที่เหมาะสม การเลือกใช้ครีมกันแดดป้องกันแสงแดด
และ สำคัญอย่างมาก เรื่องอารมณ์ที่ต้องควบคุมค่ะ ขอให้ผิวสวย หน้าใสกันทุกคนค่ะ
 
 
XOXO
 
 
 

 

Posted in REVIEW, SKIN, SKIN CAREComments (0)

REVIEW NAMI SKINCARE MASK & BODY SERUM ตระกูล COLLAGEN BLINK SNAIL

 
 
 
 
 
 
วันนี้มาทำ REVIEW ให้กับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ NAMI ผลิตและพัฒนาสูตรโดยเภสัชกรไทย
ซึ่งอยู่ในวงการอุตสาหกรรมความงามมายาวนานกว่า 10 ปี เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างนำเทรนด์
เกาะกระแสพอสมควร สำหรับส่วนผสมที่กำลังได้รับความนิยม แบรนด์นี้จึงมีผลิตภัณฑ์
ออกใหม่มาเรื่อยๆ และ เน้นพัฒนาสูตรเพื่อผิวคนไทยโดยเฉพาะ สำหรับโรงงานผลิต
ที่ได้ข้อมูลมาคือ ได้รับมาตรฐาน GMP ซึ่งได้รับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข
 
 
ปกติไม่ค่อย REVIEW สกินแคร์เท่าไหร่ เพราะหน้าหายเป็นสิวแล้ว จะระวังเรื่องการใช้
ผลิตภัณฑ์เป็นพิเศษ แต่สำหรับ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย มาส์ก เอิ๊กจะกล้าลองมากกว่าวันนี้
เอิ๊กเลยขอ REVIEW 2 ชิ้นเป็นตัวมาส์ก และ บอดี้ เซรั่ม
ในตระกูลสูตร COLLAGEN BLINK SNAIL คอนเซ็ปต์สูตรนี้คือ เด้ง .. ใส .. เป๊ะ

 

 

 

 

หน้าตาครอบครัวตระกูล COLLAGEN BLINK SNAIL

มี 4 ไลน์ด้วยกัน

1. NAMI COLLAGEN BLINK 4 IN 1 SNAIL FOAM

2. NAMI COLLAGEN BLINK 3 IN 1 SNAIL SERUM

3. NAMI COLLAGEN BLINK 5 IN 1 SNAIL GOOD NIGHT MASK

4. NAMI COLLAGEN BLINK SNAIL BODY SERUM

 
แพคเกจสูตรนี้เป็นสีฟ้าสดใส และ ราคาเบามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
วันนี้มาเจาะลึกที่ NAMI COLLAGEN BLINK 5 IN 1 SNAIL GOOD NIGHT MASK
และ NAMI COLLAGEN BLINK SNAIL BODY SERUM
 
 
เริ่มตัวแรกกับ SLEEPING MASK หรือ มาส์กข้ามคืน
NAMI COLLAGEN BLINK 5 IN 1 SNAIL GOOD NIGHT MASK
 
นอกจากราคาจะเบา ยังขายแยกอีก ซองละ 39 บาท ใช้ได้ 2 ครั้ง คือ
สามารถทดลองได้ถ้าชอบก็ซื้อเป็นกล่องถูกกว่า 1 กล่อง 200 กว่าบาทใช้ได้12ครั้ง
สูตรนี้จะเน้นใส่ส่วนผสมแบบนาโนคือ โมเลกุลเล็ก ซึมลงสู่ผิวได้ง่าย
และ ตัวเด่นน่าจะเป็น สารสกัดจากหอยทากที่นำเข้าจากประเทศเกาหลี
รวมถึงคอลลาเจนเปปไทด์ จะเน้นเรื่องช่วยให้ผิวนุ่ม ลื่น เรียบ รวมถึงวิตามินบี3
วิตามินซี ก็จะช่วยเรื่องผิวกระจ่างใส และ มีกรดไฮยาลูโรนิก แอซิด ให้ความชุ่มชื่น
 

 

อันนี้เป็น 5 ส่วนผสมหลัก 5 IN 1 ในสูตรมาส์กข้ามคืนตัวนี้

 

 
 
หน้าตาแพคเกจ คอนเซ็ปต์ เด้ง .. นุ่ม .. ฟินเว่อร์ เฟิร์ม .. กระชับ .. ใสบริ๊งค์
 
 
ข้างหลังจะมีส่วนผสมให้อ่าน และ ส่วนผสมหลักที่บอกไปตอนต้นนะคะ
 
 
จุดเด่นส่วนผสมหลักที่เขานำมาใช้คือ คอลลาเจนเข้มข้น + นาโนสเนล
 
 
ใครที่ซื้อแบบกล่อง 1 กล่อง บรรจุ 6 ซอง ใช้ได้แบบเน้นๆ 12 ครั้ง
คือ ถ้าพอกหน้าหนาแบบเต็มที่ตามคำแนะนำ
 
 
วิธีใช้ 3 ขั้นตอนง่าย
ล้างหน้าซับให้แห้ง > พอกเนื้อครีมลงไปให้ทั่วใบหน้าเข้านอน > ตื่นเช้ามาล้างหน้า
 
 
ชอบตรงที่มี CALL CENTER ให้ติดต่อได้ทันที
เผื่อเราอยากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
เรื่องต่างๆ และ มีชัดเจนทั้งผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย วันเดือนปีที่ผลิต และ หมดอายุ รวมถึง
เลขที่จดแจ้งของ อย. ที่สำคัญมีสัญลักษณ์ไม่มีการทดสอบกับสัตว์ด้วย [ รูปกระต่าย ]
 
 
หน้าตาซองมาส์กด้านหน้า
 
 
หน้าตาซองมาส์กด้านหลัง
 
 
ถ้าเราซื้อแบบซองมาทดลองราคาจะอยู่ที่ 39 บาท ใช้ได้ 2 ครั้งขึ้นไป
ขึ้นกับความใหญ่ของใบหน้าเรา ฮ่าฮ่า
แพคเกจถูกออกแบบมาให้มีรอยเส้นประฉีกใช้ทีละครั้งได้
 
 
หน้าตาของเนื้อครีมค่อนข้างเข้มข้นพอสมควร เป็นสีขาวเนื้อแน่น
 
 
 
 
 
 
 
เอิ๊กจะทดลองใช้กับวิธีที่ถูกต้องบนใบหน้าให้ดูนะคะ
 
 
หน้าสดในแสงไฟห้องน้ำ มักจะดูดี แสงโทนส้ม โทนเหลือง ฮ่าฮ่า คือ ใบหน้าผิวไม่แห้งมาก
สุขภาพดีพอสมควร นอนดึก และ เช้าเป็นประจำ อาจเพราะยังอายุไม่มาก ถ้ามากกว่านี้
คงไม่เหมาะที่จะทำตัวแบบนี้ เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และ ผิวพรรณได้
 
 
มาลงมาส์ก NAMI COLLAGEN BLINK 5 IN 1 SNAIL GOOD NIGHT MASK
ให้ดู ล้างหน้าเสร็จซับใบหน้าให้แห้ง ตามด้วยลงมาส์กความหนา – บาง แล้วแต่ชอบ
 
 
 
การลงมาส์กเขาก็แนะนำให้ลงหนาในระดับนึงเพราะส่วนผสมที่เข้มข้นก็จะเกาะผิวและทำงาน
ในระหว่างที่เราพักผ่อนตอนกลางคืน สำหรับคำแนะนำจากเอิ๊ก เอิ๊กแนะนำให้ลองมาส์กแค่
บริเวณ์เล็กๆของใบหน้าก่อน ซักประมาณพื้นที่เล็กๆ และ มาส์กไม่หนา เป็นการทดสอบ
อาการแพ้ แม้ว่าข้างกล้องจะเขียนว่าเหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะเป็นสูตรอ่อนโยน
แต่อยากให้เป็นนิสัยกันนะคะ
 
 
ในรูปจะพอกแบบหนาประมาณนึงตามที่เขาแนะนำไว้นะคะ
 
 
เข้านอนตื่นขึ้นมาก็ล้างหน้าให้สะอาด ลงครีมบำรุง กันแดด ตามปกติ
อันนี้คือ ลองทาให้ดูแล้วล้างออกทันที เพราะเมื่อคืนลองใช้แล้วผิวที่ได้จะเป็นอย่างที่เห็น
 
 
มาดูสถานการณ์จริงกัน อันนี้พอกไม่หนามาก ก็จะทิ้งไว้ทั้งคืน ตื่นเช้ามาเป็นแบบนี้ ฮ่าฮ่า
 
 
หลังจากล้างหน้า รู้สึกว่า หน้ามันดูกระจ่างขึ้น รูขุมขนเหมือนถูกทำความสะอาด
รูขุมขนดูขยายเล็กน้อย ผิวรู้สึกนิ่ม หลักๆ เอิ๊กรู้สึก  3 อย่างคือ
1. ผิวดูสะอาด รูขุมขนสะอาด
2. กระจ่างขึ้น
3. ผิวนิ่มขึ้น
NO FILTER นะคะ สังเกตุปากยังแห้งอยู่เลย เป็นคนปากแห้งมากลิปมันเอาไม่ค่อยอยู่
ถ่ายจากแสงในห้องน้ำ
 
 
ถ่ายจากแสงธรรมชาติบนรถ ชัดมากระดับรูขุมขน รอยสิว 2 จุด และ สิวเสี้ยนที่มี 5555
แต่หน้าดูสะอาด ดูกระจ่างขึ้น ผิวนุ่มนิ่มขึ้น ส่วนความชุ่มชื่นสำหรับเอิ๊กอาจจะต้องพอกหนา
กว่านี้คิดว่า เพราะเอิ๊กพอกไม่หนามาก เลยผิวยังไม่ชุ่มชื่นมากเท่าไหร่
 
 
ข้อดี
หาซื้อง่าย / เหมาะกับผิวคนไทย / ทันสมัยทั้งส่วนผสมและแพคเกจ / มีcall center ติดต่อได้ตลอด / ผู้ผลิตอยู่ในวงการเครื่องสำอางมานานอาจจะทำให้ได้ต้นทุนที่ถูก เวลาตั้งราคาขายทุกคนจึงสามารถซื้อได้ / มีไซส์เล็กบางอย่างให้ลองก่อนตัดสินใจซื้อมาทั้งกล่อง / ไม่ทดลองกับสัตว์ / วิธีใช้ ฉลาก ชัดเจน เข้าใจง่าย
ข้อด้อย
ส่วนตัวคิดว่ายังมีส่วนผสมบางอย่างที่ควรต้องทดสอบการแพ้ก่อนใช้จริง เช่น ทาบริเวณเล็กๆก่อนลอง ส่วนผสมที่ว่า เช่น ซิลิโคน น้ำหอม Sodium Lauryl Sulfate ฯลฯ รูขุนขนจึงดูสะอาด ถ้าผิวแห้ง เมื่อมีสารทำความสะอาดมากบางที คนผิวแห้งมันก็อาจจะแห้งขึ้นรูขุมขนจึงดูกว้างขึ้นเล็กน้อย 
ข้อแนะนำ
ทดสอบไซส์เล็ก และ บางบริเวณก่อน และ ค่อยเพิ่มปริมาณความหนาของมาส์ก เขาบอกให้ใช้ทุกวันได้ สำหรับเอิ๊กคิดว่าเน้นวันสำคัญ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งพอ เพื่อให้บางวันได้พักหน้าเบาๆ เพราะส่วนผสมค่อนข้างเข้มข้น
 
 
 
 
มาถึงตัว NAMI COLLAGEN BLINK SNAIL BODY SERUM
เป็นบอดี้เซรั่ม ใช้ระยะยาวก็จะช่วยให้ผิวค่อยๆกระจ่างใสขึ้น
 

 
ส่วนผสมหลัก กลูต้า + คอลลาเจน + อาร์บูติน + นาโนสเนล
 
คอนเซ็ปต์ ผิวเฟิร์ม เป๊ะเว่อร์ มีออร่า ใสบริ๊งค์ เด้ง นุ่ม ชุ่มชื้น
 
 
ฉลากด้านหลัง
ส่วนผสม สารประกอบ วิธีใช้ ช่องทางติดต่อ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย เลขที่จดแจ้ง วันเดือนปีผลิต
หมดอายุ สัญลักษณ์ไม่ทดลองกับสัตว์ และ เมื่อเปิดควรใช้ภายใน 1 ปี
 
 
เนื้อครีมจะเป็นสีขาวเข้มข้น กลิ่นหอมอ่อนๆ  
 
 
เมื่อทาลงบนผิวจะค่อยๆซึมลงสู่ผิว ไม่ได้ช่วยปรับสีผิวให้ขาวขึ้นหลังใช้
แต่ตามหลักของส่วนผสมช่วยเรื่องผิวค่อยๆขาวในระยะยาว ถ้าเราใช้อย่างต่อเนื่องประจำ
รวมถึงการป้องกันแสงแดดร่วมมด้วย ตัวนี้ทาได้ตลอด
 
 
เอิ๊กมีความรู้สึกว่าค่อยๆทาทีละนิด จะซึมง่ายกว่า แค่เพียงนิดหลังทารู้สึกว่าชุ่มชื่นขึ้น
ราคาเบาอีกแล้ว 99 บาท หลอดใหญ่ขนาด 120 กรัม ตัวนี้จะใช้พวกเพิ่มความชุ่มชื่น
ล็อคความชุ่มชื่น ทำให้ผิวเราพอทาจะรู้สึกว่านิ่ม นุ่ม ชุ่มชื่นเลยทันที ตัวนี้เอิ๊กทาแล้วรู้สึกเย็น
สบายผิวแถมมาด้วย
 
 
อย่าละเลงเยอะแบบเอิ๊กนะคะ ค่อยๆลง มันจะซึมไว ถ้าลงเยอะมันจะซึมช้า อันนี้ลงเยอะไป
ประเด็นคือจะลองเล่น กลิ่นหอมอ่อนๆดี
 
 
รอให้ซึมเข้าสู่ผิวซักครู่ ผิวจะนิ่ม นุ่ม ชุ่มชื่น เย็นๆ สบายผิวขึ้น ลองทาแล้วชอบแต่ยังไม่ได้ลอง
ระยะยาว เพราะเพิ่งแกะทดสอบ อยากรู้ว่าถ้าทาไปซักพักจะขาวขึ้นไหม ว่าจะลองต่อไปเรื่อยๆ
เนื่องจากผิวค่อนข้างแห้ง แต่เอิ๊กคงทาเยอะเลยรู้สึกว่ามันยังเหนอะอยู่บ้างนิดหน่อย
 
ข้อดี
หาซื้อง่าย / คนผิวขาดความชุ่มชื่น ผิวแห้งน่าจะชอบนะคะ หรือ นั่งในห้องแอร์บ่อยๆ / กลิ่นหอมสุภาพอ่อนๆ / เย็นสบายผิว / รู้สึกว่าผิวชุ่มชื่น นิ่ม นุ่มทันที / ทันสมัยทั้งส่วนผสมและแพคเกจ / มีcall center ติดต่อได้ตลอด / ผู้ผลิตอยู่ในวงการเครื่องสำอางมานานอาจจะทำให้ได้ต้นทุนที่ถูก เวลาตั้งราคาขายทุกคนจึงสามารถซื้อได้ / ไม่ทดลองกับสัตว์ / วิธีใช้ ฉลาก ชัดเจน เข้าใจง่าย
ข้อด้อย
ถ้าทาเยอะก็เหนอะอยู่บ้างเหมือนกัน ค่อยๆทาทีละนิด แล้ว ทาเติมระหว่างวันดีกว่า
ข้อแนะนำ
ดื่มน้ำให้เยอะๆด้วย และ ยาลืมทากันแดดคู่ด้วยเป็นประจำ ถ้าใช้ระยะยาว อาจจะเห็นผลเรื่องผิวกระจ่างขึ้น เพราะส่วนผสมเน้นเรื่องการยับยั้งเม็ดสีเมลานินซึ่งดีกว่าพวกผลัดเซลล์ผิว
 
เป็นอีกแบรนด์คนไทยที่น่าจับตามอง เพราะมีขายที่ 7-11 ด้วยอย่างที่รู้ ไม่แน่จริงก็เข้าไปยาก
ชอบที่มีความทันสมัยในเรื่องกระแส ทำให้เอิ๊กได้รู้ว่า เอ๊ะ ตอนนี้ส่วนผสมไหนฮิตกัน
ปกติไม่ตามกระแสเท่าไหร่ เพราะ ผิวแพ้ง่าย แต่แบรนด์นี้ที่ลองไม่แพ้ค่ะ
และก็อยากให้ทุกคนอ่านฉลากให้ชัดเจน ทดสอบก่อนการใช้ และ อ่านรีวิวให้ละเอียด
เอิ๊กเขียนจากการทดลองด้วยตัวเอง อย่างจริงจัง 🙂
 
ข้อมูลเพิ่มเติมของแบรนด์ NAMI สามารถเข้าไปที่นี่ได้ค่ะ
www.namiwink.com
IG @namiwink

 ไว้พบกันใหม่บล็อคหน้านะคะ

Posted in SKIN CAREComments (1)

LONDON TRIP WITH BOOTS AND NO7

เป็นทริป LONDON ของปี 2013 ที่น่ากลัว และ ตื่นเต้นที่สุด !!

เมื่อ Erk-Erk เป็น Beauty Blogger ตัวแทนประเทศไทยไปทำความรู้จักกับ BOOTS

NO.7 รวมถึง BEAUTY BLOGGER อีก 6 ประเทศ

และ เป็นอีกหนึ่งทริปที่วิเศษที่สุดของปี 2013

ภารกิจที่ติดตามได้ด้วย TAG #SHARETHEFEELING

ปี 2013 เอิ๊กไปทั้งหมด

สิงค์โปร เกาหลี(4รอบ) ญี่ปุ่น ฮ่องกง และ ลอนดอน ทุกทริปความงาม

ล้วนเป็นทริปที่วิเศษทุกทริป วันนี้จะมาพูดถึงทริป LONDON นี้ก่อน

ชื่อทริปดูเหมือนสวยหรู แต่ความจริง เป็นทริปที่เอิ๊กกลัว และ ตื่นเต้นมากที่สุด

ตั้งแต่ได้รับสายจากคุณหนึ่ง BOOTS THAILAND เอิ๊กก็ตื่นเต้นมาก

ยิ่งพอรู้ว่าต้องไปคนเดียว ย้ำบินคนเดียว !!! ไปคนเดียว ไปเจอกับอีก 6 ชาติ

เนเธอแลนด์ สวิซเซอร์แลนด์ ฮ่องกง ดูไบ อเมริกา สวีเดน ไม่รวมเอเจนซี่ JAM จากอังกฤษ

เอิ๊กก็เงียบไป … ที่เงียบไม่ใช่ไม่อยากไป แต่ทักษะการฟังอังกฤษเอิ๊กไม่ดี

ตอนเด็กๆไม่ตั้งใจเรียน ด้วยความที่สนใจ และ ต้องการจะไปเลยกล้าหาญขอล่ามเขา

ฮ่า ฮ่า ฮ่า และ เขาก็บอกเขางบน้อย 555 เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นค่ะ 

และ ก็รอผลหลายวันลุ้นมาก 55555555555555555

สุดท้ายต้องขอขอบพระคุณที่ไว้ใจให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเดินทางในครั้งนี้ค่ะ

ทริปลอนดอนเป็นทริปที่เอิ๊กต้องกลับมาจากฮ่องกงในวันนั้นเพื่อรอบินต่อไปลอนดอน

ดังนั้นเอิ๊กจัดกระเป๋าไว้ก่อนหน้านั้นล่วงหน้าหลายวัน และ ของเยอะมา เพราะเราก็อยาก

เป็นตัวแทนประเทศที่เต็มที่ และ มีของพร้อมรบอยู่เสมอ  555 กระเป๋า 3 ใบ

เสื้อผ้า เครื่องประดับ อุปกรณ์ไอที อุปกรณ์ทำผม อุปกรณ์ประทินโฉม บอกเลยว่าแน่นตัว

ก่อนไปเพื่อนสาวคนสนิทมาส่ง แฟนมาส่งก่อนหายไปอีกหลายวัน ร่ำลากันจนวินาทีสุดท้าย

คนนี้ก็มาส่งทุกการเดินทางทั้ง ใน และ นอกประเทศจริงจัง ประทับใจ รัก รัก รัก

ขอบพระคุณมากค่ะ

NO.7 ให้ขึ้น FIRST CLASS ขาไป BUSINESS CLASS ขากลับ เพราะตั๋วน่าจะเต็ม

เลี้ยงดูขุ่นพร้อมรบอย่างดีบนเครื่อง เปลี่ยนชุดนอน กินๆๆๆๆ แล้วก็หลับ ตื่นอีกทีก็ถึงละ

– – ” อะไรคือความคุ้ม เอาละใกล้ลงแล้ว ตื่นเต้นมากกกกกกกกกก กลัวมากกกกกก

พี่สาวต้องส่งข้อความมาบอกว่า “ไม่ต้องกลัวน้องรัก เดี๋ยวพี่ดูแลเอง” ก็ฝากเขาซื้อซิม

ที่อังกฤษ และ มารับน้องหน่อย เพราะวันแรก ยังไม่ได้เจอล่าม น้องจะฟังเขาไม่ได้

มาถึงเดินๆ ตามเขามา คอยถ่ายรูปถามพี่สาว ทางไหนต่อ ทางไหนใช่

โดยเปิด WIFI สนามบิน [เพิ่งรู้ว่ามีตอนต่อเน็ตไปถามพี่แล้วพี่บอกมี WIFI

ให้LOG INด้วยชื่อตัวเองให้ถูกต้อง] ตม. เป็นแขกไง เอิ๊กเนี่ยตัวเล็กสเปคอาบัง

ถามยาวมากมาทำอะไร มากับเพื่อนเหรอ พักไหน อยู่ไหน อยู่ที่ไหนของประเทศไทย

ฉันชอบประเทศไทย ฉันเคยไป ……. บลา บลา แต่เขาพูดเราฟังเขารู้เรื่อง เพียงแค่

ถามนานเกินไป เพราะแถวยาวมาก หายใจลึกๆ ค่อยๆฟัง และ ตอบคำถาม

ทางที่ดีติดเอกสาร สถานที่พัก และ ทุกอย่างไปให้เรียบร้อย และ สุดท้ายก็เดินออกมา

คนเพียบ และแล้วพี่สาวของเราก็เดินเข้ามา เฮ้อ โล่งอก ขอบพระคุณมากๆนะคับบบบ <3

ทาง NO.7 ส่งคนขับมารับ ก็ไปรออยู่ไกลมาก แต่สุดท้ายก็หากันจนเจอ

ด้วยความช่วยเหลือพี่สาว พี่สาวเคยเรียนอังกฤษ อิอิ เขามาเที่ยวกับแม่

ยังอุตส่าห์เป็นห่วงน้อง แวะมาดูแลน้อง

ปล. คนขับรถเนี๊ยบมาก สุภาพมากกกกกกก

และเราก็มาถึงหน้าโรงแรมสุดฮิป BOUNDARY HOTEL

กันในไม่กี่นาทีต่อมา มาเป็นคนที่สอง ประเทศแรกคือ

ฮ่องกง เขามีห้องรับรอง เพราะห้องเดี่ยวยังเคลียร์ไม่เสร็จ พี่สาวมาผูกมิตร และ ลากลับ

เราเลยได้อยู่กับ BEAUTY BLOGGER จาก HONGKING คุณ มีเหล๊ง MEI LENG

อาบน้ำแปลงร่างเสียหน่อย เพราะเห็นเอเจนซี่เจอหน้าแล้วทำหน้าตางงๆ

นี่ BEAUTY BLOGGER จริงเร๊อะ ? สภาพมาราธอนมาก

ไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน แถมใส่รองเท้าแตะที่ใช้เดินในบ้านขึ้นเครื่อง สภาพโสโครกมาก

แต่ไม่มีเวลาอาบจริงๆ เพราะกลับมาจากฮ่องกง ต้องบินต่อเลย T________T

สงสารคนหอมก่อนมา 555555555

อาบน้ำ แต่งตัว เปิดกระเป๋า แต่งหน้า แต่งตัวแปรงร่างซักกะหน่อย

ขอบคุณโลกนี้ที่มีเครื่องสำอาง อากาศเย็นเลยใส่เชิต และ คลุมด้วยผ้าพันคออีกที ฟินนน

ชวิงงงงงค์ เขาบอกจะพามาเดินตลาดเลยใส่ผ้าใบมาเพราะกลัววิ่งตามเพื่อนๆมะทัน

หน้าโรงแรมมีแต่ร้านฮิพฮิพ อากาศดีโพดดดดดดดด

หน้าโรงแรมมีร้านขายสกินแคร์เพียบ AESOP ใช้ดีและดังมากจากคำบอกเล่าของ

HONGKONG BEAUTY BLOGGER ที่เดินมาด้วยกัน

มีแต่ร้านขายของหน้ารักแถวตลาด ส่วนตลาดวันนี้มีขายดอกไม้เพียบเลย

ร้านขายขนมที่ดังที่สุดแถวนั้น LILLY VANILLA ไปแถวนั้นต้องไปให้ได้

อย่าถามว่าอร่อยไหม เพราะลดน้ำหนักอยู่ เลยไม่ได้ทานอะไรเยอะ

นอกจากนมชอคโกแลตอุ่นๆ

แนะนำเพื่อนๆให้รู้จักกันหน่อยจากซ้ายไปขวา

น้อง GEMMA [ เจมม่า ] จาก AGENCY GEM จากอังกฤษ

พี่ LAURA [ ลอร่า ] จาก AGENCY GEM จากอังกฤษ

พี่ MEI LENG [ มีเหล๊ง ] BEAUTY BLOGGER จากฮ่องกง

พี่ JEN [เจน ] BEAUTY BLOGGER จากอเมริกา

ตอนนี้คือเรารอ BEAUTY BLOGGER จากประเทศที่เหลืออยู่เราเลยมาเดินเล่นกันก่อน

งาน ART ต้องยกให้ LONDON ของน่ารักเต็มไปหมดเลย

เดินกันพอหอมปากหอมคอ เหมือนฝนจะลงเล็กๆ อากาศช่วงเย็นก็จะเริ่มเย็น

เราได้รับโทรศัพท์ที่โรงแรมว่าห้องทุกคนเสร็จแล้ว เย่ เย่ เย่ กลับไป BOUNDARY กัน

เปิดห้องเอิ๊กโชว์ เอิ๊กนอนชั้น 2 ห้อง 214

วิวดีมาก มองไปเห็นคนเดิน หรือ ทำงานอยู่ตึกใกล้ๆ แก้ผ้าเดินชิลล์ไม่ได้นะ

มันอยู่ชั้นต่ำเกิน 555 ห้องน้ำอลังมาก แต่ไม่มีที่ฉีดน้ำเช่นเคย ขัดใจมาก  !!!! ><

เสร็จธุระจากโถส้วม แล้ว เราก็ไปล้างทำความสะอาดในอ่างต่อ 55555555555555

เซอร์ไพรส์จากโรงแรมทุกวันด้วยร้าน ALBION จะเอาขนมมาให้ทุกวัน หวานมาก

แต่อยู่ที่นี่เดินนิด เดินหน่อยก็เหนื่อยแล้ว อาจเพราะที่บ้านเราไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

ไปต่างประเทศทำงานทีไร จะหิวมากกว่าปกติ

มีถุง NO7 พร้อมสโลแกนประจำแคมเปญนี้

FEEL FABULOUS SHARE THE FEELING

เปิดออกมาเป็น NO7 SKINCARE NAIL COLOR และ CHOCOLATE พร้อม

CARD สวยๆ จาก LONDON

ภาพนี้สวยเนอะ ถ่ายเอง หลังจาก POST ไป ทีม NO7 ถามว่าใครถ่ายให้

ก็ตั้งกล้องถ่ายเองง่ายๆคับ  – – ” เป็นเรื่องปกติของสาวไทยคับ <3

ชื่นชมห้องเสร็จเพื่อนมาครบแล้ว ก็ไปนั่งทานอาหาร แนะนำตัวกัน

อิอิ พี่สุกี้ ล่ามน่ารักของเอิ๊กมาแล้ว ชีวิตจึงดีขึ้นมากกกกกกกกกก 85% ฮ่าๆ

กิจกรรมยามว่างของมาดามเมิ๊ก หลังได้กลับห้องแล้วก็คือ การเอาตัวลงไปอยู่ในอ่าง

ที่ผสมน้ำอุ่นๆ ก่อนลงก็ชโลมน้ำมันมะพร้าวก่อนลงไป ลงไป 3-4 ชั่วโมงได้ไม่หลับไม่นอน

สาบานว่านอนคนเดียว นัด 8 โมงเช้า โคตรเช้า แน่นอน ตื่นแต่ 6 โมงโชคดีที่ต่อขนตา

และ ทำคิ้ว 3 มิติมา ทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างไวขึ้น

เช้าวันใหม่ 7 โมงของวันที่ 2 เตรียมขึ้นไปงานเปิดแคมเปญเป็นประชุมเล็กๆบนดาดฟ้า

รวมกันครบทีมก็เริ่มแนะนำตัว แน่นอนเอิ๊กคนสุดท้าย ผู้มีล่ามพ่วงท้าย

ยืนแนะนำตัวอย่างช้าๆ แจกยิ้ม ระหว่างรอล่าม [ พี่สุกี้ ] พูดแปลทันที

แล้วเราก็มาฟังรายละเอียดแคมเปญนี้ จาก

ตัวแทนทีมผู้บริหาร BOOTS INTERNATIONAL ถึงรายละเอียดแคมเปญ

7 FABULOUS หรือ การนำเอาบล็อคเกอร์ด้านความงามซึ่งเป็นตัวแทนของ 7 ประเทศ

มาส่งต่อความสวยความงามให้กับคนในประเทศตัวเองให้ได้รู้จักกัน

หลังจากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าไปยัง ” VICTORIA AND ALBERT MUSEUM “

สถานที่รวมความงามแห่งศิลปะของประวัติศาสตร์อังกฤษ

ขอลงบางภาพที่ถ่ายมานะคะ เยอะมาก สวยมากด้วย เอิ๊กชอบสีทอง

ความจริงอะไรสีทองหรือเกี่ยวกับความงามก็ถ่ายมาเก็บไว้ดูเกือบหมดค่ะ

เห็นความอลังของโคมไฟเพดานทางเข้าไหมคะ ที่อังกฤษเป็นตัวแทนศิลปะชั้นยอด

ที่มีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามจริงๆ ก็มีพี่คนสวยพาชมถึง

ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความงามทุกยุค ของบรรดาเหล่าราชวงศ์คนสำคัญของที่นี่

เครื่องแต่งกาย และ ที่นอนที่สุดแสนจะอลังการงานสร้าง กับ ศิลปะชั้นสูงของอังกฤษ

อุปกรณ์ตัดเล็บ หัวเข็มขัด ชุด โต๊ะเครื่องแป้ง ที่เก็บเครื่องประดับ

รถม้าซินเดอร์เรล่าชิดซ้าย ของจริงสวยมากมากมากมากกกกกก

ที่เก็บเครื่องประดับ หรือ เก็บบุหรี่ของเหล่าสังคมชั้นสูง และ เหล่าราชวงศ์

FASHION ยุคเก่า ของดีไซเนอร์ชื่อดังประเทศอังกฤษ

สวยงามตระการตาจริงๆ ขากลับฝนตก T___T แล้วเราก็นั่ง TAXI ไปทานข้าวกัน

ที่นี่มักเสริฟ ขนมปัง > ผัก > เนื้อ แต่มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเอิ๊ก เอิ๊กจะรอทานผัก

านเยอะๆ จะได้ใส่เนื้อลงไปได้น้อย ใส่แป้งลงไปได้ไม่มาก จะได้ไม่อ้วน อิอิ

เมื่อทานแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับโรงแรมไปแปลงโฉม เพื่อออกมาดินเนอร์ที่โรงแรมหรู

การแปลงโฉมแต่งหน้าโดยช่างจาก NO7 และ ทำผมโดยกูรูเส้นผมชื่อดังที่เป็น

เจ้าของแบรนด์ Umberto Giannini Glam Hair ที่วางขายใน BOOTS

พบตัวจริงตื่นเต้นมาก ทำผมทรงนี้ให้เอิ๊กไวมากกกก

อุปกรณ์เธอ วันนี้เธอมาคนเดียว เพราะวันนี้วันหยุด

ผลงานแต่งหน้าทำผมของทุกคน

ปล. เอิ๊กแต่งหน้าใหม่เอง 5555 รสนิยมการแต่งหน้าเป็นความชอบส่วนบุคคล

เรามาดินเนอร์กันที่โรงแรม ความสูง 100 กว่าชั้น ดังมาแถวนั้นแต่เอิ๊กลืมชื่อขออภัย

บลอคเกอร์ต่างชาติแซวเอิ๊กเหมือนนางเองหนังจีน – – ” ต้องดีใจสินะ 555

หน้าตาอาหารมื้อนี้ทั้งสุกแบบตะวันตก ดิบแบบตะวันออก ยังมีขนมหวานแบบว่า

I’M FULL

อิ่มแล้วก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปกัน 🙂 สวยงามจริงๆ คืนนี้ข้างนอกหนาวมากแล้วเรา

ก็นั่งรถกลับโรงแรมกัน

กิจวัตรประจำวันของมาดามเมิ๊กก็ลงอ่างอีกแล้ว – – ” พรุ่งนี้ต้องตื่น 6 โมง ตี4

ยังไม่ขึ้นมาจากน้ำ – – ” ………………..


ตาแดงก่ำเลยวันนี้ แต่งหน้าไม่ทัน เลยหอบมาแต่งบนรถไฟความเร็วสูง ขนตา กับ

ขายุงเอ้ย คิ้วช่วยเราไว้ และก็แต่งหน้าจนเสร็จภายในเวลา 1 ชั่วโมงบนรถไฟฟ้า

วันนี้จะไปเยี่ยมฐานทัพ NO.7 กับ ที่ LENTON HOUSE ต้นกำเนิดของ No.7 เกิดที่นี่

โฉมหน้าผู้ก่อตั้ง BOOTS “JESSE BOOT”

ดีใจที่มีโอกาสได้ชักภาพคู่กับผู้ก่อตั้ง BOOTS ฮ่าฮ่าฮ่า ใกล้ชิดมากเพคะ

วิสัยทัศน์ ปรัชญา การสร้างแบรนด์เพื่อให้ทรงคุณค่าของ BOOTS

ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย BOOTS ปัจจุบัน

ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย BOOTS ในอดีต หลายๆยุคด้วยกัน

เห็นแป้งที่เอิ๊กยกทาหน้าไหมคะ “ตบทีเดียวอยู่” สโลแกนนี้คงมาจาก BOOTS สินะ

DR.MIKE ได้พูดถึงประสิทธิภาพของ

NO.7 LIFT&LUMINATE DAY & NIGHT SERUM CLICK

จบบรรยายเอิ๊กก็มาถามคำถามที่สงสัยและขอถ่ายภาพคู่กับคนสำคัญของ NO.7 หน่อย

วิวบริเวณรอบๆ LENTON HOUSE

 LENTON HOUSE แอนด์เดอะแก๊งค์

ขนาดห้องน้ำ  LENTON HOUSE ยังสวยขนาดนี้ มีที่นั่งรอด้วยแต่ถ่านมาไม่หมด

เสียอย่างเดียวไม่มีที่ฉีดน้ำ – – ” ยังไม่จบตั้งแต่โรงแรม 55555

ขอถ่าย ณ สถานีรถไฟฟ้า ซะหน่อย ใหญ่จังเลย แล้วเราก็นั่งรถไฟฟ้าเพื่อกลับมานั่งรถตู้

ต่อไปยังโรงงาน BOOTS ที่อังกฤษ วู้วู้วู้ ดีใจ แต่พอมาถึง

เขาห้ามถ่ายรูปด้านใน T^T เป็นธรรมเนียมทุกที่สินะ

ถ่ายภาพโฆษณา PRINT AD. ของผลิตภัณฑ์ในเครือ BOOTS สมัยก่อนมาให้ดู

VINTAGE มาก

เปลี่ยนชุด สวมหมวก ล้างยาทาเล็บ เปลี่ยนรองเท้าเรียบร้อย ถึงมีสิทธิ์เดินเข้าไป

โรงงานใหญ่มาก ภาพจากกล้องคุณ KATGREEN

ที่นี่ก็เป็นระบบ MANUAL อยู่นะ ยังใช้บุคลากร มาปิด บรรจุภัณฑ์

วันนี้ก็ได้มาดูตั้งแต่ระบบการวัดครีม เทครีมให้พอดี มีเครื่องวัด มีการตรวจ QC

เปิดโลกทัศน์เอิ๊กมากกกกกกกกก

ทำไม BEAUTY BLOGGER ฝั่งเอเชียตัวเล็กนักล่ะ – – ” ยังไงกัน

พี่สุกี้ล่ามอยู่ด้วยกันมาก เป็นไงโดนพลังงานบางอย่างเป็นแบบนี้ไปเลย ฮ่าๆๆ

และแล้วออกจากโรงงานเดินมาหน่อยเป็นญานทัพการตรวจสภาพผิวแบบจริงจัง

เอิ๊กตรวจที่เมืองไทยบ่อยแล้ว เลยปล่อยให้คนอื่นเล่นกัน วันนี้บอกเลยเหนื่อยมาก

หิวมากกลับมาถึงโรงแรมขึ้นเตียงนอนตาย ปรากฏ วันนี้เขาให้พูดถึง BEAUTY SECRET

แต่ละชาติ “ภารกิจเพื่อชาติ” ต้องลืมเหนื่อยสินะ อ่านแบบละเอียดได้ที่นี่

CLICK

คืนนั้นผ่านไปแบบเหนื่อยมาก พีรญาก็ยังลงอ่างเช่นเดิม แต่พรุ่งนี้ตื่นสายได้หน่อย

ไม่มีแรงถ่ายรูปต่อเลย พรุ่งนี้ต้องเข้าฐาน

มาถึงเช้าวันใหม่วันนี้เข้าห้อง LAUGH THERAPY มาเปลี่ยนพลังความสุข

ความคิดบวกให้กับชีวิตกันดีกว่า โดยการขยับร่างกายให้มีความสุขกับทุกวินาที

ประวัติคุณครูของเอิ๊ก Julie Whitehead


พวกเราทำตัวผ่อนคลาย วิ่งเล่นกันเหมือนเด็ก ลืมทุกข์ไปชั่วขณะ แล้วก็รู้สึกดีขึ้นกับ

สิ่ง และ มิตรภาพที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ

ภาษาไม่แข็งแรงแต่อยากนั่งข้างครู มีปัญหาปะ ? 555 ฟังก็ไม่รู้บ้าง รู้เรื่องบ้าง

แค่รู้สึกว่าคนอารมณ์ดีมีสเน่ห์มากกกก และ เราก็รับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่นี่

BROWN HOTEL

 

แก๊งค์นี้ทานเครื่องสำอาง TOM FORDS จ๊า 555555 ดูท่าทางเด๊บบี้ บลอคเกอร์จาก

เนเธอแลนด์ เธอจะชอบมากกับเครื่องสำอาง มาแล้วซื้อกระจายจริงๆ พร้อมแนะนำแบรนด์

ดีดีให้เอิ๊กอีกตั้งหลายแบรนด์ สาวๆรุมเธอกันใหญ่

ส่วนเราเดินเล่นจ๊า วันนี้หลายคนต้องกลับประเทศแล้ว เศร้า T_T ไม่ชอบการจากลา

ดูเหมือนเวลาผ่านไปไม่นาน แต่ก็รู้สึกมีกันและกันนะ เวลาจากกันแล้วมันโหวงเหวง

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา แล้วเราก็ไปซับน้ำตาด้วยการชอปปิ้งกันดีกว่า

ไม่ช่ายยย แต่เราก็ถือว่าโชคดีกับวินาทีที่เรามีร่วมกันแบบเต็มที่ มีความสุข

กับ ความทรงจำที่ผ่านมาดีกว่า 🙂 วันนี้เราก็มีเวลาเดินเล่นเที่ยว

ช่วงบ่ายให้สนุกสนานในอังกฤษ  ที่นี่สะอาดตามาก และ ตึกรามบ้านช่องดูสดใส

เหมือนทำความสะอาดให้ใหม่อยู่ตลอดเวลา

ขามามีกัน 3 คน ขากลับก็เหลือ 3 คนอีกครั้ง

และเราก็เดินเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน

ถึงเวลากลับโรงแรม ไปพักและเตรียมไปดินเนอร์ ไม่ได้เอาเสื้อหนาวมา มีเหล๊ง ดูแลดีมาก

เอาเสื้อหนาวมาให้ยืม นางจะยกให้อีก บอกยูใส่สวย เราบอกไม่เอา ใจดีมาก

BEAUTY BLOGGER ฮ่องกงที่เอิ๊กประทับใจที่สุดในทริป

อาหารเย็นจากเชฟคนโปรดของ

BEAUTY BLOGGER อย่างมีเหล๊งที่ชื่นชอบการทำอาหาร เขานำเสนอร้านของ

Jamie Oliver ร้าน FIFTEEN

http://www.fifteen.net/

อาหารอร่อยทุกอย่างพูดเลยยยยยยยยยยยย อร่อยทุกอย่าง 55555555

ทุกคนถูกใจแว่นเอิ๊กมา ขอใส่เล่นกันหมด เลยชักภาพหมู่มาให้ชม 5555555555

NERDY GANG

วันนี้ก็ลงอ่างอีกตามเคย แต่เหนื่อยไม่ได้ถ่ายรูปมา วันต่อมาเราก็ไปเดินเล่นที่ BIG BEN

วันสุดท้ายก่อนลากันกลับบ้าน

ขอบคุณ LAURA และ GEMMA มากนะคะ คุณสองคนคือเอเจนซี่ที่น่ารัก และ ดูแลเอิ๊ก

อย่างดีมาตลอดการเดินทาง ขอบคุณสำหรับการให้ความรู้ ความอบอุ่น น้ำใจ

เอิ๊กคือคนสุดท้ายของทริปที่ตั๋วขึ้นตอนกลางคืน ก็เลยเดินเล่นถ่ายรูปแล้วก็เลยไปสนามบิน

เกือบตกเครื่องที่ลอนดอนมัวแต่ยืนรอซื้อของให้แฟนสมน้ำหน้า แทบร้องไห้จริงจัง

วิ่งไปน้ำตาไหลไปดันขึ้น GATE CLOSED ทั่งที่ยังไม่ถึงเวลา โหวิ่งตับแล่บ

สนามบินใหญ่มาก มันดึกมากแล้วด้วย ไม่อยากโทรกวนใครให้มาเลย

สุดท้ายยังเข้าได้อีกตั้งพักนึง แงแงแงแงแงแงแงแงแง หนูจะไม่ทำตัวแบบนี้

จะไปก่อนเวลา กลัวมาก วินาทีนั้นแบบกลัวจับใจอยู่คนเดียวด้วย

ทุกอย่างล้วนเป็นประสบการณ์สอนให้เราโตขึ้น

ทริปนี้ตื่นเต้น ใจจะวายมากค่ะ 5555 ขอบพระคุณ BOOTS NO.7

JAM AGENCY มากนะคะที่ทำให้หนูมีวันนี้ 555 ที่ให้ความทรงจำที่ดีกับเอิ๊ก

แม้เอิ๊กอาจจะไม่ได้เห็นอังกฤษมากนัก เพราะทำงานอยู่ตามจุดต่างๆ

แต่ต้องกลับไปอีกแน่นอน อยากชอปปิ้ง 55555555 มัวแต่ทำงาน

เลยแทบไม่ได้ซื้ออะไรเลย

XOXO

Posted in SKIN CARE, TRAVELComments (0)

Boots No7 Lift & Luminate Day & Night Serum 6 ปี แห่งผลิตภัณฑ์สุดยอดในการดูแลริ้วรอย จุดด่างดำ และ ความกระชับ #sharethefeeling

6 ปี แห่งการรอคอยตระกูล Boots No7 Lift & Luminate Day & Night Serum

เอิ๊กได้ฟังบรรยายจาก DR. MIKE BELL 2 รอบทั้งที่อังกฤษและอีเวนท์ที่ไทย

จากการเป็นบล็อคเกอร์ตัวแทนคนไทยไปเจอกับอีก 6 ประเทศที่อังกฤษกับแคมเปญ

#SHARETHEFEELING กับ #THEFABULOUS7

ในช่วงกันยาที่ผ่านมาหลายคนที่ติดตามจะทราบกันค่ะ

Boots No7 Lift & Luminate Day & Night Serum

ทดสอบกับผู้หญิงประมาณ 1000 กว่าคนทั่วโลก ทั้งตะวันตก ตะวันออก

ตัวนี้ขายดีมากในอังกฤษ 1 ชิ้นทุก 6 นาที และ ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญ

หลายประเทศ มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ 

โดยมีการเคลมว่า ลองใช้แค่ 1 เดือน หรือ 4 สัปดาห์จะเริ่มเห็นผล

วันนี้เลยพามาทัวร์อีเวนท์

Boots No7 Lift & Luminate Day & Night Serum ในไทย

ก่อนจะพาไปย้อนบรรยากาศ ณ ลอนดอนค่ะ

 

อาหารในงานนั่งทำอยู่หิวเลยยยยยยยย T_T Whats up !!! น่าทานมากค่ะ

บรรยากาศงาน #SHARETHEFEELING ของ Boots No7 Lift & Luminate Day & Night Serum

ทุกคนมาถึงจะได้ลูกโป่งสีดำ และ เขียนถึงปัญหาผิวที่เราไม่ต้องการออกมาของเอิ๊ก

เขียนเต็มลูกโป่งทีเดียว จัดหนัก 555555555 แล้วก็จะมีทีม BOOTS ไทยเก็บลูกโป่งเราไป

ได้เวลางานเริ่ม วันนี้เอิ๊กเป็น 1 ใน SPEAKER บรรยายความรู้สึกที่ได้เป็นตัวแทนจากไทย

ไปร่วมแคมเปญ#SHARETHEFEELING ของ 

Boots No7 Lift & Luminate Day & Night Serum ครั้งนี้ด้วย

วันนี้เปิดงานด้วย NO.7 SENIOR BRAND MANAGER, BOOTS THAILAND

KHUN ALANA CARTMILL คนนี้น่ารักกันเองกับเอิ๊กมากๆค่ะผิวสวยเลย

ยังดูเด็กอยู่เลย เขาก็มากล่าวความรู้สึกดีใจในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นมานานให้ฟัง

 

ไม่ต้องกลัวว่าจะฟังกันไม่ได้นะคะ เธอพูดอังกฤษแต่ภายในงานมีหูฟัง และ มีคนแปลทั้งไทย

และ อังกฤษให้ฟังตลอดงาน ไฮโซมากกกกกกก 🙂

มาถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยพบ 1 ใน EXPERT ของการคิดค้นผลิตภัณฑ์นี้

DR. MIKE BELL นักวิทยาศาสตร์ที่ปรึกษาของ BOOTS

 

เขาก็มาให้ข้อมูลว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ สิ่งที่กลัวที่สุดคือ ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย

และจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ แต่คนไทยที่เจอเยอะที่สุดคือ สีผิวไม่สม่ำเสมอ

ฝ้า กระ จุดด่างดำ เพราะบ้านเราแดดแรง ปัญหาเรื่องเกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดสี

จึงเยอะเป็นอันดับแรก ส่วนทางตะวันตก อันดับหนึ่งริ้วรอย เพราะเขาชอบอาบแดดกัน

ชอบตัวแทน ดังนั้นบางคนก็เลิกทาไปเลยกันแดด UVA เลยส่งผลให้มีริ้วรอยก่อนวัย

Boots No7 Lift & Luminate Day & Night Serum ได้ทดลองมาทั้งหมด 6 ปี 

และมีผลการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์หลายเล่ม 

เช่น Experimental Dermatologyและยังได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง

อีกหลายประเทศ อยากทีมจากมหาวิทยาลัย MANCHESTER

DR. MIKE ก็เล่าต่อว่า สีผิวนั้นโดยสร้างจากเซลล์ที่เรียกว่า เมลาโนโซส์(Melanocytes)

และ เจ้าเมลาโนโซส์จะสร้างสีผิว(Skin Pigmentation) และสร้างเม็ดสีเมลานิน

เมลาโนไซส์จะทำงานกับเซลล์ เคราทิโนไซท์ (Keratinocytes)

เมื่อเมลาโนไซส์ส่งสัญญาณไปยังเคราทิโนไซส์ ก็จะสร้างสีผิว

การทำงานของBoots No7 Lift & Luminate Day & Night Serumสามารถช่วยลดการ

สร้างเซลล์สีผิวได้โดยการหยุดไม่ให้เซลล์เมลาโนไซส์ส่งสัญญาณ

ไปหาเซลล์เคราทิโนไซด์ดังนั้นจึงไม่มีการสร้างเซลล์สีผิว

สารที่ใช้หลายตัวช่วยยับยั้งและการผลัดผิวซึ่งก็ได้มาจากธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น

PHA, Sophora, Kiwi and Vitamin ต่างๆ.

ทีมทดลองขอดร.ไมค์ ได้เปรียบเทียบการทำงานของ No.7 Life and

Luminate กลางวัน และกลางคืน กับการทำงานของ Hydroquinone

ซึ่งเป็นสารฟอกผิว ผลการทดลองปรากฎว่าในช่วงเดือนแรก

ผลิตภัณฑ์ของNo.7 จะลบรอยด่างดำได้ช้ากว่า Hydroquinone

แต่เมื่อใช้เกิน 3เดือนขึ้นไป ผลิตภัณฑ์ของ

No.7 จะทำงานได้ดีกว่า และสามารถรักษาผิวไม่ให้เกิดรอยด่างดำได้อีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่ไว้ใช้ตอนกลางวันจะมีสารป้องกันแสงแดด

เพราะรังสีในแดดสามารถกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีได้

ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ยามกลางคืน มีไว้สำหรับการกำจัดเม็ดสีที่สร้างออก

และให้ผิวได้พักฟื้น ดังนั้นควรใช้คู่กันถึงได้ผลดีอย่างการทดลอง [ถึงขายเป็นคู่]

การทดลองนี้ได้ทดลองกับผู้คนจากหลายๆเชื้อชาติและหลายๆลักษณะผิว

ละทำในหลายประเทศ ตั้งแต่ประเทศโซนร้อนและประเทศโซนหนาว

เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได้กับคนจำนวนมาก

และ มีการวัดการเปลี่ยนแปลงก็ใช้กล้องที่สามารถวัดรายละเอียดได้อย่างพิเศษ

นอกจากนี้ยังใช้เครื่องมือ Light Spectrometre

เพื่อวัดค่าการเปลี่ยนค่าของแสงสะท้อนจากวัตถุ

ประเด็นคือตอนแรกยังเฉยๆ ฟังจบอยากลองเลย

จุดด่างดำเห็นผลไวสุด ดีสุด 

หลังจากนั้นพิธีกรก็เข้าสู่การสัมภาษณ์ คุณประภาพรรณ พลอยแสงงาม 

ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท บู๊ทส์ รีเทล (ประเทศไทย)

และคุณหมอ ผิง ธิดากานต์ จาก รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ถึงการดูแลตัวเอง

แบบANTI-AGING เพื่อใช้ชีวิติแบบเสริมสร้างสารต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย

ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ผิวก่อนวัย

และก็มาถึงการสัมภาษณ์ผู้ใช้จริง อย่าง คุณ มินท์ อรรถวดี จิรมณีกุล ขวัญใจน้องเอิ๊ก

ก็เป็นทั้งไฮโซ นักร้อง ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง PR

ให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่หลายที่ในประเทศไทย

ส่วนเอิ๊กก็เล่าในฐานะลองแล้ว และ ชีวิตตอน

อยู่อังกฤษกับเพื่อนบล็อคเกอร์อีก 6 คน กับ แคมเปญนี้

พี่มินท์เป๊ะเสมอ สวยปิ๊ง 30 นิดๆยังใสอยู่เลย

น้องเอิ๊กก็บอกเลย อิ่มมาเชียว ลืมปัดขนตา ขาวโพลนมาเลย 5555 ไม่เป็นมั่นใจ เราเอาอยู่

สื่อมวลชนก็มาเก็บข่าว พร้อมทั้งเพื่อนๆบล็อคเกอร์ที่น่ารักของเอิ๊กก็มา 🙂 มีคนแปลแปลสด

จากไทยเพื่อให้ DR.MIKE กับ คุณ ALANA ฟัง ตอนเอิ๊กกับพี่มินท์พูด

ถึงเวลาที่เราจะลองเล่นจริงจังก็เทสบนผิว และ ดมกลิ่นไปพร้อมกัน

เอิ๊กก็ยังไม่ค่อยปลื้มปลิ่มกับกลิ่นเท่าไหร่ ที่ลองไปคือเซรั่ม สิวไม่ขึ้นโอเค 🙂

ทุกคนที่ได้ลอง ก็มักจะลองกันที่บริเวณมือ และ ดมกลิ่นเช่นกัน 555 เป็นธรรมเนียม

ชักภาพหมู่กับคณะผู้บริหาร และ GUEST SPEAKER วันนี้

เดี๋ยวเราจะออกไปปล่อยลูกโป่งงงงงงกันข้างนอกนะคะ

พร้อมองค์ประชุมรวมกันปล่อยลูกโป่งที่ระบุปัญหาผิวที่ไม่ต้องการขึ้นฟากฟ้า ดูลูกโป่งเอิ๊กดิ

เพียบบบบบบบ บอกเลย 555 ปัญหาเยอะ

เย่ !!!! ไปแล้วเต็มฟ้าเลย อีกซักพัก ตำรวจมา 555555555555 ล้อเล่นนะคะ

ชักภาพขากลับกันซักนิด เราประทับใจมากที่ลูกโป่งไป แต่ปัญหายังอยู่บนหน้าเรา 555

ต้องดูแลกันต่อไป แต่ปล่อยไปก็สบายใจดีนะคะ

ขอชักภาพกับพี่มินท์หน่อย ขวัญใจน้องเอิ๊ก “รักเธอที่สุด” เพราะมาก เพราะเสมอ

ขากลับก็แทบจะยิ้มแก้มปริ ผู้บริหารทีม BOOTS ประเทศไทยบอกว่า

UK EMAIL มาหาว่า BLOGGER ประเทศไทยทำงานดี ขยัน

และ เป็น BLOGGER ตัวอย่างที่ดี ^________^ หน้าบานเบยยยยยย

BLOGGER บ้านเราไม่แพ้ชาติใดในโลกนะคะ เรื่องความถึก

แม้ภาษาเอิ๊กไม่ได้แต่เรื่องอึด งาน เอิ๊กตั้งใจไม่ให้แพ้ชาติไหนแน่นอนคับ

ดีใจที่ได้ไป เลยบอกเขาว่า

ไม่ต้องขอบคุณหลายรอบ ปีหน้าเอาเอิ๊กไปอีกก็พอ 5555555555

ขอบพระคุณคุณหนึ่ง และ BOOTS THAILAND ที่มอบโอกาสที่ดีที่สุดอีกชิ้นในปีนี้ให้กับ

เอิ๊ก บล็อคเกอร์ที่ไม่ได้เรื่องภาษา แต่ก็กรุณาเรื่องจัดหาล่ามให้ ดูแลเอิ๊กอย่างดี อบอุ่น

เป็นกันเองทั้งไทย และ เอเจนซี่ JAM ที่อังกฤษ ซึ่งเอิ๊กก็พยายามทำเต็มที่

เพื่อชื่อเสียงประเทศเรา และ ทำให้ BOOTS UK ยอมรับการทำงานของเราคับผม <3

XOXO

 

Posted in EVENT, SKIN CAREComments (0)

อยากมีครีมเป็นแบรนด์ตัวเองที่ประสบความสำเร็จ กับ QUALITY PLUS และ ทดสอบสารอันตรายในเครื่องสำอาง ครีมบำรุง

อยากมีครีมแบรนด์ตัวเองที่ประสบความสำเร็จง่ายมาก

ครีมในเน็ตเยอะมากกกกกกกกกกกกกก และก็ขายดิบขายดีกันเทน้ำเทท่ามากกกกกกก

บางคนก็แจกทอง แจกไอโฟน ไอแพด ซื้อเบนซ์ ซื้อบ้านกันใหญ่โต

ถามว่ามีจริงไหม จริง ! แต่ดีจริงไหมไม่รู้ .. !?!?!!

บอกเลย  BEAUTY BLOGGER อย่างเอิ๊กไม่ค่อยจะกล้าลองแม้จะผ่านอย.ไทยแลนด์

เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีงานวิจัยรับรองทั้งกระปุก เหมือนบางแบรนด์ที่ตปท.

แล้วยิ่งพอได้ไปดูโรงงานแบรนด์ดังตปท. บ่อยๆ รู้เลยว่าเขารอกันนานมาก

กว่าครีม 1 สูตรจะออกมาให้ได้ใช้ บ้างก็รอ 10 ปีเอง ส่วนแบรนด์ไทย

เทรนด์ไหนมาก็แข่งกันผลิต ใครทำก่อนรวยก่อน เจ้าของร้านดังหน่อย

สวยหน่อยเกิดเร็วมาก บางคนก็แตกไลน์มีตั้งแต่ดูแลหัวจรดเท้า

เอิ๊กจะลองก็ต่อเมื่อต้องสนิทกับเจ้าของ หรือ ซักข้อมูลอย่างละเอียดจริงจัง

บอกตรงๆ หนูไม่มั่นใจค่ะ

จนกระทั่งมีโอกาสได้รู้จักกับอุตสาหกรรมผู้ผลิตโดยตรง

และผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์ครีมบำรุงผิวในไทยมากกว่า 100 แบรนด์

สิ่งที่อยากจะบอกคืออุตสาหกรรมความงามไม่มีวันตาย100ล้าน% ในความเชื่อของเอิ๊ก

ไม่งั้นทุกคนคงไม่เห็นเอิ๊ก ณ ตรงนี้ 555555555555

อย่างที่เราเห็นกันในข่าวว่าการเติบโตของธุรกิจเครื่องสำอางไทยปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นไทยกลายเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องสำอางอันดับ 1 ของอาเซียน และ มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเรื่องของโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ และการตอกย้ำความเป็นผู้นำในเอเชีย แน่นอนว่าภาครัฐยินดีให้การสนับสนุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้ไกลไปสู่ระดับโลก ดังนั้นใครทำอะไรตอนนี้ สร้างแบรนด์วางตำแหน่งมาดี มีการกระจายการรับรู้อย่างทั่วถึง หรือ สร้างกระแสได้ดี มีผลิตภัณฑ์ความงามที่ตอบโจทย์สภาพผิวของคนแต่ละทวีปได้อย่างมีคุณภาพชัดเจน ครอบคลุม มีโอกาสสูงมากที่จะดังในประเทศ ซึ่งสามารถพัฒนากลายเป็นแบรนด์ที่ส่งออก และ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

มีเงินเย็นลงทุนซักก้อน + ความฝันที่เคยมีก็อาจเกิดขึ้นได้

และ เงินทุนเริ่มต้นก้อนที่บอก คือประมาณ 50,000 บาท

แต่จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีความตั้งใจจริง

อดทน ขยัน พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วย และต้องเรียนรู้เรื่อง

กลยุทธ์การตลาด กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ กลยุทธ์การวางสื่อ

กลยุทธ์การลงทุน พฤติกรรมผู้บริโภค เพิ่มเติมด้วย

” ในอดีตเอิ๊กเคยฝันอยากมีแบรนด์สกินแคร์ที่เป็นของตัวเอง

แต่แค่คิดก็เดาไปแล้วว่ามันไกลมาก

ที่ไกลเพราะอะไร เพราะรู้แน่นอนว่าต้องใช้เงินเยอะมาก

เพราะมันเป็นแบรนด์ของเราเองนิ ส่วนเรื่องอื่นข้างต้น

เอิ๊กได้เรียนมาบ้างแล้ว และ ก็นำมาปรับใช้กับอาชีพอิสระของตัวเอง “

ก็คงติดแค่เรื่องเงิน นึกว่าต้องมีซัก 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท กว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง

 นั่นคือ ความเข้าใจมาตลอดก่อนจะได้ทำความรู้จัก QUALITY PLUS

Quality Plus Aesthetic International Co.,Ltd.

บริษัทผู้ผลิตสกินแคร์ตามใจคุณ และ ช่วยสร้างแบรนด์สกินแคร์คุณ

ให้ประสบความเร็วยั่งยืน ยาวนาน ให้บริการการดูแลให้คำปรึกษาแบบครบวงจร

CONCEPT : The Origin of Beauty Revolution

ก่อนจะเข้าเรื่องอยากบอกความในใจนิดนึงระหว่างเอิ๊กฟังการนำเสนอภาพรวมของบริษัทอย่างเจาะลึก และ การถามคำถามที่เอิ๊กสงสัยก็ถามแบบเจาะลึกมาก เอิ๊กอยากบอกว่ามันเป็นการทำงานที่รู้สึกดีมากอีก 1 วัน แม้ระยะเวลาในการทำบล็อคนี้นานมาประมาณเกือบเดือน เนื่องจากว่าผู้หนึ่งบริหารที่นี่ และ ทีมQUALITY PLUS ให้ข้อมูล และ ตอบคำถามเอิ๊กแบบละเอียดมาก พร้อมทั้งยกตัวอย่างเห็นภาพชัดเจน เอิ๊กบอกได้คำเดียวว่าจากเจตนารมณ์ที่เขามีเปิดรองรับลูกค้าทุกระดับ และ ที่สำคัญหนึ่งในทีมผู้บริหารก็คุยให้คำปรึกษาด้วยตัวเองทุกเคส ไม่ว่าลูกค้าจะมีเงินเริ่มต้นที่น้อย หรือ มาก เอิ๊กว่ามันเป็นการ SERVICE MIND ที่เอิ๊กพบน้อยมาก และ เป็นการให้บริการที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา หรือ พูดง่ายๆ เมื่อก้าวเข้ามาเป็นลูกค้า ให้คิดถึงว่า QUALITY PLUS จะดูแล และ คอยให้คำปรึกษาคุณตลอด และมันพิเศษมากกว่านั้น ที่ทุกข้อมูลขั้นตอนให้คำปรึกษาฟรี ข้อมูลแน่นมากที่สุดของที่สุด มีรายละเอียดชัดเจน พร้อมตัวอย่างอธิบายซึ่งลูกค้าที่อาจไม่มีความรู้ด้านนี้เลยให้เข้าใจได้ง่าย เอิ๊กรู้อยู่แล้วในใจระหว่างนั่งฟังข้อมูลว่ายังไงบริษัทนี้ต้องประสบความสำเร็จ และ เติบโตอย่างยิ่งใหญ่มากแน่นอน มันไม่ใช่เพราะเรื่องเทคโนโลยี หรือ นวัตกรรมที่เขาพยายามพัฒนา และ ใช้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตลอด แต่มันเป็นเรื่องของ “หัวใจ” ที่เขาอยากให้คนอื่นประสบความสำเร็จไปด้วยกัน กับธุรกิจที่เขาทำโดยผันตัวเองเป็นผู้สนับสนุนลูกค้าอยู่เบื้องหลังแบบครบวงจร ลูกค้าจะบอกต่อหรือไม่ก็ได้ เขาไม่ได้ติดเรื่องตรงนี้ อย่างที่วิสัยทัศน์ของที่นี่คือตั้งใจอยากปฏิวัติวงการเครื่องสำอาง ให้มีคุณภาพเป็นเลิศเพื่อก้าวไปสู่ระดับสากลเอิ๊กว่าเขาทำได้  ไม่ว่าจะเป็นความเป็นทีม แววตาและความมุ่งมั่นของทีมทุกคน ความมีน้ำใจที่จะเริ่มช่วยเหลือให้กับคนทุกระดับ QUALITY PLUS จะก้าวกระโดดไปมากกว่าวันนี้ที่เขาก็มาไกลขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว ขอให้รักษาวิสัยทัศน์ และ จุดยืนตรงนี้ไว้ตลอดไปค่ะ

ก่อนที่เอิ๊กจะมาแนะนำในเรื่องของบริษัทนี้ เอิ๊กว่าหลายคนต้องสนใจมากในเรื่องการมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ในคำแนะนำส่วนตัวของเอิ๊ก เอิ๊กอยากให้อันดับแรกหากคุณอยากทำธุรกิจกับบริษัทไหน ควรตรวจสอบรายละเอียดการจัดตั้งของบริษัทให้เรียบร้อย ซึ่งสามารถตรวจได้ถึงรายละเอียดงบกำไร ขาดทุน การนำส่งงบประมาณ ประจำปี ประวัติปีการก่อตั้ง สมาชิก กรรมการ รายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อเช็คแนวโน้มความมั่นคงของบริษัท และ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าบริษัทที่เราจะลงทุนมีอยู่จริง เปิดขึ้นโดยถูกต้องตามกฎหมายสามารถสมัครสมาชิก และ เช็คได้ที่นี่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เอิ๊กได้ความรู้นี้มาตอนเอิ๊กเป็นเลขา ^^

ความจริงสามารถขอทาง QUALITY PLUS ดูเอกสารได้ แต่เราก็แค่เช็คขั้นตอนเพื่อความสบายใจ

เงินก้อนเล็กๆบางก้อน บางคนอาจเก็บหอมรอบริบมาทั้งชีวิตก็เป็นได้

และก็มาถึงขั้นตอนการดูแล และข้อมูลต่างๆ จากทีม QUALITY PLUS ที่ละเอียด

และโปร่งใสมาก จนทำให้เอิ๊กประทับใจอย่างที่บอกตอนต้น

แบรนด์ความงามประสบความสำเร็จขึ้นกับ 4 ปัจจัย

Product : ต้องชัดเจน มีคุณภาพจริง เห็นผลจริง และ ต้องปลอดภัย

Branding : ต้องแตกต่าง มีเอกลักษณ์ น่าจดจำ มีพลังทำให้คนที่ได้เป็นเจ้าของรู้สึกดีถึงดีมากที่สุด ระดับสูงคือ ถ้ามีอาจหมายถึงการบ่งบอกสถานะคนใช้ มีไว้แล้วภูมิใจ คนพูดถึง คนจำได้

Cost planing : มีเงินอย่างเดียวไม่พอ การจะประสบความเร็จ กำไรเป็นอีกตัวหนึ่งที่ใช้วัดผลความสำเร็จ ดังนั้นเรื่องเงินทองต้องวางแผน ต้องวัดผลได้ ต้องประมาณการได้

Marketing : ถ้าเรารู้จักสินค้าเราคนเดียว หรือ ปากต่อปากกันไปอาจต้องใช้เวลา วางแผนใช้สื่อที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย มีการกระจายสินค้าไปยังที่อยู่ ที่หาซื้อได้ง่ายที่เข้าถึงได้ของกลุ่มเป้าหมาย เข้าถึงเร็ว ไว ของใช้ดี ซื้อง่าย เห็นบ่อยคนก็จะกลับมาซื้อซ้ำ

Quality Plus Aesthetic International Co.,Ltd. หรือ QUALITY PLUS เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2009-2013 มีกลุ่มลูกค้ามากกว่า100แบรนด์ เป็น Local brand [แบรนด์ในประเทศ] และยังมีสินค้าที่ผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ รวมถึงมีสินค้าที่ผลิตกว่า 400 SKU

Target หลัก : ประเทศไทย  

Target รอง : ประเทศพม่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมีอีกหลายประเทศที่กำลังวางแพลนในอนาคต

ทีมผู้เชี่ยวชาญ QUALITY PLUS ทั้งหมด 9 คน  ทุกคน 

จะมีรายละเอียดส่วนตัวให้ติดต่อในเว็บไซด์ 

          ก่อนอื่นที่เอิ๊กจะได้มีโอกาสรู้จักกับบริษัทนี้ โดยส่วนตัวแล้ว เอิ๊กคิดว่าคนไทยส่วนมากที่ยังศึกษาความรู้ตรงนี้ไม่มากพอในเรื่องการผลิตหรือการทำสกินเเคร์ที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง สังเกตได้จากคนไทยส่วนใหญ่น้อยมากที่จะเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองได้อย่างจริงจังหรือว่าเลือกครีมที่ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง ปลอดภัย เขาไม่ใช่ไม่รู้ แต่เขาอาจจะตามกระแส ไม่ได้เช็คข้อมูลให้ละเอียดก่อน เช่น ผลิตที่ไหน เมื่อไหร่ ใครผลิต เหมาะกับผิวไหม เพราะความใส่ใจในการหาข้อมูลไปอยู่ที่ว่า ดาราใช้ เน็ตไอดอลใช้ หรือคนที่เป็นกระแสในสังคมที่มีชื่อเสียงใช้ พวกกลุ่มคนที่มีความชอบในเรื่องความงาม แม้แต่นิตยสาร หรือ บล็อคเกอร์เอง ก็อยากจะเลือกซื้อตาม

          ถ้าพูดอะไรวิชาการก็คงจะเบื่อ แต่อยากบอกว่าการสังเกตุฉลากสำคัญ แหล่งซื้อสำคัญ อย.สำคัญ เลขที่จดเเจ้งสำคัญ ถ้าเป็นเอิ๊ก เอิ๊กอยากแนะนำไม่่ว่าคุณจะเริ่มมีธุรกิจผลิตสกินแคร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับผิวพรรณ เอิ๊กอยากจะให้ทุกคนควรจะเรียนรู้เรื่องโครงสร้างของผิวพรรณมนุษย์ รวมไปจนถึงเรียนรู้ในเรื่องของโครงสร้างผิวของตัวเองเป็นพื้นฐานความรู้ อย่างละเอียด ถี่ถ้วน ซึ่งผิวของคนเรานั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ขึ้นกับหลายๆปัจจัยตามที่เอิ๊กได้กล่าวตลอดเวลาในบลอคเก่าๆของเอิ๊ก นี่คือสิ่งที่เอิ๊กอยากจะฝากไว้ให้กับทุกคน ก่อนที่ทุกคนจะได้เริ่มอ่านบทสัมภาษณ์ของผู้บริหาร QUALITY PLUS

[ QUALITY PLUS มีให้ด้วยเอาไว้ให้ลูกค้าดูว่าส่วนผสมแบบเทคโนโลยีนาโน จะซึมลึกระดับไหน ขอชมเชย

ให้ดีแนะนำไปแล้ว อยากให้มีเครื่องตรวจผิวจริงจัง ให้ลูกค้าได้เข้าใจมากๆขึ้นไปอีกค่ะ]

 

วันนี้เอิ๊กได้รับเกียรติจาก คุณ วุฒิพงศ์ พานิชเศรษฐกร ผู้จัดการทั่วไป

และ ทีมงานของQUALITY PLUS

ให้ข้อมูลในเรื่องของบริการการผลิตสกินแคร์ที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง

และ ช่วยลูกค้าสร้างแบรนด์เพื่อให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว

เดินทางไปที่ออฟฟิตและแกลลอรี่ของQUALITY PLUS เขตดอนเมือง

ขณะนี้QUALITY PLUS ได้มีเเพลนจะขยายโรงงานให้ใหญ่ขึ้น

เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มากขึ้นและปรับขนาดธุรกิจของตัวเองให้เติบโตขึ้น

ตามความต้องการของลูกค้า และเพื่อรองรับกับตลาดอาเซียน (AEC) 

QUALITY PLUS จัดว่าเป็นบริษัท OBM Services ที่มีไม่กี่แห่งในประเทศไทย

ในธุรกิจรับผลิตสกินแคร์หรือรับจ้างผลิตในอุตสาหกรรมอื่นๆ จะมีชื่อเรียกเกี่ยวกับการให้บริการของธุรกิจ 3 แบบ

  1. OEM : Original Equipment Manufacturer เป็นการรับจ้างผลิตสินค้า 
  2. ODM : Original Design Manufacturing การรับจ้างผลิตสินค้า + การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ + งานดีไซน์ 
  3. OBM : Original Brand Manufacturing Service การรับจ้างผลิตสินค้า + การพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ + งานดีไซน์ + สร้างแบรนด์สินค้า + กำหนดตลาด + ผลิตบรรจุภัณฑ์ + วางแผนค่าใช้จ่าย + งานบริการในส่วนของการตลาดเพิ่มเติมเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจสูงสุดให้กับลูกค้า


วิสัยทัศน์ของQUALITY PLUS

ต้องการเป็น Trendsetter หรือผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมสกินแคร์ในระดับอาเซียน และมีนวัตกรรมใหม่ตลอดเวลา รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและมีคุณภาพในการผลิตเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า เพื่อปฎิวัติวงการอุตสาหกรรมความงาม และเป็นการทำงานในลักษณะของ The best one stop services ผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างแบรนด์ลูกค้าให้ประสบความสำเร็จ

 

หัวใจหลักในการทำงานของQUALITY PLUS  3 ข้อ

1. การบริการแบบ OBM One Stop Service ที่เน้นสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าอย่างสูงสุด

          นอกจากการรับจ้างผลิตสกินแคร์เหมือนอย่างOEMตามปกติ ยังมีการสร้างมูลค่าเพิ่มหรือสร้างความแตกต่างโดยการผลิตสกินแคร์เพื่อให้เป็นในแบบเฉพาะของลูกค้าในแต่ละคน ซึ่งเจาะลึกลงไปมากขึ้น จากนั้นก็จะมีการให้บริการทางดานพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ ถ้าลูกค้าต้องการส่วนผสมหรือสารสกัดตัวไหน บริษัทก็จะยินดีที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมและสารสกัดนั้นๆ รวมจนถึงงานวิจัยที่เคยเกิดขึ้นหรือมีอยู่เเล้ว เพื่อรองรับทั้งความปลอดภัยและประสิทธิผลของสารสกัดหรือส่วนผสมนั้นๆ ตามด้วยงานดีไซน์ ตั้งแต่แพคเกจ การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่จะใส่สกินแคร์ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตราสินค้า โดยเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์สินค้า ตั้งแต่การวางตำแหน่งสินค้าทางการตลาด การกำหนด และการอธิบายกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่มตามที่ลูกค้าต้องการและอยากจะอยู่ ณ จุดนั้นๆ รวมไปถึงการผลิตลงในบรรจุภัณฑ์หรือการเลือกขวดและกระปุกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสกินแคร์ของลูกค้า ยังมีส่วนของการช่วยวางแผนค่าใช้จ่ายให้อย่างรัดกุม ทำให้ลูกค้าประหยัดต้นทุนอย่างสูงสุด และมองถึงอนาคตที่ทำให้ลูกค้าได้มาซึ่งกำไร ต่อจากนั้นยังมีงานบริการในด้านการตลาดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการสื่อสารทางการตลาดกับกลุ่มเป้าหมาย การกระจายสินค้า การช่วยหานางแบบในการโฆษณา การจัดงานอีเวนท์ พูดง่ายๆเป็นการสื่อสารทุกรูปแบบ ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างสูงสุดให้กับลูกค้าOBEMทุกระดับกับQUALITY PLUS

2. มีมาตรฐานการผลิตสกินแคร์แบบแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งมีการทำงานร่วมกับLABของบริษัทผู้นำนวัตกรรมชั้นสูงเพื่อการผลิตสกินแคร์จากประเทศญี่ปุ่น

          QUALITY PLUSทำงานร่วมกับบริษัทแลบฯใหญ่ๆทางญี่ปุ่น 3 ที่ โดยทางแลบฯญี่ปุ่นจะเป็นคนคิดค้นสูตรใหม่ๆขึ้นมา โดยการเริ่มใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่หรือการสกัดส่วนผสมใดๆก็ตาม และส่งให้ทางQUALITY PLUSเป็นผู้ผลิต หรือแม้แต่การหางานวิจัยรับรองส่วนผสมหรือสารสกัดนั้นๆที่ลูกค้าต้องการก็สามารถทำได้ รวมถึงทางญี่ปุ่นเองยังมีการหาข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย [Safety] ในการใช้งานของผลิตภัณฑ์นั้นๆด้วย การทำงานร่วมกับบริษัทแลบฯของทางญี่ปุ่นก็จะมีในเรื่องการแพทย์ การหาข้อมูลวิจัยต่างๆมาสนับสนุนส่วนผสมหรือสารสกัดต่างๆที่เป็นทั้งสูตรพื้นฐานของQUALITY PLUSหรือเป็นสูตรพื้นฐานที่คิดค้นขึ้นมาใหม่

3. ดำเนินงานในระบบ Project Management ด้วยบุคลากรมืออาชีพที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้า และเป็นที่ปรึกษาวางแผนต้นทุนและการตลาดทุกในขั้นตอน

Project Management System : ระบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของ QUALITY PLUS เป็น signature ของบริษัท แตกต่างจากโรงงานที่มีแค่เซลล์ให้ข้อมูลในเรื่องของรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์และบริการเท่านั้น แต่ระบบนี้จะเน้นให้ข้อมูลเชิงลึกของทุกส่วนแบบ 360 องศา ตั้งแต่เริ่มต้น จนจบ จนถึงพัฒนา ผลิต ขายใหม่ โดยมีการนำเสนอออกมาเป็นรายละเอียดที่ชัดเจนเห็นภาพเข้าใจง่ายในทุกขั้นตอน

ระบบProject Management ประกอบด้วย

  • Product Information

          การเจาะลึกถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่เราจะผลิตขึ้น 

  • Ingredient Information

          ให้ข้อมูลเชิงลึกในเรื่องของส่วนผสมและสารสกัดพร้อมทั้งงานวิจัยรับรองของส่วนผสมหรือสารสกัดแต่ละตัว ยกเว้นแต่ว่าถ้าลูกค้ามีสารสกัดหรือส่วนผสมที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อนในประเทศไทย ก็สามารถให้ทางเราเป็นผู้เก็บส่วนผสม ข้อมูลแต่ละอย่างที่ลูกค้าต้องการมาสกัด ทดสอบ และเก็บข้อมูลเพื่อดูประสิทธิภาพนั้นๆได้ หลังจากนั้นก็สามารถให้ทางเราไปขึ้นเลขทะเบียนจดแจ้งได้

  • Cost Planning

          ทางเราก็มีในเรื่องของการวางแผน ต้นทุนค่าใช้จ่าย แบ่งเป็นค่าใช้จ่าย 2 ส่วน 1. Fix cost ต้นทุนคงที่ ที่ค่าใช้จ่ายตายตัว เช่น การขึ้นทำเบียนเครื่องสำอางจดแจ้งอย. การจดลิขสิทธิ์แบรนด์โลโก้ ค่าใช้จ่ายงานดีไซน์ จ่ายครั้งเดียวจบ 2. Variable costs ต้นทุนผันแปรซึ่ง QUALITY PLUS เราใช้เครื่องมือเฉพาะทางอุตสาหกรรมของเรามาวิเคราะห์ว่า การผลิตหนึ่งสินค้าที่จะเกิดขึ้นได้ ต้องประกอบไปด้วย เช่นแจกแจงออกมาแล้ว มีทั้งตัวครีม เนื้อครีม ตัวกระปุก งานสกรีน ตัวกล่อง FDA สติ๊กเกอร์ ฯลฯ เราจะคำนวณรายละเอียดพวกนี้ลงใน Excel และเปิดอธิบายรายละเอียดให้กับลูกค้าอย่างชัดเจน ว่าการลงทุนครั้งแรกในหนึ่งโปรเจคต้องใช้เงินลงทุนในก้อนไปกี่บาท แล้วคิดออกมาเป็นแต่ละส่วน พร้อมทั้งวางแผน MARKETING ว่าถ้าใช้ต้นทุนของชิ้นนึงประมาณกี่บาทแล้วถ้าลงสื่อทำโฆษณา [advertising] ต้องขายกี่ชิ้นถึงจะคุ้มทุน จะวิเคราะห์จุดคุ้มทุนให้ดูถ้าลูกค้าตกลงกับงบประมาณการลงทุนและพร้อมที่จะทำจริง และมีอีกหลายส่วนที่สำคัญ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น อยากให้ลูกค้าลงทุนให้คุ้มค่าที่สุด และ อยากให้คำปรึกษาอยากเต็มที่เพื่อปกป้องและดูแลผลประโยชน์ของลูกค้าทุกองค์ประกอบ

  • Branding Information

          เราก็จะให้ข้อมูลในเรื่องของการสร้างแบรนด์ สำคัญมากเพราะเป็นจุดที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์ แตกต่าง และ เป็นที่จดจำ สุดท้ายจะสามารถเป็นมูลค่าเพิ่มในการทำสกินแคร์แบรนด์ตัวเองระยะยาว ให้คำปรึกษาตั้งแต่ในเรื่องของการวางตำแหน่งสินค้า การเลือกตลาด การให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดนั้นๆ พฤติกรรมของผู้บริโภค รวมจนถึงการปรึกษาหารือและสรุปให้ลงตัวก่อนการทำสกินแคร์ขึ้นมา มีการวางระดับตำแหน่งแบรนด์ในตลาด การคิดบุคลิกภาพของแบรนด์ การคิดmood&tone ให้กับแบรนด์ โดยทางQUALITY PLUSจะมีตารางตัวอย่างให้ลูกค้าเห็นภาพว่าจะวางตำแหน่งตราสินค้าของตัวเองไว้ส่วนไหนของตลาด ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น ลูกค้าต้องการมี BRAND และ คุณภาพคล้ายแบรนด์XXX ก็จะต้องอธิบายให้ลูกค้าเห็นภาพ concept ของ XXX แน่นอนก็จะสไตล์ natural ส่วนบุคลิกภาพของแบรนด์ หรือ Brand Personality ก็เปรียบเสมือนเป็นผู้หญิงวัยทำงาน ที่รักสวยรักงามตั้งแต่หัวจรดเท้า รายได้ปานกลาง ชอบความแปลกใหม่ และ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง กล้าลองอะไรใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา สังเกตุได้จาก XXX ชอบออก COLLECTION ใหม่อยู่ตลอด พอลูกค้าเห็นภาพรวม เข้าใจของธรรมชาติของตลาดที่ตัวเองต้องการก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้น เราถึงค่อยวางแผนของตัวสินค้าเป็นลำดับต่อไป ถ้าลูกค้าไม่รู้ตัวเองอยากให้แบรนด์ออกมาเป็นแบบไหนก็ไม่ต้องห่วง ทางเรามีตลาดการทำตัวอย่างในเรื่องการวางตำแหน่งตราสินค้าไว้ให้ดูเรียบร้อยแล้ว ส่วนถ้าลูกค้ามีความต้องการลึกถึงขั้นอยากลงงบประมาณทุ่มไม่อั้นลงสื่อ จ้างดารา เช็คฮวงจุ้ยทุกขั้นตอน QUALITY PLUS ก็จะมีบริษัท ALL IDEA STUDIO บริษัทในเครือ ทำเรื่องสื่อ รวมถึงการออกแบบ การเลือกสีสันทุกอย่างรวมไปถึงการดูดวง หรือ ฮวงจุ้ยเลย

  • Margketing

          QUALITY PLUS จะมี2บริษัทในเครือ บริษัท BEAUTY AT HOME ให้บริการเรื่องช่องทางการกระจายสินค้า และ บริษัท ALL IDEA STUDIO ให้บริการด้านการวางแผนและทำการติดต่อลงสื่อให้เพื่อให้เกิดการสื่อสารข้อมูลของแบรนด์ ข้อมูลของตัวผลิตภัณฑ์ไปยังผู้บริโภค กระจายตามสื่อต่างๆทุกช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภค หรือ สื่อที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสื่อ above the line หรือ below the line หรือจะเป็น online ก็ตาม เช่นการทำ BELOW THE LINE อย่างสื่อ EVENT / การหา PRESENTER / BRAND AMBASSADOR การทำสือ ONLINE  อย่าง FACEBOOK /  SEO / WEBSITE / YOUTUBE CHANNEL  ได้หมด

  • Consulting Skill

          ทางเรามีบริการให้ข้อมูลครบวงจรในเรื่องของการพัฒนาตราสินค้าทั้งหมด หรือการวางแผนทุกส่วนอย่างครบวงจร อีกทั้งมีในเรื่องของการตั้งชื่อแบรนด์ด้วย

  • Creative Skill

          เราก็จะมีในเรื่องของการดีไซน์ออกแบบpackaging การเลือกบรรจุภัณฑ์ใหม่เหมาะกับตราสินค้า พิมพ์กล่อง พิมพ์สติ๊กเกอร์ งานสกรีน การทำสื่อโฆษณา แบรนด์เนอร์ต่างๆถ้าลูกค้าต้องการ  

  • Timeline Planning

          เครื่องมือการวางแผนในเรื่องของตารางเวลาการวางแพลน เช่น เราวางแผนในเรื่องของกระบวนการผลิตสินค้า ระยะเวลาในแต่ละขั้นตอน การทำงบประมาณขึ้น ประมาณการระยะเวลาของการได้มาซึ่งกำไร ระยะเวลาการใช้สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์แต่ละแบบ ฯลฯเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายในระยะเวลาที่ตั้งใว้ ถ้าคลาดเคลื่อนยังไง จะได้วางแผนปรับแก้ และ พัฒนาในจุดที่ต้องปรับต่อไป

 

[ มาล้วงความลับ QUALITY PLUS ไปกวนครีมหลังบ้านมาแข่งดีฝ่า ออกแบรนด์ “เอิ๊กกวนครีม” ]

การผลิตสูตรสกินแคร์ที่เป็นแบรนด์ตัวเอง มีให้ลูกค้าเลือก 3 แบบ
1. STANDARD FORMULA : สูตรมาตรฐาน
คือสูตรที่QUALITY PLUSกับแลบฯที่ได้ทำงานร่วมกัน นั้นได้คิดค้นมาแล้วว่าเป็นสูตรที่มีประสิทธิภาพและมีงานวิจัยจากต่างประเทศที่รับรองในแต่ละสารสกัดสำคัญเหล่านั้น พร้อมทั้งสารสกัดทุกตัวได้รับการจดแจ้งเลขอย. เรียบร้อยแล้ว และ สารสกัดทุกตัวมีงานวิจัยจากต่างประเทศรับรอง
2. NEW DEVELOPMENT FORMULA : สูตรพัฒนา
คือ สูตรมาตรฐาน + สูตรความต้องการของลูกค้าเอง หรือสูตรความต้องการของลูกค้าที่อยากจะเพิ่มสารสกัดสำคัญอะไรบางอย่างลงไป เพื่อต้องการให้แตกต่างจากสูตรมาตรฐาน อีกทั้งเพื่อให้มีความเป็นสกินแคร์ของตัวเองและเพื่อความเป็นหนึ่งเดียว และเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น หรือจะให้ทางQUALITY PLUSคิดค้นหรือพัฒนาสูตรใหม่ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องเฉพาะก็ได้เหมือนกัน
3. INTERNATIONAL FORMULA : สูตรที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
คือ เป็นสูตรที่คิดค้นและนำเข้ามาจากต่างประเทศ อยาก QUALITY PLUS จะมี LAB ที่ญี่ปุ่น และ เกาหลี ให้ทางนั้นคิดสูตรส่งมาผลิต หรือ ผลิตให้เสร็จจากประเทศที่ต้องการ แล้วนำมาแบ่งบรรจุในไทย ราคาก็จะขึ้นอยู่กับสารสกัด ส่วนผสมที่ใช้ด้วยสามารถบอกความต้องการเพิ่มเติมได้ ส่วนผสมและสารสกัดทั้งหมดนำเข้าจากต่างประเทศทุกตัว [ยกเว้นอยากได้สารสกัดจากประเทศไทยก็ทำได้เช่นกัน] 
การผลิตสีสกินแคร์ที่เป็นแบรนด์ตัวเอง มีให้ลูกค้าเลือก 3 แบบ
* สูตรมีทั้งเน้นเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ หรือ ส่วนผสมสังเคราะห์ก็ทำได้ รวมถึงเลือกสี และ กลิ่น ของสกินแคร์ จะเลือกแบบธรรมชาติ หรือ สังเคราะห์ก็ได้อีกเช่นกัน
 
QUALITY PLUS รับผลิตสกินแคร์บำรุงผิว แก้ไขปัญหาผิวด้านใดบ้าง ?
ANTI-AGING : ลดเลือนริ้วรอย ชะลอวัย
MOISTURIZER : ให้ความชุ่มชื่น ให้ความสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยงผิว
SOOTHING : ปลอบประโลม ลดการอักเสบของผิว
LIGHTENING : ให้ความกระจ่างใส หรือ ช่วยยับยั้งเม็ดสีเมลานินทำให้ผิวมีสีอ่อนลง
ANTI-POLLUTION : ปกป้องผิวจากมลภาวะที่อันตราย เช่น แสงแดง
PLUMPING : ยกกระชับผิว
HAIR CARE : ดูแลเส้นผม
รวมไปถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้
สารสกัดแบ่งออกมี 4 ประเภทที่ให้บริการ
1. สารสกัดจากพืชที่นำเข้าจากประเทศในแถบยุโรป
2. สารสกัดจากสัตว์ที่นำเข้าจากประเทศในแถบยุโรป
3. สารสกัดจากงานวิจัยในประเทศญี่ปุ่น
4.สารสกัดจากสมุนไพรไทย
[ เด็กหญิงเอิ๊กก็สนุกตามเรื่องตามราว วิชาวิทยาศาสตร์ไม่ค่อยเรียนตอนเด็ก คุณแตงไทยทีม
R&D มาผสม EYE GEL ให้เล่น ตื่นเต้นใหญ่ ]
สินค้าผลิตแล้วจะขายใคร ?
          ในพาร์ทนี้เป็นส่วนหนึ่งงของMarketing ในระบบ One Stop Service ของQUALITY PLUS ซึ่งบริษัทที่คอยกระจายสินค้าให้ โดยเป็นบริษัทในเครือชื่อว่าบริษัท บิวตี้โฮมมาร์ท เเบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
  1. Home Dealer หาตัวแทนจำหน่าย
  2. Affiliated Marketing เป็นระบบนิยมมากในต่างประเทศ เพราะแค่มีคอมก็สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ หลักคือ มีการแจกลิงค์ให้กับคนที่สมัครโปรแกรมซึ่งจะเป็นลิงค์ที่มีรหัสเฉพาะแตกต่างกันไป หากลิงค์ไหนมีคนคลิกเข้าไปแล้วซื้อสินค้าจากลิงค์นั้น ลิงค์นั้นก็จะได้รับเงินเป็นส่วนแบ่งเปรียบเสมือนค่าคอมมิชชั่น
 
มาถึงคำถามที่เอิ๊กถามแทนผู้บริโภคทุกคน และ ถามให้ตัวเอิ๊กเอง หากวันใดวันนึงเราเปลี่ยนใจ เอิ๊กคงมาใช้บริการที่นี่ เพราะเอิ๊กโดนเค้าปิดการขายตั้งแต่ข้อมูลที่เขามีให้เอิ๊กด้านบนแล้ว เพียงแต่เอิ๊กอยากเก่งกว่านี้ เอิ๊กอยากรู้ทุกเรื่องด้วยเฉพาะส่วนผสม สารสกัดด้วยตัวเองก่อน เอิ๊กชอบหาข้อมูล อีกอย่างเอิ๊กอาจจะทนรับสภาพ หากมีลูกค้าคนใดคนหนึ่งของเอิ๊กแพ้ไม่ได้ แม้ว่าเอิ๊ก กับ QUALITY PLUS ในอนาคตจะตั้งใจ และ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดออกมา แต่ก็ไม่ได้หมายความทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ จะใช้ได้ถูกจริตกับผู้หญิงทุกคน คำถามทั้งหมดน่าจะบอกถึงความตั้งใจในการเป็นสื่อกลางของเอิ๊กให้มากที่สุด บางครั้งก็ยังอยู่ในฝั่งผู้บริโภค เผื่อวันนึงเขาจะได้ทำแบรนด์ erk-erk ให้เอิ๊ก 😀
ไม่มีความรู้เรื่องการขายของเลยจะทำอย่างไร ?
          ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการได้รับคําปรึกษาในเชิงลึกของธุรกิจตัวอย่างเช่นการวางแผนธุรกิจ(อาจเพื่อกู้เงินธนาคารหรือใช้เป็นแนวทางในการดําเนินธุรกิจ)การวางแผนการเงินการวางแผนการตลาดโดยจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญของบริษัททําหน้าที่ให้คําปรึกษาแนะนําธุรกจิให้กับลูกค้าอย่างละเอียดมากกว่า Project Management ปกติ บริษัทมีชื่อว่า Consulting and Business Development ที่สามารถให้คําปรึกษาทั้งในเรื่องของการลงทุน วางแผนต้นทุน การตลาด ได้อย่างครบวงจร 

 
สารสกัดที่อยากใช้พัฒนาสูตรแต่ไม่มั่นใจจะขายได้ไหม ใช้ได้จริงรึเปล่า ? 
          QUALITY PLUS มีบริการส่งสารสำคัญที่ต้องการไปสกัดและเก็บผลทำวิจัยในห้องแลบฯ ว่ามันเป็นสารสกัดได้หรือเปล่า มันมีประโยชน์อะไร ใช้ได้ผลจริงไหม นอกจาก QUALITY PLUS จะสกัดสารให้ด้วย ก็จะช่วยค้นหางานวิจัยต่างประเทศเพื่อเป็นการสนับสนุนตัวสารให้ด้วย

[ นวัตกรรมสกินแคร์หลายอย่างของเขา น่าเล่นมาก เช่น เนื้อโคลน เนื้อพุดดิ้ง ] 

เงื่อนไขการผลิตส่วนผสมและสารสกัดสกินแคร์กับ QUALITY PLUS ?

          QUALITY PLUS เน้นในเรื่องของการเป็นผู้นำในนวัตกรรมใหม่ๆ ที่กำลังได้รับความนิยม เห็นผลค่อนข้างรวดเร็ว ชัดเจน และที่สำคัญต้องปลอดภัย จะให้ความสำคัญมากกับnanotechnologyมาใช้ในการผลิต เครื่องที่ใช้ผลิตก็จะเป็นเครื่องที่ดีที่สุด ณ เวลานี้ ปัจจุบันใช้เป็นเครื่องจากทางประเทศอิตาลีซึ่งปั่นเนื้อครีมให้ละเอียดเล็กมากๆเทียบเท่าตัวครีมพื้นฐานก็อยู่ระดับ 1 ไมครอน เพราะเทคโนโลยีการผลิตเหล่านี้จะทำให้เนื้อของสกินแคร์ซึมเข้าสู่เซลล์ผิวได้ดีกว่ามาก รวมถึงการทำให้ส่วนผสมของสกินแคร์มีอนุภาคที่เล็กมากอย่างเทคโนโลยี liposome 

[ เทส เบสปรับสีผิว อุ๊บร๊ะ ผ่องยองใย อย่าให้โดนแสง ออร่าพุ่ง เขาบอกมา 555 ]

ผลิตแล้วจะผ่านอย.ยากไหมต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ?

          QUALITY PLUS มี FDA special list เป็นเจ้าหน้าที่สำหรับดูแลเรื่องการจดแจ้งสกินแคร์ให้โดยเฉพาะ ก็จะเริ่มจากการตรวจสอบ ตรวจทานให้เรียบร้อยก่อนถึงยื่นแจ้ง ป้องกันการตีกลับ หรือ โดนเอกสารจากทางอย.ว่า over claim ก็จะดูตั้งแต่การตั้งชื่อ ฉลาก รายละเอียดสำคัญที่ต้องระบุลงไปในสกินแคร์ รวมถึงเอกสารต่างๆให้ครบก่อนยื่น 

 

 

 

QUALITY PLUS  / ALL IDEA STUDIO /  BEAUTY HOME-MART / CONSULTING 4 บริษัทหัวใจหลัก

 

          เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของลูกค้าที่เข้ามามีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดการพัฒนาธุรกิจเริ่มต้นจาก TRADING ก็ปรับเป็น OBM ซึ่งมีบริษัทในเครือมารองรับการให้บริการให้ครบวงจร เป็นการแตกบริษัทให้เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทั้ง 4 บริษัท ทั้งหมดทำงานในเครือเดียวกัน เพียงแค่แต่ละบริษัทก็มีหน้าที่แยกไปทำเฉพาะของแต่ละฝ่าย ซึ่งเจ้าของมีหุ้นส่วนร่วมกัน โดยหุ้นส่วนแต่ละคนก็มีส่วนศูนย์กลางที่เป็นความรับผิดชอบของตัวเองไปดูแล 

QUALITY PLUS : การผลิตสินค้า

ALL IDEA STUDIO : การวางแผนสื่อ การออกแบบ การทำอีเวนท์ การหาแบบโฆษณา และออกแบบPackaging

BEAUTY HOME MART : การหาตัวแทนจำหน่าย การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทางออนไลน์

CONSULTING BUSINESS & DEVELOPMENT : ให้คำปรึกษาเชิงลึกของธุรกิจทั้งระบบ เช่น ด้านการตลาด การลงทุน การสร้างแบรนด์ การตั้งชื่อ

 

มีวิธีการหาลูกค้าแบบไหน หรือ ทำยังไงให้ลูกค้ารู้จัก QUALITY PLUS

          BUZZ MARKETING หรือ การตลาดปากต่อปาก ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าก็ประสบความสำเร็จกันมาก กับการทำธุรกิจทางอินเตอร์เน็ต เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของการทำการตลาดยุคดิจิตอลนี้ ก็จะชวนเพื่อนมา และ อาจจะมีเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเพื่อแลกเปลี่ยน connection กัน และ มีเว็บไซด์ให้รายละเอียดชัดเจน

 

สารสกัด หรือ ส่วนผสมที่บอกว่าหางานวิจัยมารองรับให้ลูกค้าเสมอ อยากทราบว่ามีวิธีการวิจัยแบบไหนบ้าง

          ถ้าในส่วนของสารสกัดขั้นตอนแรกต้องดูในเรื่องของการตลาด หรือ กระแส ว่าตัวไหนสามารถทำการตลาดได้ก่อน และ มีผลการวิจัย สนับสนุนไหม ในส่วนนี้มันจะมีชื่องานวิจัยทางด้านพฤกษาศาสตร์ที่สามารถ search แบบ worldwide ทั่วโลกได้ ว่าพืชชนิดนี้เคยมีการทำวิจัยไว้อย่างไร ถ้ามีสารสกัดที่ใกล้เคียงกัน มีผลงานวิจัยเหมือนกัน ก็จะนำมาเทียบเคียงสารสกัดที่สำคัญว่าตัวไหนมีมากกว่า ก็จะเลือกนำมาสกัดและผลิตเพื่อจัดจำหน่ายได้เลย หรือ ถ้าลูกค้ามีความต้องการให้สกัดสารจากพืชชนิดไหนที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทาง QUALITY PLUS ก็มีบริการเก็บ เฝ้า จดบันทึกระยะเวลาที่เก็บชนิดของสารที่จะนำมาสกัดให้ ต้องคอยควบคุมตัวแปรให้คงที่ตลอด และดูว่าเมื่อไหร่ที่สามารถสกัดสังเคราะห์สารที่เราต้องการออกมามากที่สุด ก็จะทำการสกัดให้เหมาะ พอดีเวลาที่สุด หลังจากนั้นจะมีการส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญปริญญาเอก ทางด้านนั้น เช่น พืช ก็คือ DOCTOR ทางด้านพฤกษาศาสตร์ ก็จะเฝ้าตรวจดูสารในสิ่งที่เรานำมาสกัดอีกที ถ้าพบว่าตรงกัน ได้สารตามที่ต้องการ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการนำเสนอให้กับทางลูกค้า เพื่อรอผลิต และ จำหน่ายต่อไป

ส่วนผสมใหม่ที่เกิดขึ้นที่ยังไม่มีงานวิจัย หากลูกค้าต้องการมีการทดสอบกับผิวคนด้วยไหม

          ปกติสารสกัดที่ยังไม่เคยมีใครทำ เราจะส่งตรวจกับหน่วยงานภาครัฐทางด้านกรมวิทยาศาสตร์ เพื่อแสดงความเป็นกลาง และ ทำอย่างถูกต้อง มีจรรยาบรรณ น่าเชื่อถือ ในการออกเอกสารการรับรองให้ ก็อาจจะมีส่วนการทดสอบในเรื่องของการแพ้และการระคายเคืองของสารสกัดเป็นหลัก แต่ไม่ถึงกับทำเป็นงานวิจัย เพราะนอกจากต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน 2 ปีขึ้นไป ก่อนที่เราจะทดสอบในคนได้ ก็ต้องมีเอกสารรายงานการทำงานวิจัยที่จะต้องส่งให้กรมจริยธรรมของประเทศไทยอนุมัตก่อนว่าสามารถทดสอบกับผิวมนุษย์จริงได้หรือไหม เพราะมันใช้ระยะเวลานาน นักธุรกิจ หรือ พูดกันถึงในแง่การลงทุน ก็ประมาณว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก เกิดก่อนดังก่อน มีสิทธิ์ก่อนที่จะอยู่ยาว อยู่ทน อยู่นานกว่า เป็นเรื่องของโอกาส ถ้ามีแล้วส่วนใหญ่คนไทยคือทำเลย  

[ นักเรียนดีเด่นค่ะ บอกเลย ]

QUALITY PLUS นำเข้าสารสำคัญจากที่ไหน 

          ส่วนใหญ่ Active ingrdient จะนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเสปน อเมริกา ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งก่อนที่เขาจะนำมาจำหน่าย เขาจะต้องใช้เวลาทดสอบทำงานวิจัยประมาณ 2-3 ปี ก่อนที่เขาจะมาจำหน่ายให้กับทางเรา

 

ทำไมต้องเลือก QUALITY PLUS ในการสร้างแบรนด์ครีมของตัวเอง

          บริษัทที่เน้นมาทำด้านการตลาด การจัดจำหน่ายและการดีไซน์ให้ลูกค้าด้วยในเมืองไทยมีน้อยมาก เรามั่นใจ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นในลักษณะของการเน้นระดับการผลิตมากกว่า จะไม่เน้นการสร้างแบรนด์ การพัฒนา การวางแผน การออกแบบทุกขั้นตอนแบบเรา เนื่องจากมันเป็นการดูแลลูกค้าแบบผูกพันระยะยาว ส่วนใหญ่ก็อยากผลิตเป็น JOB BY JOB หรือ ครั้งต่อครั้งจบไป การทำแบบ OBM ดูแลครบวงจร ถามว่าเหนื่อยไหม ต้องมาดูแลลูกค้า ตอบคำถามลูกค้าตลอดเวลา ตลอดอายุชีวิตแบรนด์ของเขา มันก็ต้องเป็นเรื่องของดูแลกันระยะยาว เราต้องช่วยกันพัฒนา วางแผนกันไปตลอด ลูกค้าโตเราโต เราพัฒนา ลูกค้าพัฒนา อย่างที่บอกเป้าหมายเราคือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆโดยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในตลาด เราต้องการเป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมนี้ เพื่อที่จะก้าวออกไปในระดับสากล เราจึงมองเห็นว่าการที่เราจะก้าวไป มันเป็นพลังของคนกลุ่มเดียวไม่ได้ มันเป็นเรื่องของการรวมตัวระดับประเทศ ผลักดันมันขึ้นไป เราจึงก้าวมาสู่การให้บริการครบวงจรอย่างจริงจัง OBM services be king คือ services ลูกค้าที่ทำแบรนด์ต่างๆ และความสำคัญของมันคือ 1.เราพัฒนาตัวสูตรให้ [ถ้าต้องการไม่มีค่าใช้จ่าย] 2. ช่วยดีไซน์ให้ลูกค้าแตกต่าง มีจุดยืน มีเอกลักษณ์เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า 3.ส่วนของการตลาดเราให้คำปรึกษา และ หาช่องทางให้ได้อย่างเต็มที่ ส่วนหนึ่งเรามั่นใจ ว่าเราดูแลและรักลูกค้าทุกระดับดีไม่แพ้ใคร และ เราพัฒนาตัวเอง รวมถึงเลือกเทคโนโลยีในการผลิตที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าทุกแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเรา

 

สมมุติมีลูกค้ามีความต้องการเหมือนกันเข้ามา อยากได้ครีมแบบเดียวกัน จะทำครีมสูตรซ้ำไหม 

          ต้องบอกลูกค้าก่อนว่าสูตรผลิตภัณฑ์มี 3 ประเภท อย่างแรกคือสูตรมาตรฐาน ถ้าเกิดลูกค้าเข้ามาแล้วบอกว่าอยากได้ whitening ก็จะมีสูตร whitening อีกหลายรายการให้เลือก ถ้าลูกค้าเลือกตรงกัน คือลูกค้ายอมรับแล้วว่าทำตัวสูตรมาตรฐานซึ่งเป็นสูตรพื้นฐานที่อาจจะมีคนเลือกใช้เหมือนกันก็ได้ แต่ถ้าเกิดลูกค้าบอกว่าฉันไม่อยากเหมือนใคร ก็ให้ทำเป็นสูตรพัฒนาสูตรที่สอง โดยการพัฒนาสูตร ก็จะแบ่งเป็นสองแบบ คือ แบบที่เคยใช้ครีมต่างประเทศมาเอามาเป็นต้นแบบให้เราพัฒนา กับอีกแบบคือ เป็นความต้องการจากทางลูกค้าอยากให้เราพัฒนาอะไรให้บ้าง สูตรสุดท้าย สูตรที่ทำจากต่างประเทศมา ลูกค้าก็เลือกเลยจะเอาแบบของประเทศไหน ส่วนทางเราก็จะไปเรียงมาที่เป็นส่วนของสูตรต่างประเทศให้ลูกค้าลองทดสอบก่อนถ้าพอใจก็ค่อยไปที่ขั้นตอนต่อไปซึ่งจะเน้นไปทางญี่ปุ่น เกาหลี มองเอเชียเป็นหลักเพราะผิวคล้ายคนไทย และเนื้อผลิตภัณฑ์ก็ยังเลือกได้อีกจะให้ ข้น หนืด เหลว กำหนดได้ที่ / ตัวสารสำคัญก็กำหนดได้สารสำคัญ จะให้ขาว กระชับ ลดริ้วรอย ได้หมดลูกค้าเลือกได้ สีและกลิ่นก็เลือกได้ ธรรมชาติหรือสังเคราะห์ปรับได้หมด และ ถ้าเป็นสูตร 2 หรือ 3 ขึ้นไป สูตรที่พัฒนาทั้งหมด หรือปรับกัน ทางเราจะมีระบบบันทึกว่าสูตรนี้เป็นของลูกค้าท่านนี้ ก็จะไม่ได้รับทำซ้ำ ถ้าเกิดใครมาพัฒนาใจตรงกัน ลูกค้าคนแรกที่เลือกก่อนก็จะได้สูตรพัฒนาตัวนั้นไป ถ้าซ้ำจะไม่ทำเลย ไม่ได้เกี่ยวกับกฎหมายแต่เป็นนโยบายของ QUALITY PLUS รวมถึงในกรณีเปิดเผยข้อมูลลูกค้าที่เป็นแบรนด์อื่น อย่างเช่น ถ้ามีใครถามทำที่นี่หรือเปล่า จะบอกทุกคนในทีม และ ทุกบริษัทในเครือ ว่าเป็นความลับลูกค้าเราไม่มีการเปิดเผย

 

ถ้า QUALITY PLUS เป็นผู้ผลิตรู้ขั้นตอนครบวงจรทุกอย่างมีผลิตแบรนด์ตัวเองจำหน่ายบ้างไหม

          ไม่มีแน่นอน เราจะไม่ทำ house brand เลย  บริษัทในเครือต่างๆ ของเราก็จะแจ้งเลยว่าลักษณะของธุรกิจที่เราทำ เราทำเพื่อสนับสนุนและรองรับลูกค้าที่สร้างแบรนด์เท่านั้น คือ เรามองในเรื่องของการเติบโตในลักษณะที่ถูกต้องตามจริยธรรมด้วยครับ มันไม่มีกฎหมายข้อบังคับว่าห้ามแต่ถ้าเราจะทำอะไรก็ตามในธุรกิจที่เราทำอยู่ให้มันเกิดขึ้นมาแข่งกับลูกค้า สู้เราทำธุรกิจที่ support ลูกค้าเราอีกทีดีกว่า ถ้าลูกค้าเราโต เราคิดในฐานะที่เราเป็นผู้ผลิตเราก็โตด้วย เราจะไม่แข่งกับลูกค้าของเราเอง แต่เราจะผลักดันเขาให้ไปถึงที่สุดที่เขาเป็นได้ ดูแลกันไปตั้งแต่ลงทุนด้วยเงินเพียงเล็กน้อยจนทุกวันนี้ บางแบรนด์เลย 7 – 8 หลักไปแล้ว เราก็ถือว่าเราก็ประสบความสำเร็จด้วยในธุรกิจที่เรายืนอยู่เช่นกัน

 

ความลับของแบรนด์ ลูกค้าจะมั่นใจได้แค่ไหน

          ถามว่าถ้าฉันจ้าง QUALITY PLUS ผลิตตามข้อกำหนดของอย. ฉลากมันต้องระบุถึงผู้ผลิตอยู่แล้ว คนภายนอกถ้าอ่านเขาต้องเห็น เพียงแต่ว่าเราจะไม่ไปเพิ่มการรับรู้ของผู้บริโภคหรือว่าลูกค้าเจ้าอื่นว่าฉันทำให้แบรนด์นี้ แบรนด์นี้นะ ไม่พูดเลย [ เอิ๊กถามก็ไม่พูด ไม่พูดจริงๆ 555 ] ทั้งที่ไม่ได้มีข้อบังคับ ถ้าเราพูด ถ้าเราใส่เป็น PORTFOLIO ในเว็บว่าเคยมีลูกค้าเป็นแบรนด์ไหนบ้าง ก็อาจจะมีคนมาทำกับเราอีกหลาบแบรนด์ก็ได้ แต่ว่าเราจะไม่ทำ ส่วนผสมเรียกว่าส่วนประกอบของครีมไล่ตั้งแต่มากสุดไปจนถึงน้อยสุดของผลิตภัณฑ์ยังไงก็ต้องบอก สิ่งที่จะไม่รู้คืออัตราส่วนแบรนด์ไหนใส่เท่าไหร่ก็เท่านั้น

 

ที่บอกว่าQUALITY PLUSดูแลลูกค้าทั้งหมด จนถึงขั้นหาช่องทางกระจายสินค้าเพื่อจำหน่าย มีบ้างไหมที่ลูกค้าขายสินค้าของเขาไม่ได้

          ต้องอธิบายก่อน บริการของเรามีครบวงจรจริง แต่ทุกส่วนไม่ได้บังคับให้ลูกค้าซื้อบริการเราทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งค่าใช้จ่ายในการใช้บริการเป็นส่วนๆ ลูกค้าสามารถเลือกซื้อบริการที่เขาต้องการเฉพาะได้ ลูกค้าบางคนเก่งออกแบบ มีช่องทางจำหน่ายสินค้าอยู่แล้ว เขาก็อาจไม่ได้พึ่งเรา เท่าที่ผ่านมาเราเติบโตขึ้นกว่า 500% กลับมาให้เราผลิตซ้ำประมาณ 80% ส่วนตัวถือว่า QUALITY PLUS success แต่ไม่ได้หมายความว่าอีก 20 % ไม่ได้สั่งเลย ก็อาจจะมาสั่งซ้ำ เพียงแต่เว้นช่วงไปยาวกว่า ซึ่งอัตราการสั่งซื้อก็ยังมีอยู่ครับ

 

มีลูกค้าที่เลิกทำไหม สาเหตุคืออะไร

          มี 1 เคสที่บอกว่าอยากทำตลาดเพิ่ม แต่ว่ามีปัญหากับหุ้นส่วน เขาบอกว่าเดี๋ยวเขาจะมาขอเริ่มตลาดใหม่โดยเป็นแบรนด์ใหม่แบรนด์นึงเลย ก็เป็นเหตุผลส่วนตัวของทางลูกค้าเอง 

 

ลูกค้าเริ่มต้นต้องมีเงินทุนประมาณเท่าไหร่ 

          ถามว่าเรารับลูกค้าทุกระดับไหม รับแต่ทุกระดับก็จะมีขั้นต่ำในการผลิตของแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเลือกสูตรในการผลิตแบบไหนทางเราจะขอต้นทุนเพื่อให้ดู และ วิเคราะห์ให้ ว่างบประมาณเท่านี้จะสามารถลงทุน และ ได้บริการอะไรบ้าง ก็จะเลือกเอาที่จำเป็นที่ต้องมี หรือ ต้นทุนคงที่เป็นหลักสำหรับคนที่งบน้อย 50,000 ก็สามารถสั่งผลิตได้แล้ว แต่ถ้าต้องการใช้บริการครบวงจรจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 บาท เรียกว่านำเงินลงทุนมาซักก้อน พร้อมกับฝันได้เลย ทางเราก็จะให้คำปรึกษาตั้งแต่ต้นจนจบ และ ระหว่างทาง หรือ ตามแต่ลูกค้าต้องการจะปรึกษา ลูกค้าส่วนใหญ่ประมาณ 80%  จะเริ่ม 1 โปรเจค กับเราประมาณ 100,000 บาท เพราะจริงๆมันก็สัมพันธ์กับเรื่องของตัวตลาดที่ทางลูกค้าเลือกต้องการกลุ่มเป้าหมายที่มีฐานรายได้แบบไหน รสนิยมแบบไหน เราก็ต้องเลือกใช้ตั้งแต่วัสดุ ตัวกระปุก มันก็ต้องเป็นไปตามความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของเรา เช่น ถ้าเราเลือกตลาดประมาณ C ถึง C+ รายได้พอมีพอใช้ อาจมีซื้อของใช้ส่วนตัวบ้างนิดหน่อย ก็อาจจะใช้บรรจุภัณฑ์แบบพลาสติกก็ได้ กระปุกนึงก็ประมาณแค่สิบบาทก็จะไม่แพงมาก ทางเราจะมีตารางราคาให้ลูกค้า เลือกใส่ได้ตามงบประมาณที่เขามี และ ให้คำปรึกษาทางเลือกที่เหมาะสบกับงบประมาณเขา อย่างเต็มที่ที่สุด ยังไงก็แล้วแต่งบน้อยก็ทำได้ เพียงแต่อยากให้เข้าใจว่าเกรดของครีมมันก็ผันแปรไปตามงบประมาณที่เรามี โดยถ้าลูกค้ามีงบน้อย แต่อยากจ่ายแพงในส่วนที่เราคิดว่ามันอาจจะทำให้เขาขาดทุนแน่นอนอยู่ก็จะบอกลูกค้าตรงๆ ว่าทำไม่ได้กำไรแน่ๆ ก็จะไม่ทำให้กับลูกค้า เพราะเราไม่สนับสนุน ถ้าทำแล้วไม่ดี ขาดทุน แบรนด์เขาไม่ประสบความสำเร็จเราก็ไม่ทำให้ เพราะเราอยากให้ทุกแบรนด์ที่เกิดจาก QUALITY PLUS ประสบความสำเร็จ มีเงินเท่าไหร่เข้ามาปรึกษาได้ก่อน เรายินดีบริการให้ฟรี

 

จุดที่ยังพัฒนาและจุดด้อยของบริษัทมีอะไรบ้าง

          อาจจะเรียกว่าเป็นความยังไม่พร้อมของทางบริษัทดีกว่า เพราะว่าจุดด้อยมันอาจจะอยู่กับเราตลอดไปด้วย ขณะนี้มีเรื่องสเกลของโรงงานที่ยังไม่ใหญ่มากพอรองรับลูกค้าที่กำลังจะเข้ามา รวมถึงสเกลธุรกิจเราก็กำลังจะพัฒนาให้ใหญ่เพื่อเป้าหมายระดับอาเซียน เราวางแผนทำตลาดต่างประเทศอยู่ตอนนี้ ดังนั้นตอนนี้คงเป็นเรื่องของการพัฒนาในเรื่องของกำลังการผลิต ซึ่งกำลังพัฒนาอยู่โดย QUALITY PLUS มีทีมที่ปรึกษาสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเข้ามาวิจัยทัศน์วิสัยและปรับปรุงการผลิตขึ้นใหม่เพื่อให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ตอนนี้เราก็เลยขยายกำลังการผลิตได้มากขึ้น และ กำลังจะสร้างโรงงานใหญ่ขึ้นมาเร็วๆนี้ เพื่อมารองรับฐานตลาด แล้วอีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่พร้อมจะมีในเรื่องของ ตอนนี้ลูกค้าคิวยาวมาก ทีม R&D ก็ทำงานหนัก ในส่วนของการพัฒนาสูตร วิธีทำมันอาจจะยุ่งยากและขึ้นอยู่กับประเภทด้วย อนาคตประมาณสิ้นปีเดี๋ยวจะทำเป็น LAB ครบวงจรขนาดใหญ่ ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ[ ส่วนตัวเอิ๊กมองเห็นอีกข้อในเรื่องของการนำแบรนด์เข้าสู่หลักการวิจัยทั้งส่วนผสมที่เมื่อนำมาปั่นเข้ากัน ว่ามันมีผลลัพธ์ออกมาวัดได้แค่ไหน เนื่องจากเหตุผล นักธุรกิจคนไทยก็ไว ลงทุนเร็ว จากจุดที่กระแสแรง เพื่อให้ได้กำไร ณ จุดนั้นมา ยังไม่มีใครยอมรอให้แบรนด์ตัวเองออกช้ากว่านี้ประมาณ 2-3 ปีโดยทดสอบเหมือนต่างชาติ ที่อาจจะใช้ผิวพรรณมนุษย์จริงๆ เขารอให้มันวัดผลได้เป็น % จริงๆ แล้วถึงเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ไม่ใช่ว่า QUALITY PLUS ทำไม่ได้ เพียงแต่ถ้าพูด ณ ตอนนี้ แบรนด์ที่เขาถืออยู่ทั้งหมด ก็ยังไม่มีแบรนด์ไหนยอมเสียเวลาเข้าทำงานวิจัย เพื่อเผยแพร่ให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล เนื่องจากไทยทำ ไทยใช้เอง ก็หวังว่าวันนึงจะมีซักแบรนด์ที่คิดจะไปไกลมากกว่าประเทศตัวเอง และ ยอมอดทนดูสูตรที่พัฒนาและผลิตโดย QUALITY PLUS โดยผ่านกระบวนการเก็บผลทดสอบ มีงานวิจัยออกมาเผยแพร่ให้เห็นถึงระดับ % การเห็นผล แต่งานวิจัยบนโลกก็อาจไม่ตัวแทนของคนทั้งโลก เท่าที่เอิ๊กเคยได้ยินสูงสุดประมาณ 6,000 คน หลากหลายสภาพผิว ]

 


 [ แน่ใจนะคะให้เอิ๊กคน ]

 

 

 

 

 วิธีการทดสอบครีมด้วยตัวเอง [สกินแคร์]

สารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง

  1. Hydroquinone (ไฮโดรควิโนน)
  2. Retinoic Acid (กรดวิตามิน  A)
  3. Mercury Compound (ปรอท และสารประกอบของปรอท)
  4. Steroid
  • Betamethasone
  • Betamethasone 17-valerate
  • Dexamethasone
  • Hydrocortisone Acetate
  • Prednisolone
  • Triamcinolone  Acetonide

อย. ได้ให้ข้อสังเกตว่าเครื่องสำอางที่พบสารอันตรายมักให้รายละเอียดบนฉลากไม่ครบถ้วน เช่น ไม่ระบุแหล่งผลิต ครั้งที่ผลิต และวันเดือนปีที่ผลิต ในการเลือกซื้อผู้บริโภคจึงควรระมัดระวัง และควรสังเกตฉลากเป็นลำดับแรก ฉลากที่ถูกต้องจะต้องเป็นภาษาไทย มีข้อความบังคับครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบ วิธีใช้ ชื่อที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต และปริมาณสุทธิ การซื้อควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ไม่ควรซื้อเพราะคาโฆษณาเพียงอย่างเดียว

วิธีทดสอบสารต้องห้ามด้วยตัวเอง

1.     ตรวจหาสารไฮโดรควิโนน

ใช้ผงซักฟอกละลายในน้ำปริมาณเล็กน้อย เพื่อให้ได้น้ำผงซักฟอกเข้มข้น หยด หรือป้ายเครื่องสำอางที่สงสัยลงบนกระดาษทิชชูสีขาว แล้วหยดน้ำผงซักฟอกเข้มข้น ลงไปในบริเวณที่หยดหรือป้ายเครื่องสำอาง ทิ้งไว้สักครู่ หากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แสดงว่าอาจมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน หรือ ใช้ 0.1 N Sodium Hydroxide Solution หยดหรือป้ายเครื่องสำอางที่สงสัยลงบนกระดาษทิชชูสีขาว แล้วหยด 0.1 N Sodium Hydroxide Solution ลงไปในบริเวณที่หยดหรือป้ายเครื่องสำอาง ทิ้งไว้สักครู่ หากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แสดงว่าอาจมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน

2.     ตรวจหาสารปรอท

ทาครีมที่ต้องการตรวจสอบบริเวณข้อพับ หรือท้องแขน แล้วปิดพลาสเตอร์ไว้ 6 ชั่วโมง แล้วแกะออก ถ้าพบว่าสีผิวบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีซีดผิดปกติ แสดงว่ามีสารปรอทผสมอยู่

3.     ตรวจสอบสารสเตียรอยด์

ทาครีมที่ต้องการตรวจสอบบริเวณข้อพับ หรือท้องแขน แล้วปิดพลาสเตอร์ไว้ 6 ชั่วโมงแล้วแกะออก ถ้าพบว่าสีผิวบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีซีดผิดปกติ แสดงว่า มีสารสเตียรอยด์ผสมอยู่

 

การทดสอบข้างต้น เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้นอย่างง่ายๆ โดยใช้หลักการที่ใช้สารละลายที่เป็นด่าง ทำให้ไฮโดรควิโนนเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล แต่เพื่อความชัดเจนแน่นอน ควรใช้ Test Kit ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์

 

 

 

 

  

การวิเคราะห์เบื้องต้นตัวอย่างครีมที่มีความน่าจะเป็นครีมอันตราย

ผลิตภัณฑ์ที่ 1 ลักษณะทางกายภาพ เนื้อครีมสีน้ำตาลเข้ม มีเม็ดของแข็งสีขาวปนอยู่ ลักษณะดังกล่าวสามารถคาดคะเนได้ว่า เป็นครีมอันตรายที่ผสมสาร Hydroquinone และ สารปรอท เนื่องจากสาร Hydroquinone เป็นสารที่มีความเสถียรต่ำ จึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มได้ง่าย ผู้ผลิตที่ผลิตครีมอันตรายจึงมันนิยมปรับให้เป็นสีน้ำตาลเพื่อหลบสีของสารHygroquinone และเม็ดดังกล่าวจากการคาดคะเนน่าจะเป็นสารปรอตเนื่องจาก ปรอทเป็นสารที่ละลายยากจึงทำให้ทำให้เนื้อไม่ละเอียด

ผลิตภัณฑ์ที่ 2 ลักษณะทางกายภาพ เนื้อครีมสีเขียวอ่อน มีเม็ดสีขาวกระจ่ายตัวอยู่ ลักษณะดังกล่าวสามารถคาดคะเนได้ว่า เป็นครีมอันตรายที่ผสมสาร Retinoic Acid  และสารปรอท เนื่องจาก ลักษณะสีเหลืองที่ซึมเข้าฝาบรรจุภัณฑ์น่าจะเกิดจากสาร Retinoic Acid ที่มีสีเหลืองเข้ม และเม็ดที่กระจายอยู่น่าจะเป็นสารปรอทเป็นสารที่ละลายยาก จึงทำให้ทำให้เนื้อไม่ละเอียด

การวิเคราะห์ข้างต้น เป็นเพียงการคาดคะเนเบื้องต้นอย่างง่าย  แต่เพื่อความชัดเจนแน่นอน ควรใช้ Test Kit ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์

 

ข้อพึงระวังสำหรับผู้ที่ต้องการหน้าขาวเพราะเป็นฝ้า

สังเกตอาการแทรกซ้อนขณะใช้ ถ้ามีอาการผิดปกติให้เลิกใช้ทันที ฝ้ายังไงก็จะไม่หายขาด เมื่อหยุดยาแล้วเป็นใหม่ได้ จึงไม่ควรเสี่ยงหลงเชื่อคำโฆษณา

 

ข้อแนะนำในการใช้เครื่องสำอาง

  • ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากที่ที่หน้าเชื่อถือและไว้ใจได้
  • ตรวจสอบฉลากให้ครบถ้วน ชื่อแบรนด์ ชื่อสินค้า วันเดือนปีที่ ผลิต หมด อายุ เป็นต้น    
  • ปิดฝากระปุกเครื่องสำอางให้เรียบร้อยเมื่อใช้เสร็จเพื่อป้องกันเชื้อโรค
  • เก็บเครื่องสำอางไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส
  • แปรงหรือฟองน้ำต้องทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่
  • สำลีหรือพัฟควรจะเลือกแบบใช้แล้วทิ้งเพียงครั้งเดียว
  • ให้ล้างเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนนอน
  • หากผิวหน้ามีการติดเชื้อ ก็อาจจะหยุดหรือทิ้งเครื่องสำอางนั้นเสีย เนื่องจากอาจจะมีเชื้อแบคทีเรียในเครื่องสำอาง

 

 

 

QUALITY PLUS เป็นหนึ่งในเจ้าแรกที่นำนวัตกรรม SLEEPING MASK เข้ามาผลิต

ด้วยสโลแกนหน้าเด้งข้ามคืน แบบปลอดภัย ไม่มีสารต้องห้าม 100%

ขายดีถล่มถลายเอิ๊กจึงมีคำถามถามเพื่อทุกคนว่า

มีหมอท่านนึงบอก” สิวสเตรียรอยด์บางครั้งเกิดจากการมาส์คหน้าชนิดนี้เยอะมาก”จริงไหม

ซึ่งเขาก็ตอบด้วยความจริงใจ ทุกคนควรใช้ตามฉลากบอก และที่สำคัญ

มันอาจไม่ค่อยเหมาะกับคนผิวมันซักเท่าไหร่

QUALITY PLUS ใจดีมากให้ SAMPLE มาใช้เยอะมาก

อยากบอกว่าเซรั่มขนตาดีมาก ขนตาเอิ๊กแหว่ง

ดึงเล่นขึ้นเร็วมากกกกกกกกก 5555 กรี๊ดดด ชอบจัง

ขอบพระคุณทุกคนจาก QUALITY PLUS มากค่ะ

โดยเฉพาะคุณวุฒิสำหรับข้อมูลละเอียดมากกกกก

ทีมนี้ออร่ากระจาย ใสกิ๊ก วิงค์ๆ

สัญญาว่าวันใดกล้าที่จะมีแบรนด์เป็นของตัวเอง จะไปให้ดูแลเป็นพี่เลี้ยงให้ค่ะ

คนมึนกับลูกค้าคนนี้หน้าดู ถามอะไรเยอะจริงแม่คุณอยากรู้ไปหมดทุกอย่าง 555

ข้อมูลเพิ่มเติม หรือ รายละเอียดไม่ต้องเกรงใจ

เขาให้คำปรึกษาฟรีโทรไป หรือ LINE ไปได้เลยใจดี ข้อมูลแน่น ไม่ทำไม่ว่าด้วย 😀

แต่เชื่อเถอะว่าฟังปุ๊บ ความฝันอีกหนึ่งอย่างจะผุดเปล่งประกายแบบเอิ๊ก ฮ่าฮ่า

089-056-5651
081-563-3322
www.qualityplus.co.th
info@qualityplus.co.th
LINE : nan_QUALITY PLUS
LINE : wuttokun

http://www.qualityplus.co.th 

https://www.facebook.com/qpaicosmetic

 

Posted in BEAUTY, FACE, SKIN CAREComments (0)

BEAUTY NEWS : Clinique Repairwear Laser Focus Smooths, Restores, Corrects

           

         สวัสดีค่ะ .. หลังจากที่ได้มีโอกาสไปเข้าร่วมกิจกรรมมาร์สหน้ากับทาง Clinique สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวฮอตฮิตตัวเดิม   (Clinique Repairwear Laser Focus Wrinkle&Photo Damage Corrector) ที่เด่นในเรื่องของการรับมือปัญหาริ้วรอย ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาผิวอันดับต้นๆของเรา ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญของClinique ก็ได้มีการปรับสูตรใหม่โดยเพิ่มเทคโนโลยีล่าสุดเข้าไปในซีรั่มสูตรพิเศษที่ว่านี้ ใหม่ ! กลายเป็น ” Clinique Repairwear Laser Focus Smooths, Restores, Corrects “ ซึ่งเป็นเซรั่มสูตรปรับปรุงใหม่ที่ช่วยรับมือปัญหาริ้วรอยและทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้นกว่าที่เคย

 

โดย 3 จุดเด่นของเซรั่มสูตรปรับปรุงใหม่นี้ คือ

1. Smooths (เรียบเนียน) : เสริมประสิืทธิภาพให้ผิวดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น ผิวดูยกกระชับ เส้นริ้วรอยดูจางลง

2. Restores (ฟื้นบำรุง) : เสริมประสิืทธิภาพในการฟื้นบำรุงให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน ผิวนุ่ม ดูสุขภาพผิวดี เส้นริ้ว     รอยดูลดเลือนลง

3. Corrects (ลดเลือนริ้วรอย) : เสริมประสิืทธิภาพการลดเลือนริ้วรอยที่ใกล้เคียงกับการดูแลโดยผู้เชียวชาญด้านผิวพรรณ

 

              เมื่ออายุมากขึ้น การผลัดตัวของเซลล์ผิวเริ่มช้าลง และเซลล์ผิวเสื่อมสภาพก็จะเริ่มสะสมอยู่ที่ผิวชั้นบนสุด ทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆที่มองเห็นได้ แต่เมื่อเสริมกระบวนการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติให้ ทำงานอย่างเหมาะสมแล้ว ผิวก็จะเนียนเรียบและดูกระจ่างใสขึ้น ซึ่งเซรั่มตัวนี้ ประกอบไปด้วย เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Skin Resurfacing Technology ซึ่งช่วย เสริมการขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพอย่างมีประสิทธิภาพและอ่อนโยนเพื่อช่วยเผยผิวที่เนียนเรียบและดูเปล่งประกาย

              หลังจากที่ได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์ Clinique Repairwear Laser Focus Serum สูตรปรับปรุงใหม่แล้ว ก็ไปมาร์สหน้ากับทางผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของทาง Clinique ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 : Clear ผิวหน้าด้วย Clinique Cleansing Milk

ขั้นตอนที่ 2 : เช็ดเครื่องสำอางค์ออก ด้วย Clinique Make up Remover

ขั้นตอนที่ 3 : สครับผิวหน้าด้วย Clinique 7 day Scrub Cream สครับตัวนี้ทำให้รู้สึกว่า สิวเสี้ยนหลุดออกไปเยอะมาก จากตอนแรก ผิวจมูกค่อนข้างแข็งมาก เพราะมีสิวเสิ้ยนเยอะ แต่พอทาง Clinique ใช้สครับนวดบริเวณจมูกให้ พอเช็ดออก รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงมากๆ จมูกนิ่ม เกลี้ยง เลย

ขั้นตอนที่ 4 : เพิ่มความชุ่มชื้น สำหรับผิวหน้าที่ค่อนข้างมันด้วย Clinique Dramatically Different Moisturizng Gel

ขั้นตอนที่ 5 : บำรุงผิวหน้าด้วย 3 สูตร ผสมรวมกัน ซึ่งถือว่าเป็นกิมมิกของการมาร์สหน้าครั้งนี้เลย ประกอบไปด้วย ตัวแรก Clinique Ever Better Clinical ตัวที่สอง Clinique Repairwear uplifting และตัวสุดท้าย Clinique Repairwear laser focus

            ความรู้สึกที่ได้รับหลังจากมาร์สหน้าเสร็จ รู้สึกได้ถึงความเนียนของผิวมากขึ้น ผิวลื่นและเต่งตึงกว่าด้วย ผิวหน้าดุช่มชื้นมากขึ้น รู้สึกผิวหน้ามีสุขภาพดีขึ้นมาเลย

 

             สำหรับ Clinique Repairwear Laser Focus Smooths, Restores, Corrects สูตรปรับปรุงใหม่ตัวนี้ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวและทุกวัย (ใช้ทั่วใบหน้าและรอบดวงตาในตอนเช้าและตอนกลางคืนหลังระบบดูแลผิว 3 ขั้นตอน)

 

วางจำหน่ายที่เคาท์เตอร์ Clinique ทั่วประเทศ ในวันที่10 ตุลาคม 2556

และที่ www.clinique.co.th ผ่านการทดสอบการแพ้ และปราศจากน้ำหอม 100%

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

คุณแนน วรรณวิมล สัมมามิตร(แนนซี่)

(ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Clinique)

Tel : 02-624-6029/6031 หรือที่ wsummamit@th.clinique.com

Posted in BEAUTY NEWS, SKIN CAREComments (0)

ที่สุดของ BEAUTY SECRET ของ BEAUTY BLOGGER 7 ประเทศ

ประสบการณ์ในการทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอิ๊กในปีนี้เจ้าภาพคือ NO.7

ขอบพระคุณ BOOTS ประเทศไทยมาก ที่เลือกเป็นตัวแทนจากประเทศไทย

 

เพื่อไปแชร์ BEAUTY SECRET ของไทยให้ BEAUTY BLOGGER อีก 6 ประเทศได้รู้จัก

และ เดินทางเข้าร่วมใช้ชีวิตและกิจกรรมของ BOOTS & NO.7 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ตั้งแต่วันที่ 8-12 กันยายน 2013 ที่ผ่านมา

เอิ๊กเพิ่งถึงไทยวันที่ 13 ช่วงเย็นน็อคยาวเพราะทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำของทุกวัน และ รู้แน่นอน

ว่าจะส่งบล็อคนี้เข้าประกวดในหัวข้อ BEAUTY SECRET เคล็ดลับความงามของแต่ละประเทศ

กิจกรรมทุกวันจะเป็นการแชร์ประสบการณ์ผ่าน SOCIAL MEDIA ที่ BEAUTY BLOGGER

แต่ละคนมีด้วยTAG #SHARETHEFEELING


บล็อคนี้เป็นบล็อคที่เอิ๊กจัดทำขึ้นมาเองไม่ได้มีการว่าจ้าง เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นมุมมองที่

ถ่ายทอดให้คนไทยได้เรียนรู้ว่าแต่ละชาติ เขามีความสวยความงาม ที่เป็นเคล็ดลับอะไรของ

ประเทศที่สวยงามของเขาบ้าง บอกตรงๆเอิ๊กเครียดมากกกกกกกกกจะเอาอะไรไปสู้ดี

ต้องขอบคุณแฟนเพจ erk-erk.com เป็นอย่างมากค่ะ

สำหรับคำแนะนำเกือบ 300 ความคิดเห็น

 

เจ้าภาพการเดินทาง ที่พัก อาหาร ยานพาหนะ BOOTS RETAILS INTERNATIONAL

& BOOTS THAILAND เป็นคนจัดการต้องขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

ห้อง PRESENT จะมีลูกค้าจาก BOOTS / NO.7 / AGENCY

จากอังกฤษเข้าร่วมฟัง และ มีการบันทึกเป็นวีดีโอ คงต้องรอเขาตัดอีกที

จำได้ว่าวันนั้นพวกเราดูงานต้องตื่นตี 5 ไปโรงงาน BOOTS UK และ ไปฐานทัพกำเนิด NO.7

ง่วงมาก เช้าๆ บ่ายๆ ยังเริงร่า แล้วก็เดินๆจนเหนื่อยมาก ขาไปกลับนั่งรถไฟ ร่วม 2-3 ชั่วโมง

ภาพถ่ายกับ 6 BEAUTY BLOGGER จาก นอร์เวย์ สวีเดน ฮ่องกง ดูไบ เนเธอแลนด์ อเมริกา

โรงงานเค้าใหญ่มากมาย ต้องใส่ชุดรัดกุมสุดชีวิต จะว่าไปนี่คือครั้งที่ 2 ที่ได้เข้าโรงงาน

ของแบรนด์ความงามระดับโลก ปีที่แล้วไปเยอรมัน ปีนี้มาอังกฤษ ปลื้มมาก

ตกดึกเราต้องมาเริ่ม PRESENT เอิ๊กแบบจะสลบแล้ว แบบให้เวลามาเตรียมตัว 30 นาที

แบบลงไปนอนตายที่เตียงแล้ว ……

พี่ที่เป็นล่ามส่วนตัวก็มาบอกว่าจะมีคนใหญ่สำคัญ

มาฟัง PRESENT ด้วย เท่านั้นละพี่น้อง กระเด้งตัวขึ้นเติมปาก เติมตาเล็กน้อย

ทำผมลอน และ ถอดสูทออกเหลือ แต่ชุดลุค BUSINESS WOMAN

จั๊มสูทปักเพชรตรงรอบคอ และ แขนยาว ขายาว เป็นตัวแทนคนไทยต้องสง่า

ต้องดูเรียบร้อย และ ดู PROFESSIONAL

ด้วยความมั่นใจกับข้อมูลที่ทั้งทดสอบ

ทั้งอ่าน ทั้งจากคนขาย หรือ คนรอบตัว ครอบครัว หรือ

กระทั่งผู้บริโภคอย่างตัวเราเอง

เอิ๊กนอนน้อยมาก 3 ชั่วโมง แต่ THE SHOW MUST GO ON

เอาละมาเริ่มที่ประเทศแรก 

” DEBBIE ” Deborah Zwiers

BEAUTY BLOGGER ประเทศ NATHERLANDS

Blog : http://www.beautyscene.nl/

Twitter: @mrsbeautyscene

Instagram: mrsbeautyscene 

เธอมากับ ” เบียร์ ”

เธอบอกว่าประเทศเธอ HIT มากนำเบียร์มาหมักผม เพราะทำให้ผมนุ่มมาก มีน้ำหนัก

และเบียร์ยี่ห้อนี้ของประเทศเธอไม่มีกลิ่นเหม็น บางครั้งหมักเบียร์ 30 นาที 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

แล้วไปตากแดดสีผมของเธอจะออกแดงขึ้น หรือ สีผมอ่อนลงด้วย

รวมถึงทาตัวก่อนไปอาบแดดจะได้ผิวสีแทนสวย

MELING LAM

BEAUTY BLOGGER ประเทศ HONGKONG

Blog : www.apple113.blogspot.com

Twitter: @apple113

Instagram: apple113

เธอมากับ ” ไข่มุข ”

สาวมีเล๊ง เป็นคนที่อยากให้ทุกคนจับตามองไว้ให้ดีดี เก่งเรื่องผิวพรรณมากเธอบอกว่า

ผิวพรรณเธอดีเป็นเพราะกรรมพันธุ์ส่วนนึง แต่อีกส่วนนึงก็เกิดจากการดูแลตัวเองของเธอ

39 ปีแล้วนะครับพี่น้อง หน้าเด็กยังกับ 24 ปี ไม่เคยศัลยกรรม เธอบอกว่าแต่ก่อนผิวเธอ

แพ้ง่าย มีคนแนะนำให้เธอใช้ไข่มุข ซึ่งปกติไข่มุขดังมากอยู่แล้ว เธอทานวันละ 1

แคปซูลเล็ก เธอบอกว่าทานมากไปก็ไม่ดี ช่วยให้ผิวเธอที่แพ้ง่ายกลับมาแข็งแรง

ทำให้ผิวเธอขาวขึ้นและดูอ่อนเยาว์ ผิวเธอสวยมากเธอ จ๊อดดดดด

MONA KATTAN

BEAUTY BLOGGER ประเทศ DUBAI

Blog : www.hudabeauty.com

Twitter: @advinmonaland

Instagram: advinmonaland 

สาวผิวสวยจากอาหรับคนนี้ไม่มีใครที่ดูไบไม่รู้จักเธอด้วยนามสกุล KATTAN

ถ้าอยู่ในวงการความงามต้องรู้จักเธอแน่นอน เธอมากับเคล็ดลับผิวสวยด้วยการอาบน้ำ

และสครับผิวด้วยส่วนผสมธรรมชาติ ส่วนผสมหาได้ง่ายๆจากในตู้เย็น

ส่วนผสม
นมสด 2 ถ้วยตวง
น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย 
Rose Oil 5 ช้อนโต๊ะ
Argan Oil 4 ช้อนโต๊ะ
กลีบดอกกุหลาบ ถ้ามีไว้โรยในอ่าง

ส่วนผสมด้านบนเมื่อเข้ากันจะทำให้ผิวคุณนุ่ม หากแต่คุณต้องการที่จะทำให้ผิว

หมดปัญหาเซลล์ลูไลท์ ใส่กากกาแฟ หรือ น้ำตาล ซัก 1 ช้อนโต๊ะลงไป

ผิวจะนุ่มเนียน น่าสัมผัสมาก การอาบน้ำอุ่นจะไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป

ทำสัปดาห์ละครั้ง ผ่อนคลายสุดๆ

LISA STRANNESTEN

FASHION BLOGGER ประเทศ SWEDEN

Blog : http://lisa.chic.se/

Twitter: @lisastrannesten 

Instagram: lisastrannesten

เธอมากับน้ำผึ้ง และ แอสไพริน

หน้าเนียนนุ่มใสด้วยการมาส์คกับส่วนผสมหลักอย่าง แอสไพริน + น้ำผึ้งหลายคนอาจจะ

ทราบว่า แอสไพรินมี SALICYLIC ACID [BHA] เป็นตัวช่วยละลายสิ่งอุดตันจากรูขุมขน

และ น้ำผึ้งลดการอักเสบเพิ่มความอ่อนนุ่ม เหมาะกับคนผิวมัน ทำให้ผิวมันน้อยลง

เธอมาสค์เป็นประจำด้วยสูตรนี้ และ ประเทศเธอนิยมกันมากด้วย 

[ ปล. ยังไงก็ตามเท่าที่เอิ๊กอ่านข้อมูลเพิ่มใช้ต้องใช้ให้ถูกปริมาณ อย่าทิ้งไว้นาน มันเป็นกรดจะกัดผิวด่างได้ ]

JEN MATHEWS

BEAUTY BLOGGER ประเทศ USA

Blog : www.mybeautybunny.com

Twitter: @mybeautybunny 

Instagram: mybeautybunny 


เธอมากับ ” น้ำมันอโวคาโด “

อเมริกาสิ่งนี้เป็นที่นิยมมาก และ เจนเธอก็ชอบในสิ่งที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว

เธอจึงนำเสนอได้ดี บอกทำได้หลายอย่างทั้งหมักผม บำรุงผิว

มีวิตามินหลายชนิดมากตั้งแต่ A B1 B2 D E B5 กรดอะมิโน และ อีกมากมาย

ทำให้ผิวชุ่มชื่น ลดเลือนริ้วรอย ปลอมประโลมดูแลผิวคล้ำเสียจากแดด

ได้รับการยกย่องจากอเมริกา ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้สรรพคุณเยอะจริงๆ

Erk-Erk

Beauty Blogger ประเทศ Thailand

Blog : www.erk-erk.com

Twitter: @erk_erk

Instagram: wwwerkerkcom


เธอมากับ ” น้ำมันมะพร้าว “ สรรพคุณคล้ายของเจนเลย เพียงแต่น้ำมันมะพร้าวค้นคิดค้น

คือ อินเดีย แต่เอิ๊กก็พูดตามจริงไปว่าแม้ประเทศจะไม่ใช่ต้นกำเนิด

แต่ประเทศเราก็เป็นส่วนหนึ่งของเส้นศูนย์สูตร อยู่แถวคาบสมุทรแปซิฟิก มะพร้าวเพียบ

ผลิตภัณฑ์มะพร้าวเราไม่แพ้ชาติใดในโลก เอาไว้ส่งออกชื่อเสียงมากมาย

และ ในฐานะที่เอิ๊กเป็นตัวแทนของคนไทย อยากให้คนไทยมุ่งเน้นความชุ่มชื่น

เพราะความชุ่มชื่น คือ คุณสมบัติที่ดีของการมีผิวพรรณที่มีสุขภาพดี

เพื่อหลีกเลี่ยงริ้วรอยก่อนวัยอันควร เพื่อรักษาผิวพรรณให้สวยสดใสยาวนาน

และหันมาสนใจของไทย ที่คุณประโยชน์เหลือเฟือบ้าง

” ประเทศของฉันเศรษฐกิจสู้ประเทศของพวกเธอไม่ได้ “

คนไทยมักตื่นเต้นกับสิ่งที่ถูกนำเข้ามา มากกว่าของในประเทศตัวเองใน

เมื่อเลือกเอิ๊กให้เป็นตัวแทนของคนไทย เอิ๊กอยากบอกต่อสิ่งนี้

เพื่อให้คนไทยได้ใช้เงินอย่างประหยัดขึ้น โดยการมองหาสิ่งที่เกี่ยวกับ

ความงามทดแทนในเรื่องของธรรมชาติบ้านเราที่มีดีไม่น้อยกว่าที่อื่น

เอิ๊กบอกต่อหน้าทุกประเทศแบบนี้ และ บอกว่าน้ำมันมะพร้าว

ฉันการันตี ไม่ว่าประเทศไหนใช้ สีผิว สภาพผิวไหนใช้

ทุกคนต้องชอบในสรรพคุณของมัน โดยเฉพาะประหยัดเงินในกระเป๋าคุณ

เอิ๊ก PRESENT นานมากหาข้อมูลตั้งแต่

เนต ใช้เอง ถามคนรอบตัว ครอบครัวที่ทานเป็นประจำ และ

เจ้าของธุรกิจมะพร้าวอันดับ1 อย่างชาวเกาะ

การนำเสนอของเอิ๊กเป็นที่สนใจกับต่างชาติ เพราะเอิ๊กเห็นว่าหลายคนเหนื่อยง่วงเลย

เริ่มต้นประเด็นว่า ” ในที่นี่มีผู้หญิงคนไหนอยากแก่บ้างไหม?” เท่านั้นเขาก็เริ่มสนใจกัน

[ ทุกคนมองมาที่เอิ๊ก เวลาพูดเอิ๊กจะพูดช้า เพื่อให้ล่ามแปลอังกฤษทัน

เอิ๊กเป็นบล็อคเกอร์คนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะเอิ๊กไม่ตั้งใจเรียนตอนเด็กๆ

แต่ข้อมูลที่เตรียมมา ทำให้เรามั่นใจมาก ]

เอิ๊กจึงพูดบอกต่อไป เอิ๊กเป็น BLOGGER ที่เวลารีวิวอะไรเอิ๊กต้องทดสอบเอง

CLICK ที่เอิ๊กลองทดสอบกับเพื่อน

และ สิ่งที่เอิ๊กทดสอบต้องปลอดภัยเสมอ หรือ ไม่ก็ควรมีงานวิจัยรองรับ

เพื่อความปลอดภัยของตัวเอิ๊กเอง และ คนอ่านที่เปรียบเสมือนเพื่อนรักของเอิ๊ก

สำหรับน้ำมันมะพร้าวไม่ต้องพูดถึงงานวิจัยมีเป็น 100 ถ้าคุณต้องการอีเมลล์มา

เอิ๊กจะส่งลิงค์งานวิจัยถึงสรรพคุณทั้งหมดให้

เอิ๊กเป็น BEAUTY BLOGGER ที่ใช้เวลานำเสนอนานสุด

เอิ๊กเริ่มตั้งแต่หมวด

HEALTHY – ช่วยเรื่องเพิ่มไขมันดีในร่างกาย

เบาหวาน โรคหัวใจ คนติดHIVทานมีชีวิตยาวขึ้น

และ อีกมากมาย

BEAUTY – นำมาทาผิว หมักผม ล้างเครื่องสำอาง กลั้วฟันตอนเช้าฆ่าแบคทีเรีย

ทำให้ฟันแข็งแรง และ อีกมากมาย ซึ่งเวลาเราพูด

เอิ๊กเหลือบไปเห็นเครื่องสำอาง NO7 วาง เอิ๊กหยิบมาขีดเขียนบนมือ

และ เอิ๊กก็ทดสอบสดให้ดูอย่างการ

พูดถึงสรรพคุณทำความสะอาดเครื่องสำอางที่อยู่บนหน้า

ได้เยี่ยมและลงมือลบมันให้ทุกคนได้ดู

ด้วยน้ำมันมะพร้าว ทุกคนก็ WOW AMAZING 555

ก่อนที่จะไปถึงหัวข้อสุดท้ายเอิ๊กได้กล่าว

ขอบพระคุณเจ้าของธุรกิจกระทิชาวเกาะ ที่กำลังจะแตกไลน์มาทำน้ำมันมะพร้าว

เขาได้มอบน้ำมันมะพร้าวให้เอิ๊ก 7 ขวด เพื่อมานำเสนอโปรเจคนี้โดยเฉพาะ

แพคเกจทำจำลองขึ้นมา ได้ทีของเอิ๊กก็นำเสนออีกว่า ทุกคนในที่แห่งนี้คือ

” กลุ่มแรกของโลกที่จะได้ลองน้ำมันมะพร้าวชาวเกาะ ” แบรนด์กะทิอันดับ1ของไทย

แพคเกจถูกแพคมาอย่างดี ซีลเรียบร้อย เหมือนจะขายจริง

และ สุดท้ายดูเหมือนคนจะชอบใจ คือ หมวด

EROTIC – น้ำมันมะพร้าวดังมากในชื่อของ EROTIC OIL ใช้นวด ใช้ทำให้ผ่อนคลาย

ใช้แทนเจลหล่อลื่นเวลามีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่มีเคมี ทุกคนกรี๊ดดด 555 และหัวเราะใหญ่

เลยบอกถ้าไม่เชื่อไป SEARCH GOOGLE ได้ ว่ามันคือ EROTIC OIL จริง

และ เวลาที่ตกขาวไม่หนักมาก

สามารถนำมาเช็ดด้านในช่องคลอด เพื่อปรับค่ากรด ด่างให้มีค่าสมดุล

เอิ๊กทดสอบกับอาการตกขาวที่ไม่มากของตัวเอง อาการดีขึ้น

เพราะ ไม่อยากใช้เคมียาหมอ จึงเป็นที่มาของการบรรยายสรรพคุณนี้

พูดจบทุกคนตบมือให้ เอิ๊กรู้สึกดีใจมาก อย่างน้อยภาษาเราด้อยกว่าเขา

แต่ข้อมูล และ การทดสอบที่ผ่านมาเอิ๊กไม่แพ้ชาติไหน

กลับมาผู้บริหารแบรนด์ No.7 และ BOOTS THAILAND บอกเอิ๊กว่าต่างชาติ

EMAIL มาชมคนไทย และ บอกว่าเป็น BEAUTY BLOGGER ที่เป็นตัวอย่างที่ดี

^________________________________^

ที่พูดมาไม่ได้จะอวดนะคะ แต่จะบอกว่าเอิ๊กไปด้วยความกลัวมากเรื่องภาษา

แต่เราอย่ายอมแพ้ ขยัน อดทน และ เอาชนะ ในเรื่องที่เราทำได้ และ ทำมันให้ดีที่สุด

ดีใจที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทย ที่ทำให้ประเทศเราภูมิใจได้ในการนำเสนอโปรเจคนี้

 

 LINE KIRKHUSK

FASHION BLOGGER ประเทศ NORWAY

Blog : http://www.lilisfashion.com/

Twitter: @lilisfashion

Instagram: lilisfashion 

 

เธอมากับครีมบำรุงผิวแบรนด์ SKIN SCIENCE

เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศนอร์เวย์ หลักช่วยยืดเวลาการเสื่อสภาพของเซลล์ผิว

ประมาณ 25% โดยการสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา มีแรงบันดาลใจมากจากสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลน้ำลึก

เท่าที่ฟังก็มาจากปลาแซลมอนด้วย และ มี SPERM คือ สังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมา

โดยหาได้จากประเทศใกล้เทียบเคียงชายฝั่งอาร์กติด

นักวิทยาศาสตร์ของแบรนด์นี้ให้ความสำคัญกับ 5 ส่วนผสมหลัก

ซึ่งได้มีการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่ามีผลลัพธ์ที่ดีต่อผิวพรรณ

มีความอ่อนโยนป้องการการเกิดการอุดตันของน้ำมันในรู้ขุมขน ผิวจะดูกระจ่างใส

และ สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระ อาจจะเจ๋งกว่านั้นคือ การสังเคราห์ทำสารสกัดจาก

SPERM ขึ้นมา ช่วยเรื่องปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการใช้ชีวิตประจำวัน

ที่เต็มไปด้วยมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม การดูดซึมของผลิตภัณฑ์ทุกตัว ดูดซึมง่ายมาก

 

ทั้งหมดนี้ก็เป็น BEAUTY SECRET จาก BLOGGER 7 ประเทศ เท่าที่ลองฟังดูยังไง

ก่อนจะลอง หาข้อมูลให้ดีก่อน สำหรับเหล่าน้ำมันเอิ๊กว่าเราทาภายนอกลองก่อนได้

เหล่าอะไรที่ต้องรับประทาน ดูยี่ห้อ เช็คความปลอดภัยให้ดี รวมถึงอะไรที่ใช้บนหน้า

อยากให้หาข้อมูลเพิ่มเยอะๆก่อนตัดสินใจ แต่ละประเทศก็มีสิ่งที่พิเศษแตกต่างกันไป

แต่ไม่ว่าอย่างไร ก่อนพูดอะไรออกไป ถ้าได้ทดสอบก่อนจะทำให้เรามีความมั่นใจ

ในการนำเสนอ และ บอกถึงข้อดีเสียได้เป็นอย่างดี

บลอคต่อไปเดี๋ยวจะเขียนเล่าประสบการณ์ ณ ลอนดอน

กับ BEAUTY BLOGGER อีก 6 ประเทศ

เอิ๊กรัก BEAUTY BLOGGER คนนี้มาก เอิ๊กคุยภาษาอังกฤษไม่ได้เรื่อง แต่เขามีเมตตา

ดูแลเอิ๊กอย่างดีไว้เอิ๊กมาเล่าความประทับใจเรื่องมิตรภาพของเราให้ฟัง

มีคลิปพิเศษ สุดยอดไอเท็มที่ขาดไม่ได้ของ BEAUTY BLOGGER 4 ประเทศมาให้ชมด้วยรอบหน้า

XOXO

Photo : http://www.katgreen.net/

 

Posted in BEAUTY, ERK-ERK, SKIN CAREComments (2)

SHARE THE FEELING ตามล่าหาสุดยอดเคล็ดลับความงามของไทย กับ No.7

 

#Sharethefeeling 

 

อีกสัปดาห์กว่า TAG นี้ #Sharethefeeling  คือ TAG ที่จะเอาไว้ติดตามเอิ๊ก กับ

สิ่งที่เอิ๊กถามคนใน FANPAGE ใน TWITTER ว่า

เราจะเอา BEAUTY SECRET อะไรไปแบ่งปันให้บล็อคเกอร์เมืองนอก

อีก 6 ประเทศได้รู้จักกันดีน๊า

 

 


 

แคมเปญนี้คิดว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเอิ๊ก รู้สึกดีใจมากที่ BOOTS THAILAND และ NO.7

มอบโอกาสให้เอิ๊กเป็น 1 ใน 7 คนของหลากหลายประเทศ เป็นตัวแทนจากประเทศไทย

ที่ได้มีโอกาสไปเก็บข่าวแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับ ผลิตภัณฑ์ ANTI-AGING

ตัวล่าสุด Lift & Luminate ซึ่งใช้เวลาในการคิดค้น และ ผลิต 3 ปีเต็ม

เอิ๊กก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เพราะเอิ๊กเป็นคนที่ฟังภาษาอังกฤษไม่ได้เลย มันเป็นเส้นตรง 5555

กลัวจะไปทำเขาขายหน้าเหมือนกัน โชคดีเขาพิจารณาจัดล่ามพิเศษให้หนึ่งคน

และ เป็นครั้งแรกที่เอิ๊กได้ไปทำงานที่อังกฤษในฐานะ BEAUTY BLOGGER

ที่ LONDON และพิเศษอีกคือเจอ สาย BEAUTY ที่เป็น BLOGGER อีก 6 ประเทศ

ได้แก่ นอร์เวย์, สวีเดน, เนเธอร์แลนด์, อเมริกา, ฮ่องกง, อีกประเทศไม่แน่ใจดูไบ หรือ อังกฤษ

ก็จะไปแลกเปลี่ยนความลับเกี่ยวกับความงามของแต่ละประเทศ ที่ไปตั้งใจหากันมา

แน่นอนว่าพวกเรา 7 คนก็น่าจะเป็นทีมแรกที่ได้สัมผัส และ ทำความรู้จักนอกจากเจ้าของ

และ R&D ของเขา ฮ่าๆ แน่นอนละนี่ละเป็นความลับของอังกฤษอย่าง No.7 เขาล่ะ

เจอพี่ไทยหน่อย ทุกคนน่ารักมากนะคะ ในแฟนเพจช่วยแนะนำให้เอิ๊กใหญ่เลย

ตอนนี้เอิ๊กคงต้องคัดอย่างจริงจัง และ มานั่งหาว่าอะไรคือที่สุดของที่สุดในประเทศไทย

สยามเมืองยิ้มของพวกเรา มันตื่นเต้นมาก มันเคว้งขว้าง บินคนเดียว แต่ถ้าเราไม่กล้าหาญ

แล้วเมื่อไหร่เราจะเก่ง เอิ๊กบอกได้เลยว่าแค่ไปฟัง ไปเยี่ยมชม

แล้วนำมาเล่าถึงเทคโนโลยีความงามของเขาก็ยากอยู่แล้ว นี่ต้องพยายามจะต้องเข้าให้ได้

กับทุกคนที่เขาใช้ภาษาเขาปกติ ฮ่าฮ่า เอาละ 3 คำให้ตัวเอง

 

 

“สู้โว้ยเอิ๊ก”

 

Posted in SKIN CAREComments (0)

ผิวขาดน้ำกับความสำคัญของความชุ่มชื้น

หน้าร้อน กับ การทำร้ายความชุ่มชื้นผิว

ปกติแดดเมืองไทยก็มีรังสียูวีที่แผดเผา และ ทำให้ผิวเราแก่เร็วก่อนไว ไม่นับรวมฝ้า

กระ จุดด่างดำที่มีชัดเจนขึ้นแล้ว ความร้อนยังทำให้ผิวอักเสบเกิดสิวผด

สิวที่มีก็อาจอักเสบได้ ร้อนมากบางครั้งทำให้ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น

ผิวที่เคยมัน ธรรมดา ผสม กลับแห้ง ผิวแห้งยิ่งแห้งหนัก

น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวไม่มี หากปล่อยไว้อาการระคายเคืองก็อาจตามมา ส่งผลให้ผิวแพ้ง่าย

ได้ต่อทุกสิ่งที่มากระทบ และ เมื่อแห้งไปนานๆริ้วรอยก็จะถามหาไว

นี่เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากภาวะขาดความสมดุลผิว ขาดน้ำ จนแห้งหากปล่อยไว้

จะมีปัญหาหลายอย่างตามมาไม่รู้จบ

เอิ๊กเป็นสาวผิวแห้งช่วงหน้าหนาว – ผิวผสมช่วงหน้าร้อน

จะเข้าใจดีว่า ไม่สามารถปล่อยให้หน้าตัวเองแห้งไปมากกว่าเดิมได้เลย ผิวแห้งนอกจาก

  • กรรมพันธุ์
  • การรับประทานยาสิว
  • การทายารักษาสิวบางประเภท
  • การทายาลดริ้วรอยที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ
  • การผลัดเซลล์ผิวเพื่อความขาวมากเกินโดยไม่บำรุงให้ผิวชุ่มชื่น
  • การนอนดึกมาก ไม่ได้พักผ่อน น้ำระเหยออกจากร่างกาย
  • การอยู่ในห้องแอร์
  • ฯลฯ

สาเหตุเกิดได้หลายอย่าง และ อาการที่ผิวแห้งลงไม่ได้เกิดเฉพาะคนผิวแห้ง

แต่โอกาสของคนทุกสภาพผิวเช่นกันที่จะมีผิวที่แห้งลง

และสาเหตุที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง

ที่จะคุยกันวันนี้คือ “ผิวขาดน้ำ”

ผิวขาดน้ำเป็นอาการผิวที่แห้งลง และ เกิดได้กับผิวทุกประเภท

เพราะอาจจะมีทั้งมันและแห้งแบบไม่เป็นเวลา

เนื่องจากขาดสารหล่อเลี้ยงที่สำคัญ นั่นคือน้ำ ที่เป็นส่วนประกอบพื้นฐานหลักของผิวหนัง

ผิวจะแห้งกร้าน อาจจะลอกร่วมด้วย ไม่สดใสเปล่งปลั่ง

 ผิวขาดน้ำเกิดขึ้นได้ทั้งการอยู่ในร่ม หรือ กลางแจ้ง

 

อาการร้อนทำให้ผิวขาดน้ำได้ และ อากาศเย็นก็ทำได้เช่นกัน

”เครื่องปรับอากาศ” ที่หลายคนชินกับการทำงานในห้องแอร์อยู่บ้านเปิดแอร์

รู้ไว้เถอะว่า ก่อนจะเกิดความเย็นนั้น แอร์ฯจะดึงเอาความชื้นในอากาศทั้งหมดรวมถึง

ความชื้นของผิวหนังเราด้วย เมื่อความชื้นหายไป อากาศและผิวเราก็จะแห้งไปด้วย

ผิวขาดน้ำสังเกตุยังไง

  • ผิวแห้ง และอาจจะลอก รวมถึงอาจเป็นขุยโดยไม่ทราบสาเหตุ

บางคนถึงขนาดลองเอาเล็บข่วนเบาๆ จะเห็นว่าใบหน้าเป็นรอยเล็บขาวๆเป็นทางยาว

 

  • ผิวเดี๋ยวแห้ง เดี๋ยวมัน เดี๋ยวลอก

อาจจะเกิดได้ในระยะเวลาอันสั้นกลับไปกลับมา หน้าแห้งลอกทั้งที่หน้ามัน

  • แต่งหน้าไม่ติด หรือไม่อยู่ทน

ลงครีมบำรุงไม่ค่อยซึม ครีมรองพื้นพอลงก็เกลี่ยยากและเป็นขุย ระหว่างวันเครื่องสำอางหลุดลอกจนเห็นความแห้งของใบหน้าจุดนี้ต่างจากผิวแห้งเพราะต่อให้ผิวแห้งแต่การดูดซึมก็ยังเป็นไปตามปกติ ยังสามารถเกลี่ยเครื่องสำอางและครีมบำรุงได้ง่าย แต่ผิวขาดน้ำผิวจะไม่ดูดซึมเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นได้เลย [ในเรื่องการทาครีมบำรุงแล้วไม่ซึมอยากให้ดูช่วงก่อนมีประจำเดือนและระหว่างมีประจำเดือนด้วย เป็นภาวะที่ผิวอ่อนแอเช่นกัน ช่วงนั้นทาครีมบำรุงจำทำให้ครีมไม่ค่อยซึม]

  • ผิวหน้าอิดโรย ไม่สดใส ไม่ยืดหยุ่น

ผิวขาดน้ำ หรือ ขาดความชุ่มชื้น ผิวจะดูแห้ง และ ดูหยาบกร้านขึ้น เวลาสัมผัสที่บริเวณผิวหน้าจะรู้ทันที นอกจากนั้นจะไม่ยืดหยุ่น และจะรู้สึกตึงๆบางครั้ง จะไม่นุ่ม ไม่กระชับเช่นเคย บางคนขาดน้ำจนแห้งมากก็อาจทำให้เกิดผื่นแพ้ แดงเป็นจ้ำ และผิวอักเสบ เกิดอาการแพ้ง่ายได้

 

วิธีการเติมน้ำให้ผิว

เริ่มจากง่ายไปยากนะ ทำเองได้ที่บ้าน ง่ายนิดเดียว เอิ๊กนี่ขาดข้อแรกมากๆ – -” ต้องกระดกน้ำด่วน

• ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้มากพอ

หลักการง่ายๆที่หลายคนละเลย [ว่าตัวเอง] คนดื่มน้ำน้อย ผิวนอกจากจะแห้ง ริมฝีปากก็จะแห้งตามมา กรุณาดื่มน้ำให้เยอะขึ้น น้ำทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ขับของเสีย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และ จิบระหว่างวันยังช่วยในการเผาผลาญพลังงานในร่างการอีก เป็นอะไรที่ถูกและดี มีประโยชน์หาดื่มง่าย ตอนไปเมืองนอก คิดถึงน้ำดื่มเมืองไทยมาก บางประเทศดื่มกับก๊อก บางประเทศขวดนึง แพงไปไหน ?  อย่าลืมบำรุงภายในให้ดี อาจเห็นผลช้า แต่ชัด และ ชัวร์ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกาย เฉลี่ย 50 – 60 % ของน้ำหนักตัว

วิธีคิด ว่าวันนึงเราควรจะดื่มน้ำเท่าไหร่ คิดง่าย น้ำหนักตัวเป็นหน่วยกิโลกรัม คูณกับ 30 จะได้ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน ซึ่งมีหน่วยเป็น มิลลิลิตร (เช่น 45 กิโลกรัม x 30 = 1,350 มิลลิลิตร หรือ 1.35 ลิตรต่อวัน) ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อนหากขาดน้ำช่วงนี้ผิวจะไม่สวยและอาจจะป่วยได้

• อย่านอนดึก

พูดง่ายแต่ทำยากสำหรับบางคน [ว่าตัวเองอีกแล้ว] ถ้าทำได้ผิวจะสวยขึ้น น้ำหนักตัวจะคงที่ หรือลดลงได้ระหว่างคุมอาหารแน่นอน ประโยชน์หลายต่อมาก เพราะตอนกลางคืนร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีโกรทฮอร์โมนหลั่ง เป็นเวลาชาร์ตพลังสมอง เพิ่มพลังผิว ” การนอนคือยารักษาโรคหลายโรคที่ดีที่สุดอย่างนึง ” เมื่อร่างกายได้มีการฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ส่งผลต่อผิวเราให้ได้ฟื้นฟูเต็มๆ อย่าลืมทาครีมให้ความชุ่มชื่นก่อนนอนด้วย จะได้ผลดียิ่งขึ้นค่ะ 

 

• บำรุงผิวด้วยสารประเภท Hydration

วิธีเร่งด่วนอีกอย่างคือ เพิ่มการทาครีมที่ช่วยเติมเติมน้ำให้ผิวด้วย เช่น จะเป็นโทนเนอร์ ครีมหรือเจลตระกูล Hydration ให้มากขึ้น อาจใช้ควบคู่กับครีมบำรุงที่มีอยู่ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น กัักเก็บน้ำ และ ล็อคผิวไม่ให้ถูกอากาศดูความชุ่มชื้นออกไป ผลคือผิวก็จะชุ่มชื้นขึ้น และดูอิ่มน้ำ มีสุขภาพดีขึ้น เมื่อเซลล์ผิวแข็งแรง เวลาจะบำรุง จะแต่งหน้าติดง่ายขึ้น และ โปรดเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว เช่นผิวผสม-ผิวมัน ควรเน้นเนื้อเจลเป็นหลัก เพื่อความบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ และ ลดการอุดตันของผิว ผิวแห้ง-ผิวธรรมดาให้เน้นไปที่เนื้อครีม จำมีส่วนประกอบของน้ำมันมากกว่า เนื้อหนักกว่าผิวเราจะชุ่มชื่น ยืดหยุ่นได้ดี และ อย่าลืมก่อนออกจากบ้านปิดท้ายด้วยกันแดดค่ะ 🙂

 

ขอบคุณแบรนด์ POND’S ที่ให้สกินแคร์สูตร HADRA REVITAL มาให้ลอง

และให้ข้อมูลเรื่องผิวขาดน้ำมาอ่าน

เราเลยรวมเขียนขึ้นบวกกับประสบการณ์จากตัวเองเพิ่มด้วย

จะบอกว่าลองกับเพื่อนหลายคนที่มีสภาพผิวต่างกัน

เวลาขาดน้ำจะไล่ ไปโบกพอนดส์สีฟ้าซะ 55555

ตัวเองลองใช้ตอนหน้าแห้งมาก เนื่องจากนอนดึก วันเดียวอาจการดีขึ้น

ไว้ว่างค่อยมา REVIEW ละกันเนอะ

ขอให้ทุกคนมีสุขภาพผิว สุขภาพกายดีกันทุกคน รักนะคะ <3 

 

Posted in SKIN, SKIN CAREComments (4)

DIARY – erk-erk ไปเยี่ยมสถาบัน EUCERIN SKIN INSTITUTE ภาค 2

ภาค 3 เป็นภาคต่อของการเยี่ยมชมใน EUCERIN SKIN INSTITUTE

ภาค 1 CLICK ภาค 2 CLICK

ฐาน3 ไปจับส่วนผสมทดสอบกันแบบถึงเนื้อถึงตัวของ HYALURON

น้องเป็นผู้หญิง ขาวใส ดูบริสุทธิ์ ผุดผ่องมากค่ะน้องไฮย่า

พี่ขอจับน้องหน่อยนะ 55555

ฐานนี้นั่งกันประชิดมาก เพราะเขาจะมาปาด น้องไฮย่า [ HYALURONIC ] ให้ถึงที่

เรารู้สึกว่าแม้จะใส ขาว บริสุทธิ์ แต่มีความเหนียว และ หนืดพอตัว และอุ้มน้ำ

คือชุ่มมือนานมาก ไม่ใช่อารมณ์น้ำมัน แต่เหมือนเจลใสที่มีความหนึบ และชุ่มมาก

อย่างที่บอกว่าเป็นส่วนผสมหลักของ สูตร HYALURON FILLER ซึ่งสกัดจากแบคทีเรีย

จะเป็นผงนำไปผสมGLYCINE SAPONIN + น้ำ ทำให้เป็นเจลอีกที 

มั่นใจได้ว่าไม่มีสัตว์น้อยใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องตามนโยบายโลกสวยของ EUCERIN

ไม่ทดสอบ ไม่ทดลองในสัตว์ แล้วเขาก็นำเจลไฮย่าลงไปผสมในครีม ก่อนนำไปเทส

ไปทดสอบการเปลี่ยนแปลงเวลาอุณหภูมิเปลี่ยน ไปทดสอบในผิวมนุษย์จริง

เอาละเมื่อได้เล่นกับไฮย่าอย่างสนุกสนาน เราก็พักทานอาหารรสเลิศ ที่อุดมไปด้วยสุขภาพ

มีทั้งปลา เต้าหู้ น้ำผักที่หายาก แต่มีประโยชน์ ขอโทษที่ไม่มีรูปเพราะหิวจัด

กินเสร็จไปถ่ายรูปเล่นแถวหน้าเวที คุณหมอนลินี บำรุงราษฎร์ เป็นช่างกล้องให้ อิอิ

และแอบถ่ายแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ EUCERIN HYALURON FILLER ตัวจริง38 ยังเป๊ะ

คุณ ซอนย่า คูลลิ่ง COOL มากกกกกกก นิสัยน่ารักเวอร์

เอาละไปลุยกันต่อ ทานข้าวอิ่มแล้ว ไปฐาน 4 ชมร้านยากัน 🙂

ฐาน4 ไปทัวร์ร้านยาเยอรมันกัน

ร้านขายยาในนี้ ชื่อว่า AM DERMATOLOGIKUM อย่าถามออกเสียงยังไงนะ ไม่รู้ 55

สังเกตุภาพผนัง ชวนให้เดินเข้ามาแล้วรู้สึกว่ามันมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ข้างในใหม่กิ๊ก

ซึ่งแตกต่างจากร้านข้างนอกมาก ดูคลาสสิค แต่แอบไปด้วยความ HIGH ของ

เทคโนโลยี และ การบริการ ที่นี่เป็นของเอกชน ไม่ใช่ของ EUCERIN

นอกจากจัดสถานที่ให้เห็นถึงศักยภาพที่แตกต่าง น่าเชื่อถือ

จุดเด่นมีเภสัชกร หรือ แพทย์ผิวหนังให้คำปรึกษาได้

ภายในจะมีผลิตภัณฑ์มากมาย หลายแบรนด์ที่เรารู้จักและเคยเห็นกันในเมืองไทย

ที่นี่เป็น PARTNER ของ EUCERIN เราถือว่าเขาใจกว้างมากนะ เพราะเปิดโอกาส

แบรนด์คู่แข่งให้มีสิทธิ์เขามาวางขายในนี้ และ วางในจุดระดับเด่นที่ดึงดูดสายตาได้

ปรบมือเลย น้ำใจนักกีฬามาก ที่นี่นอกจาก ยา จะมี สกินแคร์ เครื่องสำอาง ฯลฯ

ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามที่เราไปวิเคราะห์สภาพผิวกัน ถ้าคนที่มาซื้อสกินแคร์มีปัญหาผิวหนัง

เภสัชกรก็จะแนะนำเดินไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังฝั่งตรงข้ามเลย จุดเด่นอีกอย่างมีห้องกระจก

จะเห็นหมดเขาจัดยาอะไรให้เราด้านใน ทำอะไรดูโปร่งใส ชัดเจน ถ่ายทอดสด 55

ฐาน5 เปิดเผยงานวิจัยล่าสุดของEUCERIN HA FILLER

เป็นผลสรุปสั้นๆนะคะกลัวเพื่อนๆงงกันค่ะ บางคนอาจจะมองว่าสูตร

EUCERIN HYALURON FILLER มันออกมา 10 ปีแล้ว มันมีอะไรใหม่เหรอ

งานวันนี้จุดสุดยอดอยู่ 2 ฐานสุดท้ายนี้ละ Dr. Nicola

เปิดเผยตัวไฮย่าเพิ่งได้พบการวิจัยใหม่

สอดคล้องกับวิธีการชะลออายุของเราในปัจจุบัน คือ การฉีดฟิลเลอร์

เพื่อเติมเต็มร่องลึก และ ทำให้เราดูอ่อนเยาว์ลงไปโดยเมื่อใช้คู่กับ

สูตรไฮย่านี้ซึ่งผลิตโดยเทคโนโลยีนาโนที่อัดไฮย่าในระดับเล็กมากเพื่อให้ซึม

ลงไปสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ได้จริงๆ

ซึ่งปกติครีมทั่วไปมักซึมอยู่แค่ชั้นกำพร้า

และทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปนั้นอยู่นานขึ้นกว่าปกติ


มาดูผลทดสอบบางส่วนกันดีกว่า

ผลงานวิจัยกล่าวถึงการทดสอบ

การใช้ EUCERIN HYALURON FILLER + การฉีดฟิลเลอร์

เส้นสีฟ้าเป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเฉยๆ

เส้นสีน้ำเงินเป็นการฉีดฟิลเลอร์ + ใช้ผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER

ในเรื่องริ้วรอยข้างดวงตาจะเห็นได้ว่าสัปดาห์ที่ 7 เป็นต้นไปผลลัพธ์การคงตัวด้านที่

ฉีดฟิลเลอร์ + ใช้ผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER หลังใช้ไปซักระยะจะช่วย

พยุงทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และ คงตัวตื้นมากกว่า ฉีดแค่ฟิลเลอร์เพียวๆ

รวมถึงความชุ่มชื่นของผิวเมื่อวัดแล้ว ถ้าเราฉีด + ใช้ผลิตภณฑ์ HA ด้วย

ผิวชุ่มชื่นขึ้นกว่า ผิวไม่แห้งเท่าฉีดฟิลเลอร์HAเฉยๆ

ทั้งนี้รวมถึงความเรียบเนียนของผิวเมื่อฉีด+ใช้ ก็ดีกว่าด้วย

ที่เขาไม่ได้วิจัยเรื่องนี้ตั้งแต่ 10 ปีก่อนในความคิดเอิ๊กคิดว่าฟิลเลอร์พึ่งมาบูมมากจริงๆ

ไม่ถึง 5 ปี แต่อย่าลืมว่าชะลอได้ ไม่ใช่ช่วยได้ 100% แต่นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์เหมือนกัน

ที่เมื่อเราเสียเงินฉีดฟิลเลอร์ไป แล้วรอให้มันสลายหมดแล้วเติมใหม่

ถ้าเราใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ชนิดทา ซึ่งราคาถูกกว่าจะคงผลได้ดีกว่า และ ยืดกว่าได้

แม้เล็กน้อยก็มองว่าเทคโนโลยีเขาล้ำเหมือนกัน ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ลงไปกระตุ้น

การสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังแท้ได้จริงๆ เราจะเห็นน้อยครีมนัก

ฐานสุดท้าย

ฐาน6 เจาะลึกการทำผลวิจัยเกี่ยวกับ EUCERIN HYALURON FILLER

ได้รับเกียรติจาก Dr. Frank Rippke – MANAGER SCIENTIFIC ENDOSMENT

 

มาเล่าถึงขั้นตอนที่ 1 การทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง47คน อายุเฉลี่ย 51.7 ปี

โดยไม่ได้บอกว่าข้างไหนเป็นผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER

แต่จะใช้ทาทั้งสองข้างในจำนวนชิ้นผลิตภัณฑ์ที่เท่ากัน

ทั้ง DAY-NIGHT CREAM FLUID EYE CREAM

ครึ่งหน้าทาของจริง-ครึ่งหน้าทาครีมที่ไม่มีส่วนผสมอะไรอยู่เลย

ทดสอบกันยาวมากกว่าทุกตัวที่เคยทดสอบ คือ เกือบ 5 เดือนเต็มเพื่อดูผลลัพธ์

เนื่องจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใช้เวลาเป็นเดือนๆ ไม่ใช่จะได้ผลทันทีที่ทา

ขั้นตอนที่ 2 ก็จะทาผลิตภัณฑ์จริงครึ่งหน้า อีกครึ่งทาที่ไม่มีส่วนผสมอยู่ ทากันถึง 1 เดือนเต็ม

จากนั้นสัปดาห์ที่ 5 จะฉีดสารฟิลเลอร์ที่เป็น HYARULONIC ACID

เข้าไปทั้งสองฝั่งของใบหน้าและฉีดอีกทีสัปดาห์ที่ 7

ระหว่างนั้นเก็บผลตลอดระยะเวลาการทดสอบ

ในรูปจะบรรยายรอยตีนกา แล้วจะสังเกตุผลของผลิตภัณฑ์ที่หลังจากฉีดฟิลเลอร์จะเป็นยังไง

นับการมีประสิทธิภาพที่เราวิจัยคือ 14 สัปดาห์ เพราะ 4 สัปดาห์แรกเราทาทดสอบโดย

ยังไม่มีการฉีดฟิลเลอร์เข้าไป

ขั้นตอนที่ 3 วัดผลแบบเจาะลึก ทั้งความชุ่มชื่น ริ้วรอย

การส่งเสริมประสิทธิภาพการฉีดฟิลเลอร์ ความอยู่ทนทานที่มันเสริมให้กับการฉีด

สรุปเมื่อทั้งทาผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER

+ ฉีด HYALURON

เห็นชัดว่ารอยย่นข้างที่ฉีด + ทาริ้วรอยน้อยกว่าฉีดอย่างเดียวจริงๆ เห็นชัดมากก

ค่ำคืนวันนั้น ก็ได้ทั้งเซ็ตมา ไม่พูดพร่ำทั้งแผลเขาบอกกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ใช่ไหม

ใช้ซะเลย อย่างบอกว่าตัวเซรั่มทาแล้วรู้สึกเหมือนหน้าเคลือบฟิลม์ชุ่มๆบางๆ และ

สูตรผิวแห้งนั้น เนื้อหนักอยู่เหมือนกัน เข้มข้นมากมากกว่าทุกสูตรที่ได้ลองมา

ผลจะเป็นยังไงจะมารีวิวนะคะ วันนี้ก็เล่าได้ยาวมาก จบละ จุดสุดยอดทั้ง 3 บลอค

บลอคหน้าเราจะไปชมเมือง ชมนก ชมไม้ ชมอะไรสวยๆที่ EUCERIN TRIP

พาไปเที่ยวกัน เยอรมันเป็นเมืองที่สวยมาก ดูไฮมาก ชอบมากกว่าอเมริกา

ไม่ชอบอย่างเดียวห้องน้ำไม่มีที่ฉีด 55555555555555555 แล้วพบกันบลอคหน้าค่ะ



 

Posted in SKIN, SKIN CARE, TRAVEL, WRINKLEComments (2)

DIARY – erk-erk ไปเยี่ยมสถาบัน EUCERIN SKIN INSTITUTE

 

 

 

 

ภาค 1 ผ่านไป หลังจากเราไปเยี่ยมบ้าน EUCERIN เรียบร้อยถึงกระบวนแต่ละขั้นตอนกว่าจะออกมา 1 ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทดสอบมากมายเพื่อให้เข้ากันได้กับผิวผู้บริโภคทั่วโลก วันนี้เราไปต่อภาคเยี่ยมชมสถาบันผิวหนัง EUCERIN SKIN INSTITUTE กัน ตั้งอยู่ย่าน STEPHANSPLATZ ใจกลางเมือง HAMBURG 

ซึ่งบูรณะมาจากสำนักงานไปรษณีย์เก่า [ ดู hiso มากนะสำนักงานไปรษณีย์เยอรมัน 55 ]

ของเราจะอยู่มุมขวาของตัวตึก มีธงสีน้ำตาลโบกสะบัด

หลายคนคงอยากรู้ว่าภายในสถาบัน EUCERIN แห่งนี้มีอะไรบ้าง ต่างจากสถาบันเวชสำอาง

บ้านเราหรือไม่ หลักคือเปิดให้คนทั่วไป สามารถเข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง

และสามารถวิเคราะห์ใบหน้าของเราด้วยเทคโนโลยีที่ละเอียด เพื่อจะได้รู้ว่าปัญหาผิวหน้า

แบบนี้จะให้การรักษาแบบไหนที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง และต้องถูกวิธี โดยเลือกใช้

เวชสำอางที่ปลอดภัย และ มีประสิทธิภาพ ไม่ต้องบอกก็รู้นะ ว่าจะเป็นเวชสำอางอะไรนอกจาก

EUCERIN ฮ่า ฮ่า

เมื่อเปิดประตูสีน้ำตาลกระจกเข้าไปด้านใน ข้างในจะดูสีน้ำตาลอิฐ ดูVINTAGEมาก แต่ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างมีระบบ ระเบียบ แบ่งออกเป็นโซนๆ ผนังด้านในส่วนหน้าอาคารเป็นกระจกแก้วรับแสง [ ว่าแต่เราถ่ายดอกไม้มาทำไม แทนที่จะถ่ายให้เห็นผนังชัดชัด ] ด้านในสถาบันก็จะมีข้อมูลเกี่ยวกับ EUCERIN ทุกชนิด

 

เนื่องจากเป็น EVENT งานเปิดตัว การค้นคว้าวิจัยใหม่ที่ได้จาก ผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER ก็มีสื่อต่างๆจากทั่วทุกมุมโลกมารับฟังการบรรยายงานวิจัยที่เพิ่งค้นคว้า และ เปิดเผยให้ได้รู้ถึงศักยภาพใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ HYALURON FILLER นี้

 

การเปิดงานเล่าถึงความเป็นมาของ EUCERIN ตั้งแต่ต้น รวมถึงความเป็นมาของ การทำการศึกษาผลงานวิจัยครั้งนี้ สไลด์ของเขาไม่ได้ หวือหวา กราฟฟิคอลังการ จะสไตล์หมอผิวหนัง เน้นข้อมูลล้วนมาคุยกันให้เห็นภาพ ความเป็นจริงในแง่การศึกษาที่เกิดขึ้นจริง ทดสอบ ทดลองประสิทธิภาพจากกลุ่มคนจริงๆ แต่ไม่แน่ใจมีการทดสอบกับชาวเอเชียไหม แต่ที่รู้คือ ส่วนมาก EUCERIN ทดสอบทุกสีผิว และ มี LAB ของผู้บริโภคผิวเอเชียอยู่แล้ว

วันนี้มีด้วยกัน 6 STATION 6 ฐานเรียงซ้ายไปขวา ซ้ายไปขวา

ที่จะมอบประสบการณ์ให้ได้รู้จักกับสถาบันนี้รวมถึง

ตัว EUCERIN HYALURON FILLER 

  1. ฐาน1 เราก็จะไปตรวจ วิเคราะห์สภาพผิว แบบเฉพาะบุคคล
  2. ฐาน2 เราจะไปพบกับส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพของEUCERINแต่ละสูตร
  3. ฐาน3 ไปจับส่วนผสมทดสอบกันแบบถึงเนื้อถึงตัวของ HYALURON
  4. ฐาน4 ไปทัวร์ร้านยาเยอรมันกัน
  5. ฐาน5 ไปคุยกับแพทย์ผิวหนังและเปิดเผยงานวิจัยล่าสุดของEUCERIN HA FILLER
  6. ฐาน6 เจาะลึกการทำผลวิจัยเกี่ยวกับ EUCERIN HA FILLER กับแพทย์ผิวหนัง

ไปลุยฐาน 1 กัน

ฐาน1 เราก็จะไปตรวจ วิเคราะห์สภาพผิว แบบเฉพาะบุคคล

ขณะเดินเข้ามาด้านในเป็นประตูกระจกใสขอบน้ำตาล ใหม่กิ๊กเพราะที่นี่เพิ่งเสร็จต้นปีนี้

เข้ามาด้านในจะมีผลิตภัณฑ์ EUCERIN ทุกตัวให้บีบมาทดสอบบนผิวหนัง หรือหยิบเล่น

หยิบจับได้เลย ลองได้ทุกตัว ไม่มี BA หรือใครวุ่นวายใจ แต่หากต้องการคำแนะนำเขาก็จะมา

มีหลายสูตรไม่มีขายในไทย ทุกตัวเป็นภาษาท้องถิ่นหมดเลย นั่นคือฉลากเยอรมัน

การจัดเรียงค่อนข้างเรียบ แต่ทันสมัย ดู High เทคโนโลยี

และ รู้สึกว่าวันที่ไปจะมีการจัดให้ตัว EUCERIN HYALURON FILLER โดดเด่นขึ้นพิเศษ

สิ่งสำคัญในการสถาบันนี้ขึ้นมา นอกเหนือจากการทำวิจัย และ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ EUCERIN

คือ เชื่อว่าสิ่งสำคัญ 3 สิ่งของการมีสุขภาพผิวที่ดี คือ

  1. การวิเคราะห์สภาพผิว
  2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  3. การรักษา และ ดูแลผิว 

 ที่นี่จึงมีทั้งมีเครื่องตรวจสภาพผิว SKIN CODE READER ที่พัฒนาที่นี่ที่เดียวในโลก ความสามารถของมัน คือ ตรวจ และ วิเคราะห์สภาพผิวของคนแต่ละคนและสร้างโปรไฟล์เก็บไว้ซึ่งมีการกำหนดเป็นรหัส 10 ตัวของแต่ละคน เหมือน บาร์โคดเวลาเราไปซื้อสินค้า ก็จะมีบาร์โคดของแต่ละชิ้นไป ใช้หลักการแยกเหมือนกัน โดยจะอ่านสภาพผิวแบ่งเป็น 10 มิติ [ เสียดายวันงานคนเยอะ ไม่มีโอกาสได้ทดสอบ เซ็งเลย ] ทั้งความชุ่มชื่น ความยืดหยุ่น ระดับความแพ้ ใช้เวลาตรวจประมาณ 25 นาที และต้องเสียเงินค่าตรวจประมาณ 16.50 ยูโร หรือ 600 กว่าบาท หลังจากตรวจ วิเคราะห์

เวลาตรวจผิวเสร็จเขาก็วิเคราะห์ออกมาเป็นกราฟแบบนี้

วิธีตรวจก็จะมีเครื่องที่เรียกว่า EUCERIN SKIN DIANOSIS ที่มีหัวมากดลงบนที่ผิวเราเบาๆ

ภาพขวาล่างสามารถส่ง SKIN GREETINGS ไปยังอีเมลล์ โดยกดส่งได้เป็น

multi touch screen ยาว 3 เมตร ตอนนี้ยังมีที่เดียวในโลกอยู่ เสียดายลืมไปจิ้มเล่น 555

ห้องนี้ก็เช็คความหน้ากลัวของใต้ผิวว่ามีปัญหาอะไรซ่อนอยู่ 555 ใช้แสงหลายสี ถ่ายเห็นชั้นลึก

เห็นกันไปจนถึงระดับใต้ผิวเลย อยากลองๆๆๆๆๆ เสียดายอีกตามเคย

เมื่อตรวจกันละเอียดแล้ว ถึงเวลาพบผู้เชี่ยวชาญ เขาก็จะแนะนำทรีทเมนท์ที่เหมาะสม

กับสภาพผิวของเราและปัญหาผิวที่พบเจออยู่ขณะนั้น 

ฐาน2 พบกับส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพของEUCERINแต่ละสูตร

เริ่มจากการก่อนที่เริ่มคิดว่าจะใช้ส่วนผสมอะไรกับปัญหาผิวเราก็ต้องหา Scouting Fields

เพื่อดูทั้ง IN CORE และ OUT CORE ที่มีผลกระทบต่อผิวทั้งหมด

จะเห็นว่าเช่น OFF CORE การที่เราติดยาเสพติดส่งผลต่อผิวเรามากภายในระยะเวลาไม่กี่ปี

เมื่อเสร็จแล้วนั้น เราจะมองหาส่วนผสมที่น่าสนใจ หรือ ACTIVE INGREDIENTS ที่เกี่ยวข้อง

ที่มีความน่าจะเป็นไปได้มาทดลองในทางวิทยาศาสตร์ดูก่อน

ห้องนี้มาแนววิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียวส่วนผสมตั้งเต็มไปหมด และ มีการลองทำวิธีทดลอง

ให้ดูด้วย นอกนั้นแต่ละโต๊ะด้านหน้าจะมีหน้าตาส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพที่เลือกใช้

ใน EUCERIN แต่ละสูตรให้เห็นหน้าเห็นตากันชัดเจนมาก ก่อนที่เขาจะมาผสมลงในครีม

ให้เราทา เราก็ได้พบหน้าพวกส่วนผสมเหล่านี้ ในวันนี้

ในสูตร HYALURON FILLER นั้นส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพที่เขาเลือกใช้คือ

SAPONINE – HYALURONIC ACID

หรือในสูตร WHITENING จะใช้ B-RESORCINOL เพื่อยับยั้งเม็ดสีเมลานินอย่างปลอดภัย

สูตรไหนมีส่วนผสมอะไรเป็นส่วนประกอบหลักเขาจะตั้งข้างกันเลยดังภาพ

เขาก็นำมารวมกับส่วนผสมรองอื่นๆ ที่ทดสอบอย่างขนานใหญ่ว่าหลอมละลายรวมกันได้

อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านกัน แต่จะสนับสนุนการทำงานของกันและกัน

และ ได้ค่าความเป็นกรดด่าง หรือ PH ที่เหมาะสม ข้อด้อยและเป็นข้อดีในเวลาเดียวกัน

EUCERIN ไม่ใส่น้ำหอม ทำให้เราได้สูดดมกลิ่นเหล่านี้แบบแจ่มจรัส เวลาเขาทดสอบ

เขาจึงต้องมีการชิมไป บ่นไป ไม่ใช่ๆ ดมไป ทำไป ฮ่าๆ

เพื่อทำให้กลิ่นธรรมชาติของส่วนผสมที่หลอมรวมกันมันออกมาดีที่สุด

และ สารพวกนี้ที่เลือกนั้น ก็ต้องมีมากพอในอนาคตด้วย ไม่ใช่หาสารแบบหายาก

แค่ 2 ฐานก็สำหรับบทความนี้ เราไปต่อกันที่ ฐาน 3-6 บทความหน้าก็จะเข้มข้นเรื่อยๆ

ยากเหมือนกันนะ ในการที่คนๆนึง เป็นเสมือนผู้บริโภควันๆใช้ๆๆอ่านฉลากๆใช้ๆ

ไม่รู้ความลำบากของการคิดค้น เลย และทีมาฟัง ก็บอกได้เลย ถ้าไม่ได้เป็น

BEAUTY BLOGGER เราก็อาจจะงง ไปอีกพักใหญ่ๆ 5555555

มาตามอ่านตอนต่อไปกันนะ จะได้รู้กันว่างานวิจัยใหม่ของตัว

HYALURON FILLER คืออะไร ออกมาตั้ง 10 ปีกว่าแล้ว จะค้นพบอะไรกันอีก

Posted in SKIN, SKIN CARE, TRAVELComments (3)

วิธีการทาครีมให้ถูกต้องตามลำดับ by erk-erk

Posted in HOW TO, SKIN CAREComments (2)

DIARY – erk-erk ไปเยี่ยมบ้าน EUCERIN <3

 

ทริปสุดพิเศษนี้เป็นครั้งแรกที่ EUCERIN พาสื่อหลายแขนงไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เยอรมัน เมืองแฮมเบิร์ก หรือ ฮัมบูร์ก [ HAMBURG ] พร้อมกับทัวร์ความเป็นมา และการทำงานของ EUCERIN แบบ EXCLUSIVE ว่ากว่าจะได้ออกมาให้เห็นแต่ละสูตรที่ทั่วโลกได้ใช้กัน มีความเป็นมาอย่างไร และ กว่าตัวนึงจะออกมาใช้เวลานานแค่ไหน ?

 

ซึ่งเอิ๊กได้รับโอกาสที่ดีจาก EUCERIN และ ผู้ใหญ่ใจดี ในฐานะสื่อทางด้าน BLOG

และทุกคนยังจะได้เข้าร่วมงามเปิดตัวผลวิจัยล่าสุดของ EUCERIN HYALURON FILLER

DIARY จะมีทั้งหมด 7 BLOG รอติดตามนะคะ ภาคแรก เราจะไปทัวร์ ศูนย์ R&D

ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับนานาชาติของบริษัท Beiersdorf บริษัทระดับโลก

ยักษ์ใหญ่ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น EUCERIN, NIVEA

อายุของบริษัทก็ไม่มากเท่าไหร่แค่เกือบ 120 ปีเท่านั้นเอง ส่วน EUCERIN

เกิดเมื่อ ค.ศ. 1900 ที่เยอรมัน เมื่อ DR. ISAAC LIFSCHTZ ค้นพบส่วนประกอบสำคัญ

และนำไปจดสิทธิบัตรโดย มีชื่อว่า ” ยูเซอริท ” ลักษณะเหมือนขี้ผึ้งสกัดจากขนแกะ และ

นำมาผสม ไว้ในรูปแบบของครีมบำรุงผิวพรรณ ที่ได้ตั้งชื่อว่า “ยูเซอริน ” แปลว่าขึ้ผึ้งที่สวยงาม

ประวัติ การพัฒนา มีให้อ่านเพิ่มเติมอีกเพียบ http://www.eucerin.com/th/about-eucerin/

 

คืนก่อนที่เราจะได้เดินทางไปสู่ศูนย์วิจัย&พัฒนาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมันนั้น

เราได้เข้าพักโรงแรม MARRIOTT HAMBURG ซึ่งเอิ๊กได้นอนกับคุณหมอเพ็ญคนสวย

อิอิ คนตาม SOCIALCAM คงรู้แล้ว ก็มีเป็นจดหมายเชิญทางการ และขนมน่ารักต้อนรับ

[ ภายในห้องจะอบอุ่น เป็นธีมสีเลือดหมูตามสีแบรนด์ EUCERIN เลย อิอิ

ส่วนคุณหมอคิดถึงลูกสาวตัวน้อยมากๆ เป็นคุณแม่ไอที คุย skype กับเด็กๆทุกวัน ]

และ ในวันรุ่งขึ้น เราก็เดินทางไปลุยกันถึงแล้ว ศูนย์ R&D ของ EUCERIN

ทุนสร้างประมาณ 1,500 ล้านบาท กับพื้นที่ 16,000 ตร.ม.

เราจะเห็นหอประชุมเด่นชัดก่อนเลย หรือหลายคนเรียกว่า PHILOSOPHER’S STONE

การออกแบบหอประชุมแห่งนี้ก็ถ่ายทอดอุดมการณ์อย่างมาก เพราะเป็นการจำลอง

สภาพเซลล์ผิวมนุษย์โดยขยายออกมาให้ใหญ่ขึ้น [ เพิ่งรู้ว่าเซลล์เราจะต่อๆกันแบบนี้นี่เอง ]

ที่แห่งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ใหม่ๆที่เกี่ยวกับผิวหนังอยู่เสมอในแง่ของ

ผลงานวิจัยของศูนย์R&Dแห่งนี้ที่เด่นๆ ผลลัพธ์เป็นที่น่านำเสนอ ก็จะส่งต่อกันที่นี่

เพื่อให้เกิดการต่อยอดงานวิจัย และ พัฒนาให้ได้ผลลัพธ์ในการค้นหาวิธีดูแลผิวหนัง

ที่ดียิ่งขึ้น และ นำไปพัฒนาเทคโนโลยีชนิดเหลวต่อไป

 

ขอ 3 คำ ยิ่ง ใหญ่ มาก

 

เข้ามาด้านในจะพบป้าย BEIERSDORF ใหญ่มาก ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเวชสำอาง

จะมีระดับศาสตราจารย์ของทาง EUCERIN เยอรมันคอยให้ข้อมูลในห้องทดลอง

และภาพนี้เป็นการรวมแพทย์ผิวหนัง 4 ท่านจาก 4 โรงพยาบาล ศิริราช บำรุงราษฎร์

สมิติเวช และ วิชัยยุทธ รวมถึงทีมผู้บริหาร EUCERIN ประเทศไทย 1 ท่าน และ

แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ EUCERIN HYALURON FILLER

คุณ พิม ซอนย่า คูลลิ่ง ชอบภาพนี้ เพราะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญ 5555

ห้องแรกที่ได้มีโอกาสเข้าชม คือ หอประชุมที่จินตนาการเอาเซลล์ผิวหนังมนุษย์มาขยายนั้นแล

ที่นี่จะมีนักวิจัย นักพัฒนา ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันต่างๆ รวมถึงมหาลัยที่เกี่ยวข้อง มาแลกเปลี่ยน

องค์ความรู้ในด้านผิวหนังกันที่นี่ ของจริงใหญ่ปานกลาง แต่ดูตกแต่งไฮเทคมาก อย่างล้ำ

เขาบอกว่าที่ศูนย์ R&D แห่งนี้นอกจากจะยิ่งใหญ่และยังล้ำมาก

(ทันสมัย) ที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมัน หลังจากนั้น จุดไคลแมกซ์ที่อยากจะเล่าไม่มีภาพ

เพราะเขาห้ามถ่ายภาพ เล่าแล้วจินตนาการตามมานะตัวเธอว์

เราก็ได้หลุดเข้าไปยังศูนย์ทดสอบที่เป็นส่วนสำคัญของที่นี่

จากนั้นเขาก็พาทีมที่มีกัน 20 กว่าชีวิตทั้ง EUCERIN ไทย, คุณหมอ, สื่อนสพ.

สื่อPR, สื่อนิตยสาร และตัวฉัน 555 เข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ซึ่งห้ามถ่ายภาพ

ขอเล่าแบบไม่ลงลึกนะคะ รายละเอียดเยอะจริง

กลัวเดี๋ยวเพื่อนๆจะมึน แล้วปิดหน้านี้ไปก่อน เอาพอประมาณ

หลักในการผลิตผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่มีคุณภาพของ EUCERIN

  1. วิจัยสูตรและส่วนผสมที่คัดเลือกสารมาจากกว่า 1,000 ชนิด
  2. จำลองเนื้อเยื่อของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ขึ้นมาเพื่อทดสอบ
  3. เมื่อได้ผลจึงเริ่มทดสอบกับผิวมนุษย์ปกติ
  4. เมื่อทดสอบผิวมนุษย์ปกติ ก็จะมาทดสอบกับผิวที่แพ้ง่าย หรือ เป็นโรคทางผิวหนัง
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อย่างสูงสุด ภายใต้สารที่ค้นคว้า วิจัย พัฒนามาแล้วว่ามีประสิทธิภาพที่สุด 

 บรรยากาศมีแต่คนผิวดีหน่ะ เรื่องจริง ฝรั่งไร้กระอะ คิดเอา อืมอย่างนี้สิน่าเชื่อถือ เหมือนคนขายครีมแก้ฝ้า แต่ยังเป็นฝ้าอยู่ ตรงนี้มีผลมาก เอิ๊กสังเกตุผิวทีม EUCERIN เยอรมันทุกคนเลย ถึงจะอายุมากแต่ผิวสุขภาพดี มันกระจ่าง แบบโกลว์อะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะปกติเม็ดสีผิวของพวกเขาจะขึ้นจุดด่างดำง่าย นี่ไม่พบเลย

มีงานวิจัย แปะ โดยรอบ เท่าที่เห็นเวลาคนเราทดสอบข้างในชั้นผิวหนังเขามักจะฉีดสีเข้าไป แล้วสังเกตุสีที่วิ่งเข้าสู่ด้านในเอา เขาไม่ผ่าชิ้นเนื้อมาเทส เหมือนกับสัตว์ที่บางบริษัทยังใช้วิจัยอยู่

 EUCERIN ทำน้ำตาไหล เมื่อรู้ว่า เขาไม่ทดลองกับสัตว์เลย กว่า 20 ปีที่อยู่มา เพิ่งทราบจริงๆ

 ห้องทดลอง ทดสอบถูกจัดเป็นส่วนๆ อยากบอกว่ามันเล็กมาก เข้า 2-3 คนน่าจะกำลังดี คงเพราะเขาน่าจะอยากให้แต่ละทีมมีสมาธิ ถ้าอยู่เยอะ อาจจะสมาธิแตกซ่านได้ [ คิดเอง ]

 ห้องแรกที่ไป คือ ห้องการจำลองเนื้อเยื่อมนุษย์ออกมา และ หยดสารที่ต้องการทดสอบลงไป เช่น ไวท์เทนนิ่ง และมีเนื้อเยื่อหลาย 4 ผิวด้วยกัน และ มีภาพขยายของผิวหนังที่ผิดปกติ ผิวแพ้ ผิวเป็นโรคภูมิแพ้ หรือ สะเก็ดเงินให้ดู ว่าเวลาขยายชั้นผิวหนังดู จะเป็นแบบไหน เมื่อทดสอบได้ผลดี จึงนำไปทดสอบกับผิวปกติ และ ผิวแพ้ง่าย รวมถึงผู้ที่มีโรคผิวหนัง จำนวนหนึ่งกลุ่มทดสอบต่อไป

 ได้ไปเห็นห้องที่เข้าใช้คัดเลือกส่วนผสมที่เยอะกว่า 1,000 สาร ใช้ตู้เก็บอย่างดี อย่างล้ำแบบเทคโนโลยีชีวภาพ


ที่นี่ลงมาด้านล่าง ซึ่งเก็บภาพได้บ้างละ แต่ห้องแต่ละห้องก็ไม่ใหญ่มาก  จุได้ประมาณ 10 คน
แต่เรามากันคณะใหญ่ก็เบียดเสียดกันเข้าไป

มาตรวจถุงใต้ตากันก่อนเลย 55555 รวมถึงริ้วรอย ห้องนี้ถ่ายแล้วซูมริ้วรอยชัดมาก
ความยับของใต้ตา ขนาดพ่อหนุ่มที่ไปนั่งเป็น CASE STUDY วันนี้หน้าตึงๆ
ซูมจริงเริ่มมีริ้วรอยแล้ว เอาไว้ดูว่าใช้ครีมแล้วเป็นไง มาขยายผิวดูอย่างชัดเจนกันที่ห้องนี้
หลักจากทีม EUCERIN เยอรมันพูดจบ
เราก็ได้ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาวเป็นคนแปลทุกฐาน เนื่องจากเป็นผู้หญิงคนนึงที่คร่ำหวอด
ในวงการวิจัย และ เป็น speaker แพทย์ผิวหนังระดับนานาชาติ มาสรุปทุกฐาน
ความจำดีเลิศมาก คือ เขาพูดจบหมดแล้วคุณหมอถึงมาแปลอีกทีอย่างยาวเท่าๆกัน
ตบมือให้ คุณหมอ รังสิมาหลายๆทีเลยค่ะ ประเด็นคือสอนเข้าใจง่าย
เด็กโง่วิทย์อย่างเอิ๊กเข้าใจเลย 5555555555 <3

ห้องนี้คุณหมอรังสิมาบอกว่าเป็นที่ไฝ่ฝันมาก เนื่องจากเปิดรับอาสาสมัครที่ได้รับค่าจ้าง
โดยแต่ละคนต้องผ่านการอบรม เพื่อให้เป็นมาตรฐาน และ ลงคะแนนการทดสอบให้เป็น
เป็นระยะเวลาครึ่งปี ก่อนที่จะเริ่มทำงานจริง ค่าจ้างครึ่งชม. ประมาณ 200 บาท
ในกรุ๊ปนึงแต่ละคนก็จะต้องทดสอบครีม ตั้งแต่ความรู้สึก ความมัน ความชุ่มชื่น ฯลฯ
โดยมีการแบ่งเป็นเกรดให้ทราบเลยแต่ละส่วน โดยมีการควบคุมอย่างใกล้ชิดจากนักวิจัย
ผู้เชี่ยวชาญย่างที่บอกว่าเมื่อส่วนผสมทดสอบในเนื้อเยื่อที่จำลองมาแล้วผ่าน
ก็จะมาทดสอบกับผิวคนปกติ

 

มันคือเครื่องที่เอาไว้บันทึกคะแนนของครีมที่เราทดสอบ เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
ว่าคนที่ทดสอบ ลองใช้รู้สึกยังไง และอาจต้องมีการจับเวลาดูความมันที่จะเกิด
 ความหนืด เมื่อใช้เสร็จก็ต้องบันทึกคะแนนลงในเครื่องนี้ ในห้องจะคุมอุณหภูมิอย่างละเอียด
 
หลังจากนั้นก็เดินไปอีกฝั่งซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน

อิอิ ชุดยูนิฟอร์มน่ารัก ขาวแดง EUCERIN มาเลย มันอยู่ช่วงหนาว ต้นไม้เปลี่ยนสีสวยมาก
และโซนนี้อยากให้คนที่คลั่งไคล้สกินแคร์ได้มาเห็น มันแบบอลังมาก จะบอกว่าเขาห้ามถ่ายรูป
ศร้ามากเลย เพราะเรื่องนี้มันยาก เอิ๊กจะขอนำทุกท่านเข้าสู่ช่วงจินตนาการล้ำเลิศอีกครั้ง
บรรยากาศภายใน 

 เป็นห้องโถงยาวเดินสบาย กว้าง ติดกระจก มีแสงแดดสาดเข้ามา อุดมไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ และแพทย์ผิวหนัง 

ชั้นวางโชว์ผลิตภัณฑ์

 ผลิตภัณฑ์ EUCERIN มีทุกสูตร ตระการตามาก 

ผิวพรรณของพนักงานที่นี่

 ทุกคนผิวดี กระจ่าง สุขภาพเปล่งปลั่งไม่ต่างจากสองโซนแรก สงสัยจะอาบ EUCERIN 

การทดสอบ

 ตามแต่ละโต๊ะของทุกคนจะมีส่วนผสมที่ตั้งไว้ทดสอบการแปรสภาพเวลาเจอแสงเป็นเวลากี่วัน กี่เดือน ก็แล้วแต่จะกำหนด เพื่อดูว่าส่วนผสมที่ผลิตมานั้น หากเจอแสง อุณภูมิที่เย็นมาก ร้อนมากจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และหรือ ประสิทธิภาพลดลงไหม โดยตั้งไว้ใกล้แสงแดด หลายอันเลย ดูความคงตัว หลังจากนั้นจึงนำส่วนผสมในรูปแบบครีมที่ได้ทำขึ้นมามาลอง เพื่อจะได้รู้ว่า ส่วนผสมที่ใช้ยังมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร ที่มีการทดสอบตรงนี้ เนื่องจากเอาไว้ดูเวลาขนส่งกระจายไปทั่วโลก อุณหภูมิที่ต่างกัน จะทำให้ครีมยังมีคุณภาพที่ดีอยู่ไหม ในการทดสอบก็จะเริ่มจากผิวปกติ ตามด้วยผิวแพ้ง่าย และผิวที่เป็นโรคผิวหนัง เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย

ส่วนผสมผลิตภัณฑ์

 เต็มไปด้วยส่วนผสมทางวิทยาศาสตร์เหมือนในหนังเลย โดยมีระบบคอมพิวเตอร์เป็นตัววัดน้ำหนักส่วนผสมทุกอย่างๆเที่ยงตรง และมีการผสมสารเพื่อทดลองกันได้เลย ณ ที่นี่ หลังจากมีคนคิดสูตร และ ก็นำมาผสมจากส่วนผสมในห้อง โดยมีมาตราฐานการวัดที่เที่ยงตรง หรือ คลาดเคลื่อนน้อยมาก ก่อนนำไปขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีมอีกที แล้วทิ้งใหอุณหภูมิเย็น ค่อยเติมพวกน้ำหอม หรือ ส่วนผสมบางอย่างจนเสร็จอีกที

การผสมครีมขึ้นมาทดสอบในกลุ่มตัวอย่าง 

 มีห้องปั่นครีมด้วยอะ 5555 เวลาที่ผสมเสร็จนำมาผสมให้เป็นครีมสำเร็จ ในส่วนลอตผลิตนี้นำไปเทสกันก่อน จะเข้าสู่ระบบโรงงานการผลิตแบบเครื่องปลอดเชื้อที่ได้มาตราฐาน

ห้องนี้สำหรับผู้เชี่ยว นักวิจัย นักวิทยาซาสตร์ แพทย์ผิวหนัง

 มุมนี้มีแต่หัวกระทิ ที่ใส่เสื้อกราวน์ ดูเชี่ยวชาญยิ่งนัก 

 ปล. อยากให้ทุกคนมาเห็นจัง ละเอียดละออ เยอะขั้นตอนจริงกว่าจะออกมาแต่ละตัว บางสูตรก็วิจัย พัฒนากันเป็นสิบปีขึ้นไป และ เพื่อความปลอดภัย ทั้งมนุษย์ทุกสภาพผิว ยังมีการทดสอบเรื่องอุณหภูมิ แสง ตัวแปรอื่นๆอีก มันเจ๋งจริง เขาเลยไม่ให้ถ่ายรูปเลยไง 

 

สรุปวันนี้ทำให้เอิ๊กได้รู้จัก EUCERIN ขึ้นมาก มากกว่าแต่ก่อนที่เข้าใจว่า “ดัง” มีนักวิจัย นักพัฒนา แพทย์ผิวหนังรองรับเยอะแค่นั้น เข้าใจตอนนี้นี่เองที่ได้มา ว่าแต่ละตัวที่ออกมาแม้ว่าปีนึงจะออกเป็น 100 ตัว แต่กว่าจะออกมาให้ใช้ได้ เขาใส่ใจกับมันมากแค่ไหน นี่ยังไม่รวมแล็บแถวเอเชียนะ ที่สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาให้ใช้ได้กับผิวคนโซนเอเชียที่สภาพอากาศอีกแบบ คือที่ดูว่าออกผลิตภัณฑ์บ่อยเยอะ แท้จริงคิดกันมาแล้วหลายปีขึ้นไป ทดสอบกันมาแล้วหลายขั้นตอน แถมออกแล้วก็พัฒนาต่อตัวเดิมอีกจนมีงานวิจัยใหม่ที่ดีกว่าเดิมออกมาถึงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จากการที่ได้เล่าคร่าวๆให้ฟัง ยังเยอะขนาดนี้ ขั้นตอนเขาเยอะจริงๆ เงินเยอะ นักวิทยาศาสตร์เยอะเกือบ1,000คน และเครือข่ายพันธมิตรวงการนี้อีกมาก รวมถึงทุ่มงบทุกปีเพื่อการค้นคว้า วิจัย พัฒนาตรงนี้ตลอดเวลา ให้เขาไปเถอะในการผู้นำ 55555 เขาเรียกว่ารุ่นเก๋า อยู่มานานฟิตขึ้นเรื่อยๆในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง เสียใจอย่างเดียว รูปห้ามถ่าย 🙁

 

ไม่แน่ใจว่าวันนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจยากไปไหม แต่เอิ๊กเอาแต่สิ่งสำคัญมาเล่า
ให้เป็นแรงบันดาลใจ กว่าแบรนด์เวชสำอางแบรนด์นึงจะประสบความสำเร็จ
เขาต้องอดทนพยายามกันขนาดไหน อยากออกผลิตภัณฑ์เลยก็ไม่ได้
ต้องวิจัยพัฒนาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ตอนนี้ไม่คิดว่า EUCERIN ราคาสูงละ
เพราะต้นทุนเขาสูงจริง

ปล. ที่ถามกันว่าซื้อครีมต่างประเทศดีกว่าไทยไหม เอิ๊กว่าราคาพอกัน
บางสูตรที่ไม่มีในไทย ก็อาจไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราก็ได้นะ
แต่ตอนนี้ใช้ของ EUCERIN เยอรมันอยู่แหละ อย่างดี อิอิ
ต่อกันใหม่ภาค 2 นะ <3

สวัสดี !

Posted in SKIN CARE, TRAVELComments (4)

BEAUTY NEWS ความงามออกใหม่ ตอน COMING SOON



Posted in BEAUTY NEWS, MAKE UP, SKIN CAREComments (0)

รูขุมขนกว้างรักษายังไงได้บ้าง ?

รูขุมขนกว้าง กว่า 80% เป็นปัญหาผิวหนังที่หลายคนกลุ้มใจ มาก !!!

บทความนี้เอิ๊กได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังและเลเซอร์มา 2 ท่าน พร้อมทั้งหาข้อมูลเพิ่ม และ ประสบการณ์ตรง ดังนั้นทุกครั้งที่เขียนขึ้น เอิ๊กจะพยายามให้ข้อมูลมันนิ่งเท่าที่เอิ๊กจะทำได้ เวลาจะเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องผิวหนังเอิ๊กจึงใช้เวลาค่อนข้างนานมาก 1-2 วัน เหมือนกำลังเรียนรู้ เรื่องที่ไม่เคยรู้ สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญสาขานั้นๆ อ่านจากกูเกิล เว็บผิวหนังเมืองนอก ความคิดเห็นผลลัพธ์ของผู้ที่ผ่านการทดลองแต่ละวิธี อ่านหนังสือ และพยายามเขียนให้ทุกคนเข้าใจในภาษาคนธรรมดา ที่ไม่ใช่แพทย์ เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านเข้าใจได้ และ ได้ข้อมูลเยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้ หากผิดพลาดประการใดหรืออยากให้ข้อมูลเพิ่มเติมยินดีค่ะ อีเมลล์ หรือ คอมเมนท์ข้างล่างได้เลยค่ะ

ขอบพระคุณ แพทยหญิง วลัยลักษณ์ มีประถม และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา

สำหรับข้อมูลสัมภาษณ์ประกอบเรื่องผิวหนัง และ เลเซอร์ค่ะ

และขอบคุณ GOOGLE สำหรับภาพประกอบค่ะ

รูขุมขนกว้าง มีสาเหตุมาจากอะไรบ้างต้องรู้ ?

  1. อายุมากขึ้น (คอลลาเจนเสื่อม) 
  2. กรรมพันธุ์
  3. ผิวมัน-ผิวผสมส่วนที่มัน น้ำมันผลิตมาก (ทำให้รูขุมขนต้องทำงานหนักเปิดกว้างเพื่อปล่อยน้ำมันออกมา)
  4. ผิวแห้ง-ผิวขาดน้ำ (ขาดความชุ่มชื่น,เสียน้ำในชั้นผิว) เกิดได้เมื่อใช้อะไรรุนแรง,นอนดึก,อากาศ
  5. เกิดหลังจากมีสิวอักเสบมากจนเกิดหลุมทำให้ดูรูขุมขนกว้าง
  6. ขนเส้นใหญ่ (ขนาดขนมีผลต่อรูขุมขน)
  7. ช่วงตกไข่ ผิวอ่อนแอ PROGESTERONE,FSH,LH สูง หน้าผลิตน้ำมันมากขึ้น อุดตันง่าย
  8. สภาพอากาศ&มลภาวะ ร้อน เครียด ก็ผลิตน้ำมันบนผิวได้มากขึ้น
  9. อาหาร ทอด&มัน อาจเป็นเหตุให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากยิ่งขึ้น
  10. แดดเลีย ทำให้ผิวแห้ง สภาพผิวเสียสมดุล หน้าอาจจะมันมากขึ้น
  11. นอนดึก-นอนเช้า

รูขุมขนกว้างได้ยังไง ?

เนื่องจากรูขุมขน จะอยู่บริเวณชั้นหนังแท้ส่วนตื้น ซึ่งอุดมประกอบไปด้วย ไฮยาลูรอนิค แอซิด (ช่วยเก็บกักความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง,ช่วยให้ผิวเต่งตึงฯลฯ) เยอะที่สุดในบริเวณชั้นหนังแท้ส่วนตื้น และ มี คอลลาเจน (ทำให้ผิวแข็งแรง ตึง กระชับ) แต่มีอยู่บางเบาไม่หนาเหมือนชั้นหนังแท้ส่วนลึกถ้าบริเวณไหน คอลลาเจน หรือ ไฮยาลูรอนิค แอซิด น้อยก็จะทำให้ความหนาแน่นรอบรูขุมขนน้อย รูขุมขนจึงหลวม และ เบ่งบานออก ทำให้เราเห็นว่า “รูขุมขนกว้าง”

หลักการแก้เรื่องรูขุมขนกว้างง่ายมาก

1. เติมความชุ่มชื่น (ไฮยาลูรอนิค แอซิด)

2.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

 มีหลากหลายวิธี เอิ๊กรวบรวมมาดังนี้

 

เลเซอร์/คลื่นความถี่วิทยุ

ความสามารถ&หลักการ เปลี่ยนโครงสร้างผิว ลึกถึงชั้นหนังแท้ส่วนตื้นและลึก, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน, ทำให้คอลลาเจนหดตัวกระชับ , ถ้ากำจัดขนถาวรก็ปรับโครงสร้างผนังรูขุมขนให้กระชับเมื่อกำจัดขนออกไป, RESURFACING ทำให้พื้นผิวให้เรียบเนียนขึ้น ,ให้ความร้อนโดยตรงในชั้นหนังแท้ส่วนตื้น

ชนิดที่ให้ความร้อนทุกชนิด (เช่น เลเซอร์ประเภทยกกระชับ GENTLE YAG)

ชนิดกรอผิวแบบไม่มีแผล,มีแผล และ กึ่งมีแผล (เช่น เลเซอร์ERBIUM,FRAXEL,CO2,EMATRIX,CLEAR AND BRILLIANT,PICO LASER)

ชนิดกำจัดขน (เช่น เลเซอร์ GENTLE YAG,IPL,CYNERGY,ND YAG)

ข้อดี เป็นการปรับลงไปที่โครงสร้างของผิวดังนั้นเมื่อทำแล้วผลที่ได้อยู่ยาวนาน,ผิวเรียบเนียน,รูขุมขนดูกระชับ,ริ้วรอยเล็กๆจางลง

ข้อด้อย รอการสร้างคอลลาเจนซักพักขึ้นกับร่างกาย,ราคาสูง,ทำ4-6ครั้งขึ้นไปขึ้นกับความกว้างของรูขุมขน

ลักษณะผิวที่ทำได้ ทุกสภาพผิว

ฟิลเลอร์ 

ความสามารถ&หลักการ เปลี่ยนความหนาแน่นของผิวชั้นหนังแท้ส่วนตื้นทันที โดยการเติมไฮยาลูรอนิคเอซิด ชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในผิว (สารที่โอบอุ้มน้ำ) ให้ดูเติมเต็ม 70-85%

ข้อดี เติมเต็มเห็นผลทันทีทันใจ / สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ข้อด้อย ต้องฉีดบ่อยประมาณ3-4ครั้งต่อเดือน / ราคาสูง

ลักษณะผิวที่ทำได้ ทุกสภาพผิว

โบทูลินูมทอกซิน

ความสามารถ&หลักการ เปลี่ยนระบบการทำงานบางอย่างเช่น การผลิตน้ำมันของผิว,ต่อมเหงื่อ

เข้าไปควบคุมการทำงานของต่อมเหงื่อลดเหงื่อ , ลดการผลิตน้ำมัน

ข้อดี เห็นผลในสัปดาห์แรก / สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ข้อด้อย ต้องฉีดบ่อย2-3เดือนไปซ้ำที / ราคาสูง

ลักษณะผิวที่ทำได้ ผิวมัน,ผู้ที่ใบหน้ามีเหงื่อออกเยอะ

 

 

เวชสำอาง หรือ สกินแคร์สูตรกระชับรูขุมขน

ความสามารถ&หลักการ  บางสูตรช่วยเคลือบผิวให้เรียบเนียน,บางสูตรให้ความชุ่มชื่นฟื้นฟูผิวหนังด้านบนให้ดูอิ่ม,บางสูตรมีสารที่ช่วยละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนเมื่อรูขุมขนสะอาดจึงแลดูเล็กลง เช่น ส่วนผสมที่ลดการผลิตน้ำมัน หรือ ปรับสมดุลน้ำมัน เช่น linoleic acid / Niacinamide2%+ / Salicylic acid[BHA] / ทากันแดดเป็นประจำ SPF 30-50 PA+++ขึ้นไป และ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มองหา OIL FREE , NON-COMEDOGENICกินยารักษาสิวบางประเภทก็อาจควบคุมน้ำมันบนผิวได้แต่ควรอยู่ในความดูแลของหมอผลข้างเคียงเยอะมาก note* อย่าใช้อะไรที่ทำให้ผิวแห้งมาก เช่น เจลฟองเยอะ การผลัดเซลล์ผิวมากไป จะกระตุ้นให้เพิ่มการหลั่งน้ำมัน

ข้อดี ให้ความชุ่มชื่น,คุมมัน,ละลายสิ่งอุดตัน,เคลือบผิวให้เรียบเนียน

ข้อด้อย สกินแคร์ใช้ต้องใช้ระยะเวลา ส่วนใหญ่ทาไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างผิวชั้นลึก อีกอย่างผลจึงขึ้นอยู่กับแต่ละคน ต้องใช้ต่อเนื่อง และกระชับได้ในระดับนึงเท่านั้น(เล็กน้อย)

ลักษณะผิวที่ทำได้ บางสูตรเหมาะกับผิวมัน-ผิวผสม,บางสูตรเหมาะกับผิวแห้ง-ธรรมดา ต้องเลือกให้เหมาะ ผิวผสมอาจต้องใช้ทั้ง 2 สูตร

 

 

เครื่องสำอางสูตรปกปิด หรือ พรางรูขุมขน

ความสามารถ&หลักการ  ปกปิดหรือพรางรูขุมขนให้แลดูเล็กลงทันทีด้วยส่วนประกอบบางอย่าง เช่น ซิลิโคน

ข้อดี ให้ผลทันที,ราคามีตั้งแต่ถูก-ปานกลาง

ข้อด้อย ด้วยส่วนประกอบบางชนิดอาจทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน

ลักษณะผิวที่ทำได้ บางสูตรเหมาะกับผิวมัน-ผิวผสม,บางสูตรเหมาะกับผิวแห้ง-ธรรมดา

 

 

พอกด้วยสมุนไพร เช่น มะเขือเทศ

ความสามารถ&หลักการ  ด้วยวิตามินเอ และ ซีในมะเขือเทศ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว สร้างสมดุล ขจัดน้ำมันส่วนเกิน ทำให้ผิวกระจ่างใส จากการพอกมะเขือเทศบด สูตรมีหลายสูตร คนผิวมันอาจเติมมะนาวลงไป2-3หยด ผิวแห้งเติมน้ำผึ้ง โยเกิตลงไป ลองไปหาสูตรแล้วลองทดสอบดูบางบริเวณก่อนค่ะ เขาว่ากันว่าช่วยกระชับรูขุมขนได้

ข้อดี ราคาถูก,หาซื้อง่าย,ทำเองได้ที่บ้าน

ข้อด้อย ได้ผลชั่วคราว,ได้ผลกับบางคนขึ้นกับผิวของแต่ละคน,เลอะเทอะ,กลิ่น

ลักษณะผิวที่ทำได้ บางสูตรเหมาะกับผิวมัน-ผิวผสม,บางสูตรเหมาะกับผิวแห้ง-ธรรมดา

 

 

นอนเร็ว

ความสามารถ&หลักการ เมื่อร่างกายพักผ่อนเพียงพอ สุขภาพภายในจะดี เก็บความชุ่มชื่นได้ดีขึ้น ถ้าเรานอนดึกร่างกายก็ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ซ่อมแซม ร่างกายสูญเสียน้ำตลอดคืน ต่อให้ดื่มน้ำเข้าไป ก็จะมีการขับออกทางปัสสาวะ ทาครีมก็ไม่ซึมร่างกายต้องการระบายความร้อนที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื่น และทำให้รูขุมขนบานออก คนผิวแห้ง หรือ ผิวธรรมดาเมื่อได้พักผ่อนอย่างรวดเร็วติดต่อกันจะสังเกตุได้ถึงผลลัพธ์

ข้อดี เป็นการปรับสมดุลร่างกายในชีวิตอย่างดีมาก,ไม่มีค่าใช้จ่าย

ข้อเสีย สำหรับคนที่ติดนอนดึก นอนเช้า อาจเป็นการยากในการฝึก , ไม่ค่อยได้ผลในคนผิวมันซึ่งมีปัจจัยอื่นเช่นการผลิตน้ำมันที่มากเข้ามาเกี่ยว

ลักษณะผิวที่ทำได้ ผิวแห้ง ผิวธรรมดา

 

น้ำแข็ง

ความสามารถ&หลักการ ความเย็นจะช่วยกระชับรูขุมขน นำมาวางไว้ในผ้า หรือ ใช้น้ำแข็งลูบบริเวณที่รูขุมขนกว้างวนไปวนมาอย่างเบามือ ประมาณ 5 นาทีเห็นผล

ข้อดี เห็นผลทันที,ค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำประปาราคาถูก,ผลพลอยได้ แก้มดูแดงระเรื่อ เลือดฝาด

ข้อเสีย ผลอยู่ไม่กี่นาทีก็กลับมากว้างเหมือนเดิม

ลักษณะผิวที่ทำได้ ทุกสภาพผิว

 

โฟโต้ชอป APPs 

ความสามารถ&หลักการ มีอุปกรณ์อิเลคทรอนิค เช่น คอมพิวเตอร์ หรือ มือถือก็ประมวลผลออกมาให้ผลลัพธ์ทันที

ข้อดี เห็นผลทันที,ค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟ ไม่กี่บาท, รู้สึกดีที่ได้เห็นภาพหลังทำ

ข้อเสีย เห็นผลลัพธ์ยอดเยี่ยมแค่รูป

ลักษณะผิวที่ทำได้ ทุกสภาพผิวหน้าไม่มีข้อจำกัด ฮ่าฮ่า

 

ทุกวิธีที่กล่าวมาไม่มีวิธีไหนที่ถาวร ต้องต่อเนื่อง

และ ทางที่ดีผสมวิธีเพื่อเสริมกันไปเพื่อชะลอการกลับมากว้างเร็ว

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กันนะจ๊ะ ไปเลือกเอาตามใจชอบ อย่าลืมแชร์ต่อให้คนมีปัญหาเดียวกันได้รู้ด้วย 🙂

XOXO

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, MAKE UP, SKIN, SKIN CAREComments (4)

BEAUTY TALK – เครื่องสำอางหมดอายุ และ วิธีทดสอบอาการแพ้

 

เรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงที่รักและชื่นชอบในการแต่งหน้า หรือ จำเป็นต้องแต่งตามหน้าที่หรืออะไรก็ตามแต่ .. ลองถามตัวเองดูบ้างไหม .. ว่าฉันเคยสังเกตุวันเดือนปีที่ผลิต ฉลาก หรือ วันหมดอายุของเครื่องสำอางที่ฉันซื้อหรือไม่ ?

 

ถ้าตอบว่าเคย .. คุณก็ยังต้องอ่านต่อ

ถ้าตอบว่าไม่เคย .. คุณก็ต้องอ่านมันต่อเพื่อตัวคุณเอง 

 

เอิ๊กตอบว่าไม่ เอิ๊กไม่เคยสนใจดูเลย .. ดังนั้นเอิ๊กคงต้องรวบรวมเขียนและอ่านต่อไปพร้อมกับหลายๆคน พร้อมโยนทิ้งบ้างส่วน ฉึบ (ฮ่า)


เอิ๊กมีเครื่องสำอางไม่เยอะ เพราะทิ้งไปเยอะแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวจะทิ้งอีก หลังจากจบบทความนี้ บางอย่างยอมรับว่ามีอาการเสียดาย .. แต่กลัวอันตราย แล้วเป็นโรคอะไรแล้วต้องเสียเงินเสียทองมากกว่าตัดใจทิ้งมันไป แล้วซื้อใหม่ซะ เพื่อสุขภาพ และ อนามัยของผิวตัวเอง

BEAUTY FACT 1 :  อย. ไม่บังคับให้ใส่วันหมดอายุลงในเครื่องสำอาง เพราะอายุขัยของเครื่องสำอางสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการการถนอม และ เก็บรักษา เช่น เก็บในอุณหภูมิที่พอเหมาะ แห้ง เย็น ไม่ร้อน ไม่ตากแดด ไม่เปิดฝาตากลมจนฝุ่น และ แบคทีเรียลงไป จะทำให้ยืดอายุเครื่องสำอางได้มากขึ้น

BEAUTY FACT 2 : การเก็บเครื่องสำอางในตู้เย็นไม่ใช่การดีเสมอไป เพราะความชื้น ทำให้เครื่องสำอางเสียคุณสมบัติ และ เกิดการแยกชั้นของเนื้อครีมได้

 

โรค หรือ ปัญหาผิวหนังอะไรที่มาพร้อมเครื่องสำอางหมดอายุได้บ้างนะ ?

  • เยื่อบุตาอักเสบ  [ ตาแดง ]
  • เยื่อบุปากอักเสบ
  • อาการอักเสบของผิวต่างๆ เช่น ระคายเคือง ผื่นแพ้ ตุ่มแดงคล้ายสิว
  • ติดเชื่อแบคทีเรีย

 

ปัจจัยใดบ้างที่ทำเกิดปัญหาผิวหนังจากการแต่งหน้า ?

  • เครื่องสำอางหมดอายุ
  • เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานไม่มีฉลาก หรือ ตราสินค้าที่น่าเชื่อถือ
  • เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง
  • พัพฟ์ ฟองน้ำที่ใช้แต่งหน้าที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานเกิน 1 – 4 สัปดาห์

อายุขัยของเครื่องสำอางแต่ละชนิดยาวนานแค่ไหนถึงหมดอายุ ?

  1. ขึ้นกับวันหมดอายุที่ระบุบนฉลาก
  2. ถ้าไม่มีให้นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดใช้ [ทำNoteแปะไว้หรือจดไว้] จะมีอายุโดยเฉลี่ยแต่ละประเภทเรียงตามลำดับดังนี้
  3. กลิ่นเปลี่ยน สีเปลี่ยน หน้าตาเปลี่ยน [ ทิ้งทันที ]

BEAUTY NOTED : เครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตา หรือ ของเหลวมักไปไวกว่าที่อยู่ในรูปแบบการอัดแข็ง เนื้อแข็ง เพราะด้วยเนื้อของมันเป็นอะไรที่เกิดการสะสมของแบคทีเรียได้ง่ายเวลาที่เราเปิดฝา หรือ ดึงเข้าดึงออก จนลมสามารถลอดผ่านเข้าไปได้

 

  • มาสคาร่า & อายไลเนอร์แบบน้ำ = 3 – 6 เดือน
  • รองพื้น เบส ไพรเมอร์ บีบีครีม ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก water-based = 12 เดือน / 1 ปี
  • รองพื้น เบส ไพรเมอร์ บีบีครีม ที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก oil-based = 18 เดือน 
  • คอนซีลเลอร์ = 12 – 18 เดือน
  • ลิปกลอส = 12 เดือน
  • ที่ปัดแก้ม [บลัช ออน] & ที่ทาตา [อายแชโดว์] เนื้อครีม เหลว = 12 – 18 เดือน
  • ที่ปัดแก้ม [บลัช ออน] & ที่ทาตา [อายแชโดว์] เนื้อฝุ่น อัดแข็ง = 24 เดือน / 2 ปี
  • อายไลเนอร์ & ลิปไลเนอร์ เนื้อครีม = 24 เดือน
  • ลิปสติก  = 24 เดือน
  • แป้งอัดแข็งทุกประเภท  = 24 เดือน
  • ครีมบำรุงผิวไม่ใส่สารกันเสีย = 1 – 3 เดือน
  • ครีมบำรุงผิวใส่สารกันเสีย = 12 เดือน
  • น้ำยาทาเล็บ = 12 เดือน
  • น้ำหอม = 18 เดือน

 

BEAUTY NOTED : เครื่องสำอางของเหลว หากไม่สัมผัสด้วยนิ้วโดยตรง แต่เทออกมา ใช้แปรง ฟองน้ำสะอาด จะช่วยยืดอายุได้อีกซักนิด

 

อยากให้ใบหน้ามีผิวสุขภาพดีทั้งที่แต่งหน้ามีกฎเหล็ก 6 ข้อให้จำ

  1. ดูวันหมดอายุของเครื่องสำอางก่อนใช้ ไม่มีก็เขียนลงไปและเริ่มนับตั้งแต่วันที่เปิดใช้
  2. ไม่ใช่เครื่องสำอางที่หมดอายุขัยของมัน
  3. ล้างอุปกรณ์แต่งหน้าให้สะอาด แปรง พัฟ  สม่ำเสมอ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง
  4. ล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งที่แต่งหน้าอย่างพิถีพิถันและใส่ใจ
  5. เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะ รองพื้น ไพรเมอร์ เบส บีบีครีมที่ต้องลงทั่วหน้าทั้งวัน
  6. ไม่ใช่เครื่องสำอาง หรือ อุปกรณ์ แต่งหน้าร่วมกับใครทั้งสิ้น อาจทำให้เกิดการติดต่อเชื่อโรค เช่น เริม

BEAUTY NOTED : ระวังการซื้อเครื่องสำอางเซลล์เพราะอาจทำให้ได้เครื่องสำอางที่ใกล้หมดอายุมาไว้ในครอบครองแทน หรือ ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางมาไว้ทีละเยอะๆ เพราะอาจเสื่อมสภาพก่อนจะได้ใช้

 

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าเราแพ้เครื่องสำอางที่พึ่งซื้อมา ?

  • ถ้าเริ่มใช้ครั้งแรก แล้วผื่นขึ้น ต้องแยกให้ออกชัดเจน ว่า ระคายเคือง หรือ แพ้
  • ถ้าระคายเคืองจะ คัน คันยิบๆ หรือ ปวดแสบปวดร้อน เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 10 นาที
  • ถ้าแพ้ใช้ไปซักพักจะเกิดอาการ ทีเป็นได้ตั้งแต่ผื่นแดง บวม ตุ่มน้ำ ขุย ลมพิษ ผื่นดำ ผื่นขาว สิว
  • การระคายเคืองมักเกิดจากส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือ แอลกอฮอล์ในเครื่องสำอาง คนผิวแห้งมักเกิดอาการระคายเคืองง่าย
  • การแพ้ มักเกิดจาก 1. น้ำหอม  2.สารกันบูด

 

ทดสอบการแพ้เครื่องสำอางอย่างไร ?

  1. ทาทิ้งไว้ที่ท้องแขนตอนกลางคืน ทิ้งไว้ทั้งคืน ทำซ้ำ 1 สัปดาห์ติดต่อกัน ถ้าผื่นขึ้นแสดงว่าแพ้
  2. พบแพทย์ทำ SKIN PATCH TEST ตรวจสอบได้อย่างละเอียดว่าแพ้สารชนิดใดบ้าง จะได้หลีกเลี่ยง

BEAUTY FACT 3 : ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “hypoallergic” ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำให้เกิดการแพ้ เพราะปัจจุบัน อย. ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าต้องทำการทดสอบอะไรบ้าง

BEAUTY FACT 4 : ผลิตภัณฑ์หลายชนิดระบุว่า “แพทย์ผิวหนังรับรอง” หรือ “ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง” แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังยืนยันว่าไม่เคยรับรองผลิตภัณฑ์ใดทั้งสิ้น

BEAUTY FACT 5 : แม้ว่าจะเคยใช้เครื่องสำอางยี่ห้อนี้มานานแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้ไม่ได้ เพราะบางครั้งผู้ผลิตอาจมีการเปลี่ยนสูตรเล็กน้อย ทำให้แพ้ได้ หรือ สภาพผิวของเราที่แปรเปลี่ยนตาม อายุ ฤดูกาล ช่วงเวลา ฯลฯ

สารต้องห้ามในเครื่องสำอาง มี 1) ไฮโดรควิโนน 2) ปรอท เราทดสอบได้อย่างไร ?

  • ทดสอบไฮโดควิโนน เอานํ้าสบู่มาถูกับครีม ถ้าครีมเปลี่ยนสีเป็นสีนํ้าตาลดํา แสดงว่ามีไฮโดรควิโนน
  • ทดสอบปรอทในครีม เอาทองแท้มาถูกับครีม ถ้ามีสารปรอทเจือปน ครีมจะเปลี่ยนสีเป็นสีนํ้าตาลดํา

 

 

หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับใครได้บ้างนะคะ นำไปใช้เพื่อสุขภาพผิวของเราค่ะ

ขอให้ทุกคนผิวสวย หน้าใสกันทุกคนค่ะ


แหล่งข้อมูล

– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รังสิมา วณิชภักดีเดชา ที่ปรึกษาศูนย์ผิวหนัง&ศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกาย

– แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง แพทย์หญิง แอนเจลา บาวเวอร์ จาก สหรัฐอเมริกา

– Tesco UK magazine

– เดลินิวส์ออนไลน์

– ประสบการณ์ส่วนตัวจากที่เป็นสาวแต่งหน้ามา 8 ปี

 

 

 

 

 

 

 

Posted in BEAUTY, MAKE UP, Q&A, SKIN, SKIN CAREComments (2)

advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites