Tag Archive | "ฟิลเลอร์"

REVIEW ปากแห้งจนดูเหี่ยวฉีดHYALURONซักนิด


 

 

 

#ปากแห้งจนดูเหี่ยว 😭

เป็นเรื่องเดียวที่แบบทุกคนน่าจะพอรู้
เราดื่มน้ำน้อยและก็ชอบแกะปากสม่ำเสมอ
ปีหลังๆลดไปเยอะพฤติกรรมแบบนี้
แต่ด้วยความที่ดื่มน้ำน้อยปากก็จะแห้งมาก
จนเกิดร่อง เหตุผลหนึ่งที่ไม่ค่อยคิดจะฉีด
เติมสารอุ้มน้ำ หรือ ฟิลเลอร์ที่ปาก
เคยแบบเติมความชุ่มชื้นคือไม่เปลี่ยนรูปปาก
แต่ทำให้ริมฝีปากดูเหมือนคนกินน้ำเยอะ
ร่องดูน้อยลง ดูสุขภาพดีขึ้นแต่
รู้สึกว่าเจ็บที่สุดเลยไม่ยุ่งเลยเกือบ2ปี

พื้นฐานมีริมฝีปากที่ไม่เท่ากันทั้ง2ข้าง
ข้างหนึ่งจะเบี้ยวไปนิดหนึ่งและความหนาน้อยกว่า
ก็ไม่ได้สนใจใช้ลิปสติกช่วยเอา
ช่วงหลังปากจะแห้งค่อนข้างเยอะเพราะว่านอนน้อย
ดื่มน้ำน้อย ไม่แตกแต่ร่อนเลย 😌

จึงตัดสินใจขอคุณหมอดูแลริมฝีปากหน่อย
คุณหมอเลือกใช้สารไฮยารูรอน
ชนิดนิ่มปานกลาง เพื่อมาช่วยอุ้มน้ำ
และเปลี่ยนมิติของริมฝีปากที่มันเบี้ยวข้างนึง
ใช้จำนวน 1 CC ซึ่งถือว่าน้อยมากกับ
บริเวณทั้งหมดโดยประมาณ 9 จุด

โจทย์คือว่าห้ามเปลี่ยนรูปปากของเรา 💋
แก้ไขจุดที่เบี้ยวได้เล็กน้อย
เติมความชุ่มชื้นและยกมุมปากขึ้นนิดหน่อย
เรากลัวว่าถ้าเกิดว่าทำอะไรตั้งแต่แรก
เปลี่ยนรูปปากไปเลยเราจะรับไม่ได้
เรายังคงอยากเป็นเรา
ถือเป็นการทดลองที่เราชอบมาก
อาจจะไม่ได้แก้ไขได้ 100% 
เพราะเราต้องการทีละเล็กก่อน

สรุปคือ9จุดก็เลยถือโอกาส
วางไปที่ ร่องแก้ม ร่องริมฝีปากล่างนิดหน่อย
Happy มากแบบถ้าไม่สังเกตก็
จะไม่รู้ใช้ชีวิตต่อได้เลยไม่บวม

รู้สึกว่าการเลือกหมอสำคัญมาก
และถ้าเป็นคุณหมอที่เทคนิคแพรวพราว
เราไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง
เพราะเขาสามารถบริหารจำนวนการใช้ฟิลเลอร์
บวกกับเทคนิคในการวาง
แล้วให้เราเปลี่ยนไปอย่างธรรมชาติ
ไม่จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์เยอะแยะ
ที่ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่า


ปกติแล้วถ้าเป็นเรื่องของรูปหน้า
การดูแลเกี่ยวกับการยกกระชับ
ริ้วรอย การเติมเต็ม
เราจะมีรองศาสตราจารย์แพทย์หญิง @DrRungsima
ที่ดูแลมาตลอดเกือบ8ปี


คนที่ชอบอะไรธรรมชาติค่อยเป็นค่อยไป
คนที่เชื่อมั่นในความสวยความงามของแต่ละคน
มีความแตกต่างกันไปไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
คนที่ชอบทำอะไรน้อยแต่มาก


เราก็ไม่เชื่อคุณหมอหมดทุกเรื่องหรอกในตอนแรก
5555555 ก็ไม่เข้าใจในสไตล์ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
อะไรกันทำแค่นี้จะสวยได้ไง
เพราะอยากสวยแบบเยอะแยะ
พอเกิดผลลัพธ์ที่ผิดพลาดจากการไปลองเอง
ทำให้รู้ว่าบางครั้งคุณหมอที่มีจรรยาบรรณ
สำคัญพอๆกับความเก่งของหมอ
ที่เราต้องเลือก
หลังจากนั้นเราก็ชอบความน้อยแต่มากเป็นต้นมา
♥️😖 #ไม่อย่างนั้นแก้มทั้งสองข้างไปนานแล้ว

ขอบพระคุณ คุณหมอมากค่ะ @drrungsima

@iskycenter #iskycenter#erkerkxiskycenter #erkerkxbeauty

 


Posted in HOW TOComments (0)

BEAUTY TALK – ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์


ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นเพราะเอิ๊กเองได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณปลายคางจึงอยากเล่าสู่กันฟัง

จุดประสงค์ในการฉีดเนื่องจากใบหน้าที่สั้น กลม แก้มเยอะ อยากทำให้ดูมีคางเพราะหน้าจะได้ดูยาวขึ้น เป็นผู้หญิงที่อยากสวยแต่กลัวเจ็บตัว กลัวการผ่าตัด เลยเลือกการฉีดฟิลเลอร์ ประเภทไฮยาลูลอน ที่มีในร่างกายและสลายไปได้เองในระยะเวลาไม่ยาวนานมากนัก เผื่อวันนึงชอบตัดสินใจทำคางจริงๆก็ยังไม่สาย ไม่ได้ANTYการศัลยกรรม แต่กลัว 555 คนทำสวยเราก็ว่าสวยดี บางคนงานล้นเลย ดังในพริบตา แต่เราคิดว่าในชีวิต อยากทำแค่ 2 สิ่ง คือ คาง และ … ไม่บอก 5555 ตอนนี้ก็ทำใจไปเรื่อยๆก่อน ยิ่งเกิดเหตุการณ์ฟิลเลอร์ส่งผลข้างเคียงนี้อยากจะบอกว่า ตอนนี้ในใจไม่อยากทำอะไรอีกเลย อยากได้คางเก่าคืนมาก่อน อยากเอาคางสั้นๆแบบเดิมกลับมา ในหัวมีแต่ความกลัว บอกตรงๆ ….. อยากสวยจนได้เรื่องสิน่า ……

ก่อนฉีดวิเคราะห์รูปหน้า : ดูมีแก้ม คางดูสั้น แต่ไม่ได้สั้นมาก ความอยากในใจ อยากคางยาวกว่านี้ เผื่อหน้าจะดูยาวขึ้น

หลังฉีดครั้งแรก : ฉีดครั้งแรกผ่านไปไม่ถึง 3 เดือน ไม่มีผลข้างเคียงใดใด ขึ้นนิดนึงทำให้หน้าดูยาวขึ้นนิดนึงกว่าก่อนฉีด เพราะคุณหมออยากให้ธรรมชาติ อาจจะธรรมชาติมาก 555 แล้วก็ยุบจากไปเร็วมากมาก ทำให้เรายังรู้สึกว่าไม่พอใจกับผลที่ได้ แต่รู้สึกดีใจที่ เออ ฟิลเลอร์ ฉีดแล้วมันก็ยุบได้เลยนะ ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเลย หลังฉีดแค่บวมนิดนึงซัก 3 วัน นั่นเป็นเหตุผลที่  ครั้งแรกนี้เอิ๊กฉีดกับ ผศ.พญ. รังสิมาที่ ISKYCENTER หนองแขม

หลังฉีดครั้งที่สอง : คางเรียวยาวเป็นสามเหลี่ยม ในชีวิตตอนนี้คิดว่าหน้าตาตอนนี้ดีที่สุด (หลายคนอาจจะบอกไม่จริง original ดีที่สุด) ตอนนี้รู้สึกดีมาก ก.ไก่ อีกล้านตัวเลย แต่ผลข้างเคียงอันดับแรกของเอิ๊กที่ปัจจุบันยังไม่หาย คือ การเปลี่ยนสีของบริเวณที่ฉีด เป็นสีแดงตลอดเวลา เนื่องจากเส้นเลือดฝอยมารวมตัวกัน ประเมินจากคุณหมอได้คร่าวๆว่า อาจจะมาจากการแพ้ฟิลเลอร์ของเอิ๊ก ให้แก้โดยการยิงเลเซอร์กำจัดเส้นเลือดฝอย ซึ่งเอิ๊กก็ทำ ก็ดีขึ้นแต่ไม่หายสนิท คุณหมอบอกว่าฉีด filler Perlane ในขนาด 1 หลอด ซึ่งผลหลังฉีดจะดูบวมยาวกว่าของจริงประมาณ 2-3 วัน ค่อยเข้ารูปพอใจมากๆ อยากให้หน้าดู V-SHAPE สมใจเลย และเทคนิคการฉีดเข้าไปประมาณ 3 ครั้ง ก่อนปั้นให้เข้ารูป ฉีดตรงกลาง ข้างซ้าย ข้างขวา และเอิ๊กก็กินน้ำน้อยเหมือนเดิม ไม่รู้เพราะสาเหตุนี้รึเปล่า เกิดผลข้างเคียงใหม่ตามมาคือ “คางบุ๋มเฉพาะที่” เนื่องจากปรึกษากับคุณหมออีกท่าน พบว่ามันสลายบางส่วน อาจจะเป็นจากเทคนิคการฉีด 3 ส่วนด้วย เพราะมีโอกาสที่พื้นที่ส่วนใดส่วนนึงจะสลายไปก่อน ส่วนที่ไม่สลายจึงดูสวยอยู่ก็เป็นได้ ครั้งนี้ฉีดกับ นพ. อภิรุจ THE KLINIQUE  เอิ๊กชอบผลลัพธ์มาก แต่ก็ผลข้างเคียงที่เกิดอาจจะเกิดที่ตัวเอิ๊กเองทานน้ำน้อยกระมัง เท่าที่อ่านหลายท่านก็บอกเพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ

คางปัจจุบัน

ส่วนที่เปลี่ยนสี แท้จริงคือมันบุ๋มลงไปค่ะ ขนาดยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ซึ่งถ้าเอิ๊กพูดจะเห็นเลยว่าคางเอิ๊กข้างนึงบุ๋ม

มันสร้างความวิตกกังวลกับเอิ๊กมาก เมื่อวันที่พบเห็นคือเมื่อช่วงตุลาคมที่ผ่านมากตอนไปเยอรมัน

ระหว่างอัด SOCIAL CAM รู้สึกมันเหมือนเป็นเงาเกิดขึ้นบริเวณคาง พอมองแล้ว โอว คางดิฉันบุ๋ม

ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอิ๊กอยากรู้ว่าเป็นเราคนเดียวหรือไม่ที่ฉีดฟิลเลอร์ผ่านอย.แล้วได้รับผลข้างเคียง

เลยลองโพสถามในแฟนเพจ erk-erk.com ปรากฎว่า

ก็มีบางคนที่พบ จึงอยากแชร์สู่กันฟัง

ล่าสุดเอิ๊กเดินทางไปเยอรมันกับ ผศ.พญ รังสิมา วณิชภักดีเดชา ซึ่งคุณหมอท่านฉีดฟิลเลอร์มากที่สุดคนนึง

ในบริเวณย่านฝั่งธนบุรี เอิ๊กก็กังวลใจ จึงขอปรึกษาทางแก้ คุณหมอบอกว่า

  • ไม่ให้ฉีดสลาย เพราะอาจจะสลายเนื้อเยื่อส่วนดีของเราไปด้วย
  • ใช้คลื่นความถี่วิทยุปล่อยความร้อนให้สลายเร็วขึ้น
  • ฉีดโบทอกคลายกล้ามเนื้อ ลดการหดตัวที่ทำให้เกิดคลื่น
ปัจจุบันทำวิธีใช้คลื่นวิทยุ RF เป็นตัว TRILIPO มาคลึงที่คาง ผลคือคางเรียบขึ้นแต่ไม่หายบุ๋ม คิดว่าน่าจะบุ๋มกว่านี้ เพราะถ้ามันทำให้สลายจริงมันก็จะสลายและบุ๋มลงเรื่อยๆ ตอนนี้จึงต้องดูแลกันไปก่อน ทนจนกว่าสลาย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงขออนุญาตแชร์ผลข้างเคียงของการฉีด Filler ที่ได้หาข้อมูลมา มีตั้งแต่อาการที่รุนแรงไม่มาก ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็กลับมาหายเป็นปกติ จนกระทั่งถึงผลข้างเคียงที่มีอาการรุนแรงมากจนไม่สามารถกลับมาปกติเหมือนเดิม แต่การฉีดนั้นจะมีผลข้างเคียงที่มีระดับความรุนแรงมากหรือน้อยจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยในการฉีด Filler เช่น

  • ชนิดของ Filler 
  • ประสบการณ์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ฉีด Filler
  • เทคนิคการฉีด Filler
  • การตอบสนองร่างกายคนไข้ในการฉีด Filler
  • สถานที่ให้รับบริการฉีด Filler ความสะอาด การฆ่าเชื้อ 

คนส่วนใหญ่ถ้าผ่านการเลือกตั้งแต่ชนิด Fillerที่ผ่านอย. แพทย์ เทคนิคแพทย์ ร่างกายตอบสนองดี ก็จะมีอาการปกติหลังฉีด คือ บวมไม่กี่วันแล้วก็หาย แต่คนส่วนน้อย เช่นเอิ๊ก ถือว่าเป็นผลข้างเคียงระดับน้อยถึงปานกลาง อย่างที่เล่าไปข้างต้น
จะลองแบ่งประเภทของผลข้างเคียงคหลังจากฉีด Filler เป็น 3 ระดับ ในความรู้สึกเอิ๊กนะคะในกรณีคนไข้

1. ผลข้างเคียงระดับน้อย

– มีรอยเขียวจากเข็ม อาจจะเป็นจ้ำเลือด รวมถึงอาการบวมบริเวณที่ฉีดไม่กี่วันก็หาย

– แพ้มีเส้นเลือดฝอยรวมกันอยู่เป็นกระจุดบริเวณที่ฉีด ผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นสีแดง

– มีผื่นแดงขึ้น

2. ผลข้างเคียงระดับปานกลาง

– คลำไปเป็นก้อนขรุขระ เป็นคลื่น ผิวหนังไม่เรียบ พอแสดงสีหน้าก้อนฟิลเลอร์ก็นูนขึ้นมา

– หลังฉีดFillerไปซักพักพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างฟิลเลอร์มีการไหล รูปทรงเปลี่ยน รูปร่างเปลี่ยน

– ฉีดมาซักระยะอาจเกิดอาการแพ้ทำให้เป็นก้อน แดง นูน อักเสบ

– ผิวหนังรอบดวงตา เปลี่ยนสี อาจจะออกเป็นสีฟ้าๆ เทาๆ หรือม่วง

– หลังฉีด Filler อาจจะไม่สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้เหมือนปกติ

– หลังฉีด Filler อาจจะแสดงสีหน้าไม่ธรรมชาติเหมือนก่อนฉีด เช่น เวลายิ้มถ้าฉีดคางคางก็ย้อยเป็นก้อนดูเกร็งๆ แข็งๆ

– มีอาการคันที่รุนแรง และอาจจะมีลมพิษขึ้นตามมาด้วย

3. ผลข้างเคียงที่มีความรุนแรงในระดับมาก

– หลังฉีด Filler มีอาการติดเชื้อ บางทีแพทย์จึงสั่งให้ทานยาปฎิชีวนะหลังฉีดเสร็จเพื่อป้องกัน

– หลังฉีด Filler พบว่าผิวหนังบริเวณนั้นตายรวมถึงผิวหนังบริเวณรอบๆด้วย สาเหตุมาจากสาร Filler เข้าไปอุดในบริเวณปลายเส้นเลือดที่จะนำเลือดไปเลี้ยงบริเวณผิวหนังบริเวณนั้น หรือ ในกรณีที่ปริมาณสาร Filler มากเกิน ก็จะไปกดเบียดบริเวณปลายเส้นเลือดให้ตีบลง จึงเป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังตายได้

– หลังฉีด Filler ตาบอด เพราะสาเหตุสาร Filler เข้าไปอุดตันในบริเวณเส้นเลือดทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงที่จอประสาทตา จึงทำให้ตาบอด

– อาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

นี่คือเหตุผลที่ต้องออกมาเขียนเรื่องนี้เพื่อให้ทุกคนพยายามหาข้อมูลให้มากและดียิ่งขึ้นค่ะ

แหล่งข้อมูล :

– ทวิตเตอร์ @DrRungsima

– ผศ.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา

– http://www.realself.com/files/528337-504567.JPG

– http://www.guardian.co.uk/lifeandstyle/2010/jul/18/cosmetic-surgery-cowboys-face-lawsuits

– http://www.livestrong.com/article/138088-side-effects-wrinkle-fillers/

– http://gamesbbclinic.blogspot.com/2012/04/filler.html

– ประสบการณ์ตรง

Posted in FACEComments (2)

อยากหน้าเรียวทำอย่างไร ? รวมรวบวิธีทำหน้าเรียว ภาค 2


หลังจากที่ดูภาค 1 ของคุณหมอ อภิรุจ กันแล้ว

ภาค 2 ขอเป็นตัวเอิ๊กเอง และ สัมภาษณ์จากคุณหมอ รังสิมา อีกท่าน

ขอบพระคุณคุณหมอทุกท่านด้วยค่ะ

บทความนี้ขออนุญาตแนะนำตามสไตล์คนไข้ และ สิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากคุณหมอทุกท่านนะคะ รวมถึงวิธีการใหม่ๆที่จะนำมาเล่าด้วยค่ะ 🙂 ไม่ได้สนับสนุนให้ใครทำ แต่เป็นการแชร์ประสบการณ์ที่เราได้ผ่านมาและมีความสุขขึ้นกับมันอย่างปลอดภัยค่ะ 

ในอดีตการอยากทำหน้าเรียวคงไม่ได้แพร่หลาย และ วิธีการก็ไม่ได้มากมายเหมือนอย่างตอนนี้ ใครที่อยากหน้าเรียวก็คงหมดสิทธิ์ ใครอยากทำจริงก็คงต้องศัลยกรรมตัดกรามอย่างเดียว หรือ ไม่ก็จัดฟัน ถอนเยอะๆ พอขยับฟันให้เข้าไป หน้าก็ดูเรียวเล็กขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถตัดกระดูกแนวกรามได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีกระดูกแนวกรามขนาดใหญ่ และไม่ใช่ทุกคนที่จะถอนฟันออกเยอะได้ เพราะบางคนก็ฟันน้อยอยู่แล้ว สังเกตุได้ง่ายๆ ฟันบางคนถอนแล้ว พอดัดเสร็จคล้ายคนแก่ ฟันงุ้มเข้าไปเยอะ ซึ่งไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่ โชคดีที่เอิ๊กรอ 55555555555 รอเป็นสิบปี เดี๋ยวจะรออีก คิดว่าต้องมีวิธีที่ง่ายและไม่เจ็บและเหมาะกับเอิ๊กแน่นอน

วัตถุประสงค์เอิ๊กคือ ทำยังไงก็ได้ให้แก้มดูน้อยลง ปกติแก้มเยอะขั้นอืด หน้าอืด และ อยากให้หน้าดูเรียว คางดูยาวกว่านี้

สภาพร่างกายเอิ๊กเป็นคนที่บวมน้ำง่าย จะออกหน้า ออกขา ดังนั้น เช้าบวม-เย็นหด เช้าหด-เย็นบวม นี่คือข้อจำกัดของร่างกายเอิ๊ก ทางแก้หากร่างกายเยอะ แสดงว่าทานน้ำน้อย และ ทานโซเดียม หรือ ขอรสจัด เค็ม ผงชูรสเยอะ ต้องรีบทานน้ำ หน้าจะหดลงกลับสู่สภาพปกติ ดังนั้นจะทำวิธีไหนก็ไม่ถาวรภายในวันเดียวกัน 5555555 เศร้านะ

 เมื่อทราบสิ่งที่ต้องการ – ข้อจำกัดของร่างกายของแต่ละคน สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทราบ ..

อยากหน้าเรียวโครงสร้างใบหน้าเราเป็นแบบไหนหน้าถึงไม่เรียว

1. กระดูก โหนกสูง กระดูกกรามใหญ่

2. กล้ามเนื้อช่วงมัดแนวกรามใหญ่

3. คางสั้น หน้าเลยดูสั้น

4. ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ

 

จะมี 4 สาเหตุนี้ที่ทำให้เราเองอาจจะรู้สึกไปเองว่าหน้าดูไม่เรียว ทั้งนี้จะดูเรียวขึ้นมากน้อยขึ้นกับหน้าของแต่ละคน และวิธีการที่เลือก รวมถึงปริมาณในการทำของแต่ละวิธี เมื่อทราบแล้ว เราไปดูกันดีกว่า สาเหตุ 1-4 เราจะใช้วิธีไหนได้บ้าง บางคนวิธีเดียวจบ บางคนต้องผสมผสานกันหลากหลายวิธี 

1. กระดูก โหนกสูง กระดูกกรามใหญ่

 หากเป็นสาเหตุนี้จะต้องใช้วิธีศัลยกรรมปรับแต่งกระดูก ไม่ว่าจะตัด เหลา

ข้อดี หน้าเราก็จะดูเรียวลงแบบเห็นได้ชัด / ค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวผลถาวรตลอดไป

ข้อด้อย หากเราไม่ชอบเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นแบบเดิมได้ / ต้องได้แพทย์ที่เก่งและเข้าใจสรีระโครงสร้างใบหน้าเราดีพอ รู้ว่าจุดไหนที่สามารถที่ทำให้เราพอใจ / ราคาสูง


2. กล้ามเนื้อช่วงมัดแนวกรามใหญ่

วิธีนี้ปัญหาจะอยู่ที่บริเวณกล้ามเนื้อมัดแนวกราม หากเอามือวางแนบสนิทบนใบหน้าแล้วลองกัดฟันแน่นๆ พบว่ามีกล้ามเนื้อปูดขึ้นมาจนรู้สึกและคลึงโดนได้ กล้ามเนื้อบริเวณแนวกรามช่วงนี้ จะสามารถฉีดโบทูลินูมทอกซินให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ลีบเล็กลง หรือ เป็นอัมพาตชั่วคราวได้ ใบหน้าก็จะเรียวลง เพราะกล้ามเนื้อมัดนั้นฟีบเล็กลงไป

ข้อดี หากไม่ชอบใบหน้าที่เล็กชอบแบบเดิมปล่อยไว้ 3-6 เดือนก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม / ราคาสูงหลักพันถึงหมื่นกว่าๆ แต่ไม่เท่าผ่าตัด

ข้อด้อย กว่าจะเห็นผล 1-1.30 เดือน เต็มที่ 3 เดือน / ต้องได้แพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องกล้ามเนื้อบนใบหน้าจริงๆ เพราะว่าบางคนฉีดแล้วปากเบี้ยว มุมปากตก (เอิ๊กเคย) /  ต้องฉีดซ้ำทุก 3-6 เดือน จากนั้นถ้าฉีดบ่อยอาจอยู่นานขึ้นเป็นปี

3. คางสั้น หน้าเลยดูสั้น

วิธีนี้จบลงด้วยการศัลยกรรมคางให้ดูยางไม่ว่าจะเป็นด้วยซิลิโคน กระดูกตัวเอง หรือ ฉีดฟิลเลอร์ 

ศัลยกรรม

ข้อดี ราคาไม่ได้แพงมากไปกว่าการทำฟิลเลอร์มากนัก / เจ็บครั้งเดียวก็จะอยู่นานซึ่งขึ้นกับการดูแล / การเสริมด้วยกระดูกตัวเองอาจจะแพงกว่า แต่ความเนียนจะดี และ ธรรมชาติกว่าซิลิโคน

ข้อด้อย เกิดการผ่าตัด / เจ็บ / ต้องพักฟื้น / ถ้าไม่พอใจ หรือ เกิดปัญหาอาจจะต้องผ่าตัดเอาออก

ฟิลเลอร์

ข้อดี ปั้นรูปทรงได้ตามชอบ / ไม่ต้องพักฟื้น / ไม่ชอบก็ปล่อยให้สลายไปเองถ้าเป็นฟิลเลอร์ชนิดไม่ถาวร / ธรรมชาติกว่าเมื่อเวลาผ่านไป 1-3 เดือนจะเริ่มเข้ารูป / ไม่เจ็บเท่าศัลยกรรม 

ข้อด้อย สลายไปภายในเวลา 6-12 เดือน / บางทีถ้าเราอยากทำศัลยกรรม บริเวณที่เราทำฟิลเลอร์ต่อให้เมื่อสลายไปหมด แต่เวลาที่ฟิลเลอร์อยู่อาจมีการสร้างพังผืดของเนื้อเยื่อในร่างกายเราขึ้น เราจึงต้องขูดมันออกก่อนทำศัลยกรรมจริง / ถ้าต้องฉีดบ่อยตลอดถือว่าแพงกว่าการทำศัลยกรรม

4. ไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ

สัญลักษณ์ของความเป็นเด็ก ความอ่อนเยาว์ ซึ่งหลายๆคนชอบ แต่บางคนคงอยากมีช่วงเวลาโตเป็นสาวกันบ้าง 555 ก็ไม่ได้เอาออก แต่เราทำให้มันเล็กลงได้แบบถาวรถ้าเราไม่อ้วนขึ้น และ ไม่ถาวร ทำได้ 4 วิธี 1. ลดน้ำหนัก 2. คลื่นวิทยุ RF 3. ดูดเซลล์ไขมันออก (ACCULIFT) 4. ผ่าตัดเอาถุงไขมันช่วงแก้มออก buccal fat

ลดความอ้วน หากใครเมื่อผอมลงหน้าก็เล็กลงก็ลดน้ำหนักซะ

ข้อดี ไม่เสียเงิน / ถ้าลดถูกวิธีก็ได้เรื่องสุขภาพดี / ใส่เสื้อผ้าได้หลากหลาย / คล่องตัวมั่นใจขึ้น

ข้อด้อย ถ้าลดหักโหม จากสวยจะกลายเป็นซูบ

คลื่นวิทยุ RF หากใครตัวเล็กแต่หน้าใหญ่ลดน้ำหนักก็ไม่ลง แสดงว่าไขมันกระพุ้งแก้มคุณเยอะ buccal fat คลื่นวิทยุมีหลายตัวล่าสุดเพิ่งลอง trilipo เป็นคลื่นวิทยุสามขั้ว สามหัว อาจไม่ดีเท่าหัวขั้วเดียว แต่ถูกกว่า และ ถ้าหน้าไม่ได้หย่อนคล้อยคอลลาเจนเสื่อม แต่มีปัญหาแค่ไขมันจะกำลังดี

ข้อดี ไม่เจ็บเลย ไม่เหมือนฉีดสลายไขมันอันนั้นยังไม่ผ่าน อย. และ FDA / อาจแพ้เจลได้

ข้อด้อย ต้องทำบ่อย / ทำบ่อยจะเริ่มเห็นผลชัดขึ้น 4-10 ครั้งขึ้นไป / อ้วนอีกก็กลับมาอีกได้ ไม่ถาวร

ดูดไขมัน ACCULIFT ดูดเซลล์ไขมันออกไปเลย จะสอดเข็มเล็กๆมากๆเข้าไปแล้วดูด มักใช้ในคนอายุ 40 ขึ้นไปที่สภาพใบหน้าหย่อนคล้อยร่วมด้วย

ข้อดี เซลล์ไขมันน้อยลงถาวร ถ้าอ้วนอีก ก็ไม่กลับมาอีกเท่าตอนเซลล์ไขมันเยอะ

ข้อด้อย เจ็บ / หน้าบวมเป็นเดือน / เข็มไม่สะอาด อาจจะติดเชื้อ  / ความชำนาญของแพทย์สำคัญมาก

ศัลยกรรมผ่าตัด เอาถุงไขมันกระพุ้งแก้มออ

ข้อดี ถุงไขมันออกไปขนาดใหญ่ในคราวเดียว / ผลชัดเจนแจ่มแจ้ง / แผลด้านในปาก

ข้อด้อย แพง เสี่ยงต่อการใบหน้าสองข้างไม่เท่ากัน โอกาสสะสมใหม่มี

 

ราคา ค่าใช้จ่ายคิดว่าหลายคนอยากรู้แต่ขอโทษที่ไม่ได้ถามมาให้เพราะแต่ละที่ราคาไม่เหมือนกันเลย นำไปเสริทหาข้อมูลเรื่องราคาต่อเอานะคะ ส่วนเอิ๊กเองทำแค่ 3 อย่างคือ เป็นคนกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ใช้วิธีโบทูลินูม ทอกซิน ซึ่งทำติดต่อกันเรื่อยมา / คางสั้น ฟิลเลอร์ แค่ครั้งเดียว/ แก้มยุ้ย เคยทั้งฉีดและTRILIPO ตอนหลังคิดว่าคงจะทำแค่คลื่นวิทยุ RF อย่างเดียวเพราะไม่เจ็บ เคยทำครั้งเดียวแล้วชอบมาก วันนี้เลยนำมาแชร์แต่วิธีที่ปลอดภัยแล้วกันนะคะ  อยากอ่านต่อว่าทำที่ไหนกับใครเสริทกลางบล็อคerk-erk.com ว่าหน้าเรียว เอิ๊กบันทึกไว้ทุกท่าน ตั้งแต่คุณหมอรังสิมา คุณหมออภิรุจ คุณหมอเจี๊ยบ ทั้งสามท่านทำดีหมด ทุกคนมีศิลปะเป็นของตัวเอง สไตล์ของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ชอบทุกคน เพราะทุกคนแก้ปัญหาให้เอิ๊กได้แบบปลอดภัยหมด ดังนั้นอย่าถามว่าที่ไหนดีกว่ากัน ดีหมด แต่เลือกเอาแบบเดินทางสะดวก และ อยากทำกับใครดีกว่า หวังว่าคงได้ประโยชน์กัน ทั้งนี้จะได้ผลมากน้อยขึ้นกับแต่ละคน และไม่อยากให้คนที่ยังขอสตางค์คุณพ่อคุณแม่รีบร้อนนัก รอเราทำงาน หาข้อมูล เตรียมใจ เตรียมสตางค์พร้อมไม่เดือนร้อนใครแล้วค่อยลงมือดีกว่า มาแชร์ไม่ได้ชวนเสียตังค์นะ 5555  แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ที่ตัวเองรู้สึกดี ทุกวันนี้ใครจะชอบเอิ๊กแบบไหน แต่เอิ๊กชอบที่เอิ๊กเป็นเอิ๊กในวันนี้ เอิ๊กที่เป็นคนที่พัฒนาตัวเองขึ้นกว่าเมื่อวานในทุกๆด้าน เลี้ยงดูครอบครัว เป็นคนดีของแม่ เอิ๊กโอเคกับชีิวิตละ 😀 สวยอย่างปลอดภัย ก็ขอให้ไม่เดือดร้อนใครด้วยค่ะ <3

2010 ด้านบน

2012ด้านล่าง

XOXO

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, BOTOX, CHIN, HOW TOComments (4)

ฟิลเลอร์ผสมยาชา สวยเร็วไม่เจ็บ JUVEDERM


เมื่อหลายวันก่อนได้คุยกับคุณหมอรังสิมา ที่ISKYCENTER ถึงความเจ็บปวดในการฉีดฟิลเลอร์ ว่ามันปวดมาก ผู้ใหญ่หลายคนที่เริ่มมีริ้วรอยคงชอบทำ เนื่องจากมันเป็นสารไฮยารูโรนิค แอซิด ที่อุ้มน้ำ เป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ เมื่อฉีดเติมร่องลึกริ้วรอยก็แลดูตื้นเต็ม ทำให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ส่วนอีกด้านก็นิยมนำมาปรับแต่งอวัยวะให้ดูมีมิติ เช่น เติมปลายจมูกรูปหยดน้ำ เติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม เติมร่องใต้ตาลึก เติมคางให้ดูเรียวยาว 

ฟิลเลอร์ปกติเราเติมกันตรงไหนบ้าง ?

การสลายของฟิลเลอร์ขึ้นกับยี่ห้อและสภาวะร่างกายคนไข้รวมถึงการใช้ชีวิต

คุณหมอรังสิมาได้แจ้งว่าตอนนี้ฟิลเลอร์อีกตัวที่ผ่านอย.เรียบร้อยนั้นผสมยาชาทำให้ลดอาการเจ็บปวดถึงขั้นหลายคนไม่รู้สึกเจ็บเลย เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยประเทศอเมริกา บริษัทเดียวกับ BOTOX ALLERGAN ที่ดีและดังมากเป็นแบรนด์นำระดับโลกแบรนด์นึง ดังนั้นปลอดภัยสูงเพราะ FDA เรียบร้อย ถ้าเป็นเมืองไทยเอิ๊กยกให้อันดับหนึ่งสำหรับ ALLERGAN

ฟิลเลอร์ตัวนี้เป็นแบรนด์ชื่อว่า JUVEDERM

ข้อดี : JUVEDERM

  • ไม่เจ็บปวดเพราะมียาชาผสม
  • อยู่นานกว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอายุประมาณ 1 ปี เทียบกับยี่ห้ออื่นอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน
  • ไม่เป็นก้อน และ ผิวหนังเรียบเนียน กลืนกับผิว
  • ไม่ยุบตัวหลังฉีดเยอะเหมือนฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น 

ราคา

ที่ ISKYCENTER คือ ถามบริเวณจมูก หรือ คางคือหลอดละ 14,000 บาท

 

ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ค่อนข้างเป็นธรรมชาติอย่างที่เคยได้เขียนรีวิวไป

เทคโนโลยีค่อนข้างมาเร็ว ดังนั้นผู้หญิงไทยเรา อาจมีสิทธิ์คงความอ่อนเยาว์ได้นานขึ้นเรื่อยๆ สมัยนี้คงดูกันที่มือไม่ได้ คงจ้องที่ดวงตาที่จะเปลี่ยนสีเมื่อยามสูงวัยขึ้นเรื่อยๆได้ยางเดียว 

วิธีดูแลตัวเองหลังจากทำ FILLER โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา

ใครห้ามฉีดฟิลเลอร์ JUVEDERM

  • ผู้ที่แพ้สาร HYALURONIC ACID
  • ผู้ที่ทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่แพ้ยาชา
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลคียลอยด์ง่าย
ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ JUVEDERM
  • ห้ามทำเลเซอร์ชนิดมีแผล หรือ ลอกหน้าบริเวณที่ฉีด
  • ห้ามทำบริเวณผิวหนังอักเสบ หรือ ติดเชื้อยู่
  • งดทำเลเซอร์ และ ทรีทเมนท์เป็นเวลา 2 อาทิตย์
  • ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือ สูบบุหรี่ 2-3 วันเพื่อลดการแดง ช้ำ บวม บริเวณที่ฉีด
  • ไม่ควรแต่งหน้าภายใน 12 ชั่วโมงหลังฉีด
  • หลีกเลี่ยงการโดดแดด  หรืออยู่ในอุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส
  • ไม่อบซาวน์นา 2 สัปดาห์หลังฉีด
ผลข้างเคียงที่เกิดได้
  • บริเวณที่ฉีดบวม แดง
  • เกิดผื่นแดง คัน หรือปวด
  • ห้อเลือด
  • เกิดการแข็งตัวของเนื้อเยื่อ หรือปุ่ม
  • รอยด่าง หรือ ผิวหนังเปลี่ยนสีบริเวณที่ฉีด
สิ่งสำคัญที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์นั้น ฟิลเลอร์ที่ใช้ต้องปลอดภัยผ่าน FDA หรือ อย. ไทย และฉีดกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นซึ่งการฉีดอะไรก็ตามลงบนใบหน้าผู้ฉีดต้องมีความเชี่ยวชาญระดับสูงเนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ามีเส้นเลือด เส้นประสาทอยู่มาก หากพลาดไปแม้เพียงนิดเดียว เราอาจต้องเสียใจไปตลอดชีวิต อยากฝากไว้ค่ะ
เอิ๊กอยากฉีดเล่นๆดู แต่คิดไปคิดมา PHOTOSHOP ดูก่อนว่าถ้าฉีดจมูกให้ดูแหลมไม่อ้วนเหมือนตอนนี้จะเป็นยังไง ?
555555

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, FACEComments (0)


advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites