ศัลยกรรมดวงตาที่ประเทศเกาหลี กับ STMSTYLE

คำเตือน เนื่องจากเนื้อหาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจกระทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ (ศัลยกรรม) ขอแสดงความรับผิดชอบในเนื้อหาด้วยการบังคับให้ทุกคนอ่านคำเตือนก่อนทุกครั้ง การทำศัลยกรรมที่เป็นการผ่าตัดทุกชนิด จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อในร่างกาย เกิดบาดแผลเมื่อผ่าตัด เมื่อตัดสินใจแล้วผลของแผลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นจะคงอยู่ตลอดไป ไม่สามารถเรียกเนื้อเยื่อเก่าให้กลับมา หรือ ลบเลือนแผลเป็นที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง (พังผืด) บนผิวหนัง (แผลเป็น) ให้หายไปหมดได้ การผ่าตัดยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ โอกาสมีแผลบนผิวหนังแน่นอน 100% การศัลยกรรมทุกชนิด เป็นเรื่องที่ต้องดูแล และ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติตลอดชั่วชีวิตเหมือนสุขภาพร่างกายของคนเรา วัสดุบางชิ้นไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับเราไปจนตาย อาจต้องมีการเอาออก เอาใส่เข้าไปใหม่ หรือ ถึงช่วงอายุขัยนึง เราอาจจะนำมันออกไปและไม่ใส่เข้าไปใหม่อีกเลย ก่อนตัดสินใจทำอะไรกับชีวิต คุณมีข้อมูลดีพอรึยัง ให้ถามตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความรัก และ ปรารถนาดีอย่างสูง

 erk-erk

 

 

คำตอบอารมณ์ดีจากแฟนเพจ erk-erk.com ที่น่ารัก จากคำถามของเอิ๊ก

” ทำไมถึงอยากตา 2 ชั้นกัน ? “

เพราะเอิ๊กมองว่าจะกี่ชั้นก็สวย คงขึ้นกับความพอใจแต่ละบุคคล

เหมือนสาวสวยคนนี้ตอบ

หรือจะเอาแนวคิดจิตวิทยามาตอบก็ย่อมได้ แฟนคลับเรานี่เก่งจริงๆ

ภาพจาก GOOGLE

 

โหงวเฮ้งของดวงตาสไตล์เกาหลี ..

ตากลมโต : เป็นคนขี้สงสัย มีเสน่ห์และฉลาด แต่ขี้ใจอ่อน

ตาเล็ก : เป็นคนที่ฉลาด มีความพยายามสูง นิสัยเป็นคนตรงไปตรงมา

ตาห่าง : เป็นคนไม่คิดมาก มองโลกแง่ดี

ตาแคบ : เป็นคนคิดมาก ไม่ค่อยกล้าแสดงออก คิดมากจนเกินไปเลยทำให้พลาดโอกาศได้ง่าย

หางตาชี้ขึ้น : เป็นคนฉลาดทำงานเก่ง อายุยืน

หางตาชี้ลง : เป็นคนใจดีไร้เดียงสา อบอุ่น พูดตรง

ข้อมูล STMSTYLE.BLOGSPOT.COM


วันนี้คงเดากันออกแล้วสินะคะว่าบทความนี้จะพูดถึงเรื่องอะไรกัน

” ศัลยกรรมดวงตา ตาโต ตา2ชั้น ตาห้อย ถุงใต้ตา “

ปัญหาที่หลายคนเลือกศัลยกรรมตาทั้งชายและหญิงส่วนใหญ่คืออยากตา 2 ชั้น

เพราะอะไรขอยกตัวอย่างจะเป็นอะไรบ้างไปดูกัน

เท่าที่อ่านมาจะเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ตอบว่าเป็นปัญหา “การแต่งหน้าระดับชาติ ”
ของพวกเธอ เอิ๊กจะบอกว่าตาเอิ๊กก็สองชั้นไม่เท่ากันแหละ ก็มีปัญหา
เลยใช้วิธีแปะสติกเกอร์สองชั้นก่อนนอนเอาให้มันชิน บางคนก็บอกว่า 2 ชั้นจะดูหวาน ดูมีมิติ
ดูแล้วไม่ง่วง ทุกคนมีเหตุผลที่ทำแล้วปัญหาอาจหมดไปได้ทั้งสิ้น
และ อีก 2 สาวอารมณ์ดีที่ตาชั้นเดียว และ ตาชั้นครึ่งเอิ๊กชอบเหตุผลมาก 🙂
ขอบพระคุณทุกความคิดเห็นอีกครั้งค่ะ
การศัลยกรรมดวงตาที่ประเทศเกาหลีจะเกิดขึ้น 4 ส่วนของดวงตา
1] เปลือกตา : ป้องกันอันตรายเข้าตา กระพริบตาให้น้ำในตาชุ่มชื่น
2] กล้ามเนื้อตา : มีหน้าที่กลอกตาไปมาซ้ายขวา หมุนตาเข้าด้านในและออกด้านนอก
3] เนื้อเยื่อตา : เป็นโครงร่างของหนังตา ทำให้หนังตาบนยกปิดเปิดได้ โดยแผ่นหนังตา
4] ถุงไขมันบริเวณดวงตา : ห่อหุ้มอวัยวะและกระดูก ช่วยให้เกิดความความชุ่มชื้นที่ผิวหนัง
ก่อนจะเข้าสู่บทความศัลยกรรมดวงตา การทำตาให้ดูโตขึ้น ดูเป็นสองชั้นของประเทศเกาหลี
อยากย้ำความสำคัญของดวงตาอีกซักรอบนะคะ       
ดวงตา นอกจากจะเป็นหน้าต่างของหัวใจความสำคัญที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ของอวัยวะนี้คือ
เป็นอวัยวะที่สำคัญซึ่งช่วยในการมองเห็นกว่า 70 – 80 % เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับรู้
โอกาสที่ได้เรียนรู้ เรียกว่าประสบการณ์หลายอย่างในชีวิตได้มาจากการมองเห็น
การผ่าตัดศัลยกรรมตา เหมือนผ่าตัดไปแล้วไม่สามารถแก้ไข
ให้กลับมาเป็นดังเดิมตั้งแต่ต้นได้อีีกเลย ดังนั้นอยากให้เข้าใจพื้นฐานการศัลยกรรมดวงตา
ว่าตาแบบเราเหมาะกับการทำศัลยกรรมไหม ด้วยเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมที่หลากหลาย
และขึ้นกับปัจจัยดวงตาของเราด้วย เมื่อก่อนนึกว่าใครจะเดินเข้าไปผ่าตัดศัลยกรรมดวงตา
ใครก็ทำได้ แต่แค่รู้สึกว่าบางคนทำมาแล้วไม่น่ารัก ไม่สวยเหมือนตอนไม่ได้ทำ
เมื่อได้เก็บข้อมูลจึงพบว่า หลักสำคัญอีกอย่างคือ ปัจจัยดวงตาของเรา
 
 

 การศัลยกรรมดวงตามีศัลยกรรมรูปแบบไหนบ้างที่ประเทศเกาหลี

  • ศัลยกรรมทำตาสองชั้น (วิธีการกรีด , วิธีการเย็บ)
  • ศัลยกรรมแก้ไขชั้นตา  (แก้ไขรอยพับชั้นของตา) เช่น ชั้นตาไม่เท่ากัน ตาหย่อนคล้อย
  • ศัลยกรรมการปรับแต่งรูปตา (กรีดเปิดหัวตา & การกรีดเปิดหางตา)
  • ศัลยกรรมฟื้นฟูรูปตา (เย็บกล้ามเนื้อตา)
การศัลยกรรมบริเวณรอบดวงตาที่นิยม
  • ศัลยกรรมกำจัดไขมันบริเวณรอบดวงตา เช่น ถุงใต้ตา ไขมันชั้นตาบน
  • ฉีดเสริมไขมันใต้ตาเติมเต็มร่องลึก
  • ศัลยกรรมลดรอยตีนกา

การศัลยกรรมทำตา 2 ชั้น

การทำตาสองชั้นเป็นการทำให้ความใหญ่ของตาที่แท้จริงออกมา ทำให้ความรู้สึกว่าตาใหญ่ขึ้น เนื่องจากวิธีคือการทำชั้นตาอีกชั้นที่ข้างบนเพื่อดึงให้เห็นดวงตามากขึ้นนั่นเอง 
ก่อนจะทำตาโต ตาสองชั้น ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง ?
  • ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา : คนที่กระพริบตาบ่อย / อาการหนังตาตก / ตาไม่แข็งแรงลืมเปิดกว้างไม่เต็มที่ / ตาดูง่วงนอน / ชั้นตาหย่อนคล้อย
  • ขนาดดวงตาถ้าเล็กมาก : ต้องผ่าตัดที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อตาเท่านั้น ไม่สามารถกรีดหรือเย็บได้ เรียกว่า “การศัลยกรรมฟื้นฟูรูปตา” เช่นทำไปแล้วอาจทำให้ลืมตาได้ไม่เต็มที่เนื่องจากดวงตาค่อนข้างเล็กมาก 

หลักการทำตา 2 ชั้น มี 2 วิธีคือ การกรีดและการเย็บ ส่วนจะเป็นวิธีไหนหนัก มีหลักพิจารณา ตั้งแต่ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตา ความหนาของผิวเปลือกดวงตา ความหย่อนคล้อยของดวงตา ปริมาณไขมันโดยรอบดวงตา ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะกับดวงตามากที่สุด เพื่อจะได้ออกมาสวยงาม และ ใช้งานได้ดีขึ้น 

การกรีดตา

 

การกรีดยังแบ่งได้อีกหลายแบบ แบบที่กรีดยาวทั้งเส้นรอยพับชั้นตา แบบกรีดเฉพาะบางจุด อย่างที่นิยมคือ กึ่งกลางดวงตา ต้องทำเส้นอย่างแม่นยำก่อนแล้วกรีดลงไป ต้องมีความชัดเจนของลายเส้นที่แม่นยำ เนื่องจากเปลือกตามีส่วนประกอบหลายอย่าง

ข้อดี เห็นชั้นตาเป็นลายเส้นสองชั้นชัดเจน และ อยู่เป็นสองชั้นทน 

ข้อด้อย แผลอาจมีขนาดยาวกว่า บางครั้งอาจสังเกตุเห็นรอยกรีดดูแล้วรู้ว่าทำมาได้ อาการบวมยาวนานกว่าจะเข้าที่เป็นธรรมชาติใช้เวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ สำหรับรอยกรีดจะเป็นรอยแดงประมาณ 2-3 เดือน และ ประมาณ 6 เดือน – 1ปี รอยแผลจะจางหายไปหมด

เหมาะสำหรับ : คนที่มีความหย่อนของผิวหนังที่ตา มีความหนาของผิวเปลือกตา และ กล้ามเนื้อตาเยอะ

 

 

 

การเย็บตา

 

การเย็บซึ่งจะแบ่งเย็บเฉพาะจุดที่ต้องการ เย็บเชื่อมผิวของเปลือกตากับเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อตา  ซึ่งวิธีการเชื่อมของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป บางคนอาจเย็บแค่กึ่งกลางตาจุดเดียว หรือ บางคนอาจเย็บหลายจุดก็ได้

ข้อดี ฟื้นตัวเร็ว บวมน้อยกว่า แผลมีขนาดสั้นกว่า อาจสังเกตุไม่เห็นด้วยซ้ำ และ อาการลืมตาไม่ขึ้นก็เกิดน้อยที่สุด 

ข้อด้อย ไม่เหมาะกับคนตาเล็กมาก การเชื่อมติดกันของผิวที่เปลือกตากับเนื้อเยื่อจะค่อนข้างหลวมทำให้คลายชั้นตาออกได้ง่าย

เหมาะสำหรับ : คนที่มีเปลือกตาบาง ไขมันที่เปลือกตาน้อย ความหย่อนของเปลือกตาน้อย  ส่วนใหญ่จะใช้กับผู้หญิงที่ยังอายุน้อยๆอยู่

 

การศัลยกรรมแก้ไขชั้นตา 

จะใช้วิธีเดียวกับการทำตา 2 ชั้น เพื่อทำให้ชั้นตาชัดเจน และ เท่ากัน

ศัลยกรรมการปรับแต่งรูปตา

  • ผ่าตัดเปิดโคนหัวตา
  • ผ่าตัดเปิดปลายหางตา

การศัลยกรรมผ่าตัดเปิดโคนหัวตา

การศัลยกรรมเปิดโคนหัวตา จะผ่าตัดเปิดส่วนโคนหัวตาให้โผล่ออกทำให้ตาดูใหญ่และสวยขึ้น  ลดแรงรั้งของโคนหัวตาไม่ให้ดึงลงมาปิดตาเวลาลืมตา จะใช้วิธีโดยดึงขึ้นไปด้านบน  45 องศา จึงทำให้ส่วนที่เคยปิดกั้นลูกตาดำก็จะหายไป คนที่มีหัวตาเล็ก ตาเล็ก หรือ หัวตาแคบอาจจะถูกใช้โดยวิธีการนี้ หรือบางทีคนที่หนังเปลือกตาลงมาปกปิดบริเวณพื้นที่ตาดำ เวลามองกระจกบางทีอาจจะรู้สึกอึดอัดเวลามอง เป็นการตกแต่งรูปร่างตาเล็กน้อย แต่ได้ตาที่ดูนุ่มนวล ดูสดใสกว่าเดิม

เหมาะสำหรับ : คนที่มีพื้นที่บริเวณช่วงตากว้าง ยกตัวอย่างเช่นคนตาห่าง และ ตามีความกว้างน้อย จะเหลือพื้นที่รอบดวงตาเยอะ จะเหมาะมากสำหรับการศัลยกรรมผ่าตัดเปิดตาแบบนี้  หลังผ่า ก็จะมีรอยแดงๆอยู่ประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆจางลงๆจนมองไม่เห็นในที่สุด

แผลผ่าตัด : ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนัง และ สุขภาพดวงตาของแต่ละบุคคล พบว่าอาจจะมีประมาณ 5-10 เปอร์เซนต์ที่อาจเหลือร่องรอยของแผลเป็นให้เห็น แต่เมื่อเวลาผ่านไปแผลเหล่านั้นก็จะกลายเป็นสีที่กลืนกับผิวไปในที่สุด

 

การศัลยกรรมผ่าตัดเปิดปลายหางตา

แก้หางตาที่ขึ้นสูงโดยการผ่าตัดปลายหางตาให้ลงมาด้านล่าง หรือ คนที่มีดวงตาตก ชี้ต่ำลง ให้เชิดขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อเกิดความสมดุลของรูปตา 

เหมาะสำหรับ : คนที่หางตาเชิดขึ้น หรือหางตาตกลง รวมถึงความกว้างดวงตาค่อนข้างแคบ  หลังผ่าตัด 7วันก็สามารถเอาไหมออกได้เลย

 

 

การศัลยกรรมกำจัดถุงใต้ตา

ตอนนี้กำลังฮิตเลย DOLLY EYES มีนิดหน่อยดูเหมือนตาเยิ้ม (แต่ส่วนตัวไม่มีดีกว่า) คนบางคนก็มีถุงใต้ตาที่แสนน่ารักมาตั้งแต่กำเนิด หรือ บางคนเมื่ออายุเยอะขึ้น ตามวัยก็อาจจะเกิดความหย่อนคล้อยของชั้นผิวหนัง ผิวหนัง จนเกิดเป็นถุงใต้ตาได้ จะเป็นการผ่าตัดเอาเซลล์ไขมันที่บริเวณใต้ตาออกผ่านทางทางเยื่อบุลูกตา จึงทำให้ไม่เห็นร่องรอยของรอยของแผลภายนอกเลย พร้อมกับการเย็บทำให้เยื่อบุใต้ตากระชับแข็งแรงด้วยไปพร้อมๆกัน เป็น ” การศัลยกรรมฟื้นฟูปรับปรุงผิวหนังใต้ตา ” ทำให้ผลลัพธ์อยู่นาน 

ข้อดี ไม่มีแผล เยื้อบุใต้ตากระชับ แข็งแรง ผลอยู่นาน

ข้อด้อย การเอาเซลล์ไขมันออกอาจทำให้ตาดูลึกโบ๋ได้ จึงต้องพิถีถิถันดูปริมาณที่เหมาะสมให้ผิวหนังเรียบเนียนเสมอกัน

เหมาะสำหรับ : คนที่มีถุงใต้ตา หรือ ผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อยมากองอยู่ที่บริเวณใต้ตา

 

ศัลยกรรมการฟื้นฟูดวงตา
การยกเปลือกตาให้สูงขึ้นโดยผ่าแก้ไขตรงกล้ามเนื้อตาเปิด  สำหรับคนตาเล็กมาก เปลือกตาที่ใกล้จะบดบังลูกตาดำ (ปกติกล้ามเนื้อเปลือกตาจะลงมาปิดตาดำแค่ประมาณ 1 มม.) หรือ คนที่ีมีดวงตาเหมือนจะปิดหรือตาดูง่วงตลอดเวลา นั้นคือคนที่มีปัญหาตรงกล้ามเนื้อตาเปิดที่ไม่มีแรงในการลืมตา คนที่มีตาลักษณะแบบนี้มักจะฝืนลืมตาตัวเองให้กว้างเป็นนิสัยบ่อยครั้งจะพบว่าทำให้เกิดรอยย่นที่หน้าผากด้วย การแก้ไขตรงนี้คือ พอแก้ไขกล้ามเนื้อตาถูกยกสูงขึ้นก็ทำให้ดวงตาใหญ่ขึ้นด้วย รอยย่นตรงหน้าผากที่มีก็เลือนไป หรือ มีจางลง  
ข้อดี ปกติหลังผ่าตัดเสร็จก็จะทำให้มองเห็นได้มากขึ้นเป็น 10-20 เท่าตัว 
ข้อด้อย ต้องเปลี่ยนนิสัยหากใครใช้หน้าผากช่วยลืมตา ฝึกอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อการลืมตาจะได้เป็นไปอย่างธรรมชาติ เช่น ไม่เอาคิ้วขึ้นเวลาลืมตา ไม่เงยคางขึ้นเวลามองไปข้างหน้า ไม่หยีตามอง
 
เหมาะสำหรับ : คนที่มีดวงตาแลดูง่วง ดวงตากระพริบถี่บ่อยตลอดเวลา ตาเหมือนไม่มีแรงลืมตา
 

สำหรับกรณีที่มีกล้ามเนื้อตาเปิดที่อ่อนแอ วิธีสังเกตุ 

  • เวลาลืมตาจะมีริ้วรอยแสดงตรงหน้าผาก และคิ้วจะขึ้นไปทุกครั้ง
  • เวลาที่จะมองดูวิวข้างหน้า ก็มักมีอาการเงยคางขึ้น เพื่อที่จะทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
  • ดูเหมือนคนง่วง หรือ คนที่กำลังหน้าบึ้ง ! ทั้งๆที่ทำหน้าปกติ
 
ศัลยกรรมดวงตาประเทศเกาหลีกำลังอยู่ในกระแสที่เน้นออกแบบเพื่อทำดวงตาให้กลมโตแบบตุ๊กตา โดยการศัลยกรรมจะคำนึงถึงรูปตาของคนไข้เป็นหลัก เทคนิคที่ใช้คือ การขยายพื้นที่บริเวณดวงตาทั้ง 4 ทิศ บางคนอาจทำร่วมกับตา2ชั้น เพื่อความกลมโตอย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
4 ทิศทางที่ใช้ขยายพื้นที่ดวงตาได้แก่
  • การขยายโคนหัวตา
  • การขยายปลายหางตา
  • การขยายหนังตาล่าง
  • การขยายหนังตาบน (เย็บ กรีดเพื่อทำตาสองชั้น หรือ เย็บกล้ามเนื้อ ดึงเนื้อเยื่อตาให้สูงขึ้น)
หากศัลยกรรมตา 2 ชั้น ความยาวของตาเพิ่มขึ้น 15% กล้ามเนื้อตาเพิ่ม 25%
หากขยายโคนหัวตา หรือ ขยายปลายหางตา ความยาวของดวงจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% 
หากทำทั้งขยายโคนหัวตา, ขยายปลายหางตา, ขยายหนังตาล่าง และ ทำตา 2 ชั้นพร้อมกัน ดวงตาจะโตขึ้นมากที่สุดประมาณ 75 %
 
 
 

จบวิธีหลักต่างๆที่ประเทศเกาหลีใช้ไป ซึ่งการใช้อาจจะผสมผสานให้เหมาะกับรูปตามากที่สุด ก็ขึ้นกับความหลากหลายทางเทคนิค และ รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์ ที่นี่สำคัญคือ แก้ปัญหาที่เด่นชัดก่อน ออกแบบการศัลยกรรมตาให้เหมาะกับคนไข้ เพื่อการผ่าตัดที่ใช้เวลาไม่มาก พักฟื้นน้อย ไม่มีแผล และ เมื่อเข้ารูปเข้ารอยก็สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนได้จริง พร้อมทั้งมีความเป็นธรรมชาติ

 

ต่อไปเป็นบทสัมภาษณ์นี้เป็นบทสัมภาษณ์คุณหมอ ยู วอน เจ

คุณหมอศัลยแพทย์ดวงตาประจำโรงพยาบาลในเครือสังกัด STMTYLE

แอบกระซิบว่าคุณหมอตาฉ่ำเยิ้มมาก ตายาวเรียวยาวได้รูปมาก (ไม่แน่ใจว่าศัลยกรรมรึเปล่า)


 

ทิศทางการพัฒนาเรื่องศัลยกรรมดวงตาของประเทศเกาหลี ?

การทำตามีหลากหลายรูปแบบ และ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ปัจจุบันที่เน้นที่สุด คือ เรื่องการทำให้เวลาการพักฟื้นน้อยลง ทำให้อาการอักเสบของดวงตาหายเร็วขึ้น

 

ปัญหาสำคัญที่คนทำศัลยกรรมกับคุณหมอคือเรื่องอะไร ?

ป้ญหาการลืมตา – ปัญหาการหลับตา – ปัญหาดวงตาลืมแล้วตาโตไม่เท่ากัน

ปัญหาชั้นตาไม่เท่ากัน – ปัญหาการลืมตาเต็มที่แล้วยังโตไม่เท่ากัน

ปัญหาอาการหนังตาหย่อนคล้อย (ด้วยอายุ) – ปัญหาตาชั้นเดียว

ปัญหาชั้นตาที่ยังไม่ชัดเจนสวยถูกใจพอ – ปัญหาหัวตาแคบไป หรือ กว้างไป

ปัญหาหัวตามีสีไม่สวย

 

การทำศัลยกรรมตาที่ดีที่สุดคืออะไรคะ

การทำอะไรให้มันเหมาะสมกับตัวเอง แก้ไขเป็นเฉพาะรายบุคคลไปให้เหมาะสมกับคนๆนั้นจริงๆ ยกตัวอย่างคนไข้รายนี้

มีความคิดว่าดวงตาตัวเอง อยากผ่าตัดเปิดหัวตาให้กว้างขึ้น เพราะเขาคิดว่าดวงตาอาจจะกลมและเรียวยาวแบบสมดุลขึ้น แต่ในความคิดเห็นของคุณหมอเอง มองว่าไม่จำเป็นเลย สิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับคนไข้รายนี้คือ “ปัญหาการลืมตาได้ไม่เต็มที่ ลูกตาดำถูกหนังตาปิดในปริมาณที่อาจจะทำให้ตาดูไม่สวยเต็มที่ คุณหมอจึงใช้วิธีผ่าตัดเปิดหางตา แล้วก็ใช้ไว้ที่ขยายดวงตายกขึ้นไป และ เย็บทำตาสองชั้น นอกจากจะทำให้ลูกตาดำถูกเปิดเผยออกในปริมาณที่สมดุลแล้ว ตายังดูกลมโต เป็นสองชั้นที่ชัดเจนขึ้น ใบหน้าโดยรวมจึงดูสดใส มีพลังขึ้น คุณหมอจึงบอกว่าทำอะไรทำให้เหมาะกับตนเองดีที่สุด โดยจุดสังเกตุหลัก อาจจะมองหาปัญหาหลักที่แท้จริงก่อน หรือ ถ้าใครบางคนมีสไตล์ดวงตาที่ชื่นชอบก็สามารถนำมาให้คุณหมอวิเคราะห์เพื่อให้คำปรึกษาได้ แล้วก็จะบอกว่าทำได้ไหม หรือ ถ้าทำไม่ได้ คุณหมอก็จะให้เหตุผล พร้อมทั้งแนะนำสิ่งที่เหมาะ และ เป็นธรรมชาติกับตัวเองมากที่สุด

 

เราพอจะได้เห็นภาพก่อนทำไหม ?

อาจจะมีโปรแกรมประมาณการให้ดูคร่าวเป็น 3D ซึ่งอาจจะไม่ได้ตรง 100% และ ภาพที่เห็นอาจไม่ชัด คุณหมอจะใช้วิธีการวาด และ อาจเปิดกรณีตัวอย่างของคนไข้ที่มีปัญหาใกล้เคียงให้ดูแทน

 

สิ่งที่คุณหมอให้ความสำคัญในการผ่าตัดตาคืออะไร ?

การใช้เวลาการผ่าตัดสั้นที่สุด วิธีการผ่าตัดไม่ซ้ำซ้อน และ หายเร็วที่สุด สำคัญที่สุดไม่มีแผล

 

การกรีดตา และ การเย็บตาต่างกันยังไง

ถ้าไม่ได้สังเกตุก็อาจไม่เห็นความแตกต่างของ 2 วิธีการทำตาสองชั้น คือ กรีด หรือ เย็บ สังเกตุก็อาจไม่ชัดเพราะมันจะเป็นแค่เส้นบางบางถ้ากรีด และ ถ้าเย็บมันก็จะมีเหมือนเล็กที่เล็กมาก ไม่สังเกตุก็จะมองเห็นไม่ชัดเลย

 

 

กว่าดวงตาจะสวยเจ็บไหม ?

ถ้าหลับตาแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเนี่ยมันจะเป็นอะไรที่อันตรายมาก เพราะฉะนั้นจะวางยานอนหลับให้เฉพาะช่วงที่มีการเริ่มต้นการผ่าตัด เท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเจ็บปวดแต่หลังจากนั้นด้วยความที่ฤทธิ์ยายังอยู่คนไข้ก็จะไม่เจ็บปวดแต่คนไข้ก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพื่อรับรู้การผ่าตัดอยู่ตลอดเพื่อที่จะได้สื่อสารกับคุณหมอได้

 

การดูแลหลังการผ่าตัด

ควรลืมตาหลับตาเพื่อจะช่วยให้ตาสองชั้นมันเข้าที่ได้เร็วขึ้น

 

คำแนะนำจากคุณหมอในการทำศัลยกรรมดวงตา

เทรนด์และเทคนิคการทำตามีหลายรูปแบบอยากจะแนะนำว่าดีที่สุดคือถ้าคนที่อยากทำตาสองชั้น หรือ ตาโต หรือ อะไรก็แล้วแต่ ให้พบแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความชำนาญในเฉพาะด้านในการศัลยกรรมดวงตาจริงๆ เพื่อปรึกษาหาดวงตาที่เหมาะสมที่สุดให้กับเราจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ อย่างการที่แบบจะไปเลียนแบบใครว่าอยากได้ตาแบบคนนั้นคนนี้บางทีมันอาจจะไม่เข้ากับตัวเราก็ได้

 

ผลข้างเคียงในการศัลยกรรมดวงตา ?

คุณหมอบอกว่าผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุดก็อาจจะเป็นทำออกมาแล้วไม่สวย ” ไม่สวยหมายถึงไม่ถูกใจลูกค้า หรือ ไม่ถูกใจหมอ ” และ คำว่าไม่สวยอาจจะหมายถึงความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้อาธิ เช่น อาจจะทำให้ดวงตาลืมได้ไม่เต็มที่ก็อาจจะเป็นไปได้ หรือ บางคนก็อาจจะมีรอยแผลเป็นที่ทิ้งไว้ซึ่งดูค่อนข้างจะรุนแรงอะไรทำนองนี้ซึ่งก็อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือแม้แต่ในเรื่องของการวางยาในช่วงของขั้นตอนการผ่าตัดนั่นก็ถือเป็นผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้

 

ถ้าการแก้ไขมีปัญหาต้องการผ่าตัดซ้ำ ?

ถามว่าถ้าทำออกมาแล้วไม่ดีแล้วทำใหม่ได้มั้ย คำตอบคือได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่ได้ หรือ ไม่เป็นไปตามต้องการ เช่น ผ่าตัดไปแล้วจะทำให้มันกลับยาวขึ้นมาใหม่เหมือนเดิมมันก็เป็นไปไม่ได้เพราะฉะนั้นถามว่าทำไปแล้วทำอีกเพื่อแก้ไขได้ไหมให้เป็นไปตามที่ต้องการ ตอบว่าได้ แต่ต้องเป็นลักษณะของการแก้ไขได้ด้วย ส่วนมันจะกลับมาดีหรือเปล่าต้องเป็นอีกเรื่องนึง เพราะฉะนั้นดีที่สุดก็คือก่อนจะทำครั้งแรกเลือกให้ดี ตัดสินใจให้ดีก่อน

 

คุณหมอมีประสบการณ์ผ่าตัดศัลยกรรมดวงตามากี่ปีแล้วคะ และทำไมถึงชอบดวงตา

ประมาณ 8 ปี เพราะว่าคุณหมอเคยเจอกรณีที่แบบตาผ่าตัดเท่าไหร่ก็ทำออกมาแล้วไม่สวยซักที คุณหมอก็เลยหันมาสนใจด้วยความคิดที่ว่าเพราะอยากทำตาสวยๆให้คนอื่น คุณหมอก็เลยหันมาสนใจเกี่ยวกับการศัลยกรรมดวงตา แล้วก็เริ่มต้นเรียนอย่างจริงจัง ยิ่งเรียนยิ่งชอบจึงหันมาทำด้านนี้อย่างเต็มตัว

 

ระยะเวลาในการศัลยกรรมทำตา และ ระยะเวลาพักฟื้น

50 นาที – 1 ชั่วโมง อาการบวมหรือช้ำประมาณ 1-2 อาทิตย์ 3-4 สัปดาห์แรกรูปตาจะยังไม่เข้าที่  ต้องใช้เวลาซัก 1-3 เดือน จึงจะเข้าที่เป็นธรรมชาติ  และ หากต้องการแก้ไขชั้นตาใหม่ต้องให้เวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือนก่อนจึงจะศัลยกรรมแก้ไขใหม่ได้

 

ข้อควรระวังก่อนศัลยกรรมตา

1. ก่อนรับการศัลยกรรม 1 สัปดาห์ไม่ควรรับประทานยาที่มีผลต่อการออกของเลือด  อย่างยาแอสไพรินหรือยาที่เร่งการออกของเลือด  ส่วนยาชนิดอื่นก็ต้องลองถามแพทย์ก่อนว่าทานได้หรือไม่

2. คนที่เป็นเบาหวาน หรือรับประทานยาประเภทยาน้ำสเตอรอยด์ หรือยาสมุนไพรอยู่ แผลอาจหายช้าแต่ก็สามารถหายด้วยตัวมันเองได้

3. ในกรณีของท่านที่มีประจำเดือนในวันผ่าตัด  ไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่หากระหว่างผ่าตัดหรือหลังผ่าเสร็จเลือดออกมากก็มีผลทำให้อาการบวมมีมาก และบวมนานได้  หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรจะ เลี่ยงเป็นวันอื่น  

4. ก่อนผ่าตัด 3-4 ชั่วโมง  ให้งดทานของหนักๆ หรืออาจทานได้แต่เป็นของอาหารเบาๆหรือเครื่องดื่ม

5. ในวันผ่าตัดไม่ควรแต่งหน้า หรือแต่งตาหรือทำอะไรกับใบหน้า

6. ในวันผ่าไม่ควรใส่คอนแทกเลนส์เด็ดขาด  ควรเตรียมแว่นมาจะดีที่สุด

 

ข้อควรระวังหลังศัลยกรรมตา

1. สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดสำหรับผู้รับการศัลยกรรม นั่นก็คือ หลังศัลยกรรมควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปในแผล

2. หลังศัลยกรรมทำตาสองชั้น  ควรฝึกการลืมตาเป็นประจำ  เพื่อลดอาการบวม  และช่วยให้ชั้นตาเข้าที่ได้ดี โดยเฉพาะในกรณีการศัลยกรรมฉีกตาให้กว้าง ควรฝึกการลืมตาให้เป็นนิสัย และเอาคางเข้าทุกครั้งที่ลืมตาไม่เผลอยื่นคางออก  

3. หลังผ่าตัด  ควรระวังท่าทางต่างๆที่อาจทำให้เกิดการบวมมากขึ้นเช่น  การก้มคออ่านหนังสือ  การนอนคว่ำ  การเงยหน้า  สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุให้บวมมากได้  ตอนนอนควรหนุนหมอนให้สูง ใช้หมอนสัก2-3ใบจะดี  หากทำได้ดังนี้ก็จะทำให้อาการบวมหายไวยิ่งขึ้น

4. หลังผ่าตัด  ควรประคบเย็นหลังพันผ้าก็อซแล้ว การประคบเย็นทำให้ชะลอการไหลเวียนของเลือดบริเวณเปลือกตา ห้ามการออกของเลือดได้ดีทีเดียว และยับยั้งการเกิดรอยช้ำ หรืออาการบวมได้ การประคบเย็น แรกเริ่มควรทำ 2-3 วันก่อน หลังจากนั้นนับไป 2 อาทิตย์ก็ควรทำการประคบร้อน เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือด จะลดการบวมในส่วนที่เราผ่าตัดได้

5. หลังผ่าตัด ประมาณ 50 % ซ้ายขวาจะดูต่างกัน  90%  มาจากอาการบวมที่เกิดขึ้น  ต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเข้าที่  เพราะฉะนั้นเวลาดูกระจกก็ควรใจเย็น อย่าพึงใจร้อน  

6. ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวดแก้อักแสบ  ยาช่วยย่อยต่างๆควรทานตามที่แพทย์สั่งไว้อย่างเคร่งครัด  หลังอาหาร 30 นาที ในช่วง 5 วันแรก  

7. การใส่คอนแทกเลนส์ควรหลีกเลี่ยงประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการผ่าตัดแต่ละวิธีด้วย(เพื่อเลี่ยงอาการอักแสบของดวงตา) ควรใช้แว่นแทนไปก่อน

 

 

 

ส่วนตัวคิดว่าได้ความรู้มาก ปกติ เคยเข้าใจมาตลอด ตาสองชั้น แค่ กรีด หรือ เย็บก็จบ

ตอนนี้ตาไม่เท่ากันแต่ก็ไม่ได้คิดจะทำ เพราะคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหากับชีวิต คุณหมอก็น่ารัก

กันเองแม้จะคุยกันไม่ได้โดยตรงแต่ก็ยิ้มให้ข้อมูลตลอดเวลา ส่วนตัวคิดว่าข้อดีคือ

การศัลยกรรมดวงตาที่ประเทศเกาหลีค่อนข้างให้ความใส่ใจกับสรีระดวงตาคนมาก

และ ปัญหาหลักที่เกิดกับบุคคลนั้นจริงๆ เช่นการลืมตาได้ไม่เต็มที่

เพราะเคยเห็นคนไทยบางคนทำมาตาดูเหมือนจะหลับ ตอนไม่ทำสวยกว่ามาก

บางคนก็แผลชัดจริงๆเลย บอกตรงๆเลยเป็นความกังวล กลัว และ ไม่กล้าทำ

ส่วนข้อด้อย แน่นอนทำที่นู่น ถ้ามีปัญหาก็ลำบากแก้ อ่านไว้เป็นข้อมูลนะคะ

เรื่องนี้เอิ๊กไม่มีประสบการณ์ แต่เท่าที่ฟัง ศิลปะการศัลยกรรมเขาค่อนข้างละเอียดทีเดียว

บทความหน้ามาเจอกันกับการเหลาหน้าเรียว

XOXO

 

 

ข้อมูลและรูปภาพ

  • เครดิตหลัก STMSTYLE กฎหมายลิขสิทธิ์เขาค่อนข้างจริงจัง แชร์ได้นะคะ แต่รบกวนอย่า COPY ทั้งรูปภาพและบทความนะคะ เป็นห่วง 🙂

ข้อมูลเขาแน่น และ เปิดโลกมากกับการศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี

  • เครดิตรอง GOOGLE
  • เครดิตสุดท้าย ประสบการณ์ตัวเองที่ไปฟัง และ ไปเห็นรูปผลงานมา ไม่เคยทำ ^^

Posted in SURGERYComments (2)

การทำจมูกที่ประเทศเกาหลี กับ STMSTYLE

คำเตือน เนื่องจากเนื้อหาอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการตัดสินใจกระทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ (ศัลยกรรม) ขอแสดงความรับผิดชอบในเนื้อหาด้วยการบังคับให้ทุกคนอ่านคำเตือนก่อนทุกครั้ง การทำศัลยกรรมที่เป็นการผ่าตัดทุกชนิด จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อในร่างกาย เกิดบาดแผลเมื่อผ่าตัด เมื่อตัดสินใจแล้วผลของแผลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นจะคงอยู่ตลอดไป ไม่สามารถเรียกเนื้อเยื่อเก่าให้กลับมา หรือ ลบเลือนแผลเป็นที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง (พังผืด) บนผิวหนัง (แผลเป็น) ให้หายไปหมดได้ การผ่าตัดยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ โอกาสมีแผลบนผิวหนังแน่นอน 100% การศัลยกรรมทุกชนิด เป็นเรื่องที่ต้องดูแล และ สังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติตลอดชั่วชีวิตเหมือนสุขภาพร่างกายของคนเรา วัสดุบางชิ้นไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่กับเราไปจนตาย อาจต้องมีการเอาออก เอาใส่เข้าไปใหม่ หรือ ถึงช่วงอายุขัยนึง เราอาจจะนำมันออกไปและไม่ใส่เข้าไปใหม่อีกเลย ก่อนตัดสินใจทำอะไรกับชีวิต คุณมีข้อมูลดีพอรึยัง ให้ถามตัวเองอยู่เสมอ

ด้วยความรัก และ ปรารถนาดีอย่างสูง

 erk-erk

บล็อคนี้คงเป็นที่รอคอยของใครหลายคน อันดับ1ที่คนไทยนิยมทำมากที่สุด

นั่นก็คือ ” จมูก “ ก่อนจะทำอะไรทุกครั้งกับอวัยวะในร่างกาย เอิ๊กอยากให้ทุกคนเข้าใจ

ว่าแต่ละอวัยวะนั้น หน้าที่ที่แท้จริงของมันเอาไว้ทำอะไร ?

 

จมูก ความสำคัญสูงสุดสำหรับร่างกายเรา คือ การหายใจเข้าออก เพื่อให้มีชีวิตอยู่

เพื่อดมกลิ่น เพื่อปรับอุณหภูมิ กรองอากาศ ฯลฯ

นี่คือความเป็นจริงในหน้าที่ของจมูกมนุษย์แต่ละคน

[ ภาพ : Google ]

  ภายในจมูกมีโครงประกอบทั้งกระดูกแข็งและกระดูกอ่อนโดยมีเมือกด้านใน

ภายนอกห่อหุ้มด้วยผิวหนังที่ทำหน้าที่ปกป้องสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย

ส่วนประกอบหลักที่สำคัญของจมูก

1. สันจมูก กระดูกอ่อนที่มีเนื้อเยื่ออยู่ภายใน

2. ดั้งจมูก ซึ่งเป็นกระดูกแข็งที่อยู่บนสุดเหนือสันจมูก

3. รูจมูก 2รู ทำหน้าที่สำคัญที่สุดในระบบทางเดินหายใจ

4. โพรงจมูก จะมองเห็นผ่านรูจมูกเข้าไป นอกจากจะเป็นช่องทางเดินอากาศเวลาหายใจเข้ามาแล้ว ยังมีหลอดเลือดฝอยอยู่มากมาย มีปลายประสาทรับกลิ่น ถ่ายเทความร้อนภายในร่างกาย และ เชื่อมต่อกับท่อน้ำตาของมนุษย์

สิ่งหนึ่งที่เราอาจปฏิเสธไม่ได้

ว่าจมูกเป็นตัวแปรสำคัญบนใบหน้าในเรื่องของมิติบนใบหน้า บางคนก็ว่าเป็นโหวงเฮ้ง

เป็นเรื่องของดวง หรือ แม้แต่สามารถบ่งบอกชะตาชีวิตในช่วงชีวิตหนึ่งได้

หรือ ที่สุดยิ่งกว่านั้นในความโชคดีเรื่องศัลยกรรมจมูก บางคนเปลี่ยนชีวิตไปเลย

กลายเป็นคนนึงที่มีโชคดีอยู่เสมอแก่ผู้พบเห็นในการเป็น FIRST IMPRESSION

แปลเป็นไทยประมาณว่า “ถูกชะตา ต้องตา” เกิดความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น

เพราะมนุษย์เรามักตัดสินกันด้วยการมองเห็นเพียงไม่กี่วินาทีแรก

บล็อคนี้เป็นอีกความรู้นึงในแขนงศัลยกรรมที่เอิ๊กต้องขอออกตัวเหมือนเช่นเคยว่า

การทำศัลยกรรมทุกประเทศมีจุดเด่น มีความสวยงาม และมีเทคนิคที่ต่างกัน

วันนี้จะมาพูดการทำศัลยกรรมจมูกที่ประเทศเกาหลี ไม่ใช่แค่สไตล์เกาหลี

แต่เป็นบทความที่สัมภาษณ์และมีข้อมูลเป็นของประเทศเกาหลีจริงๆ จากแพทย์ชั้นนำ

ของ STMSTYLE ซึ่งมีประสบการณ์เกือบ 20 ปีแล้ว ทำให้ดาราเกาหลีมาเยอะมาก

คนไข้ไม่ต่ำกว่า 20,000 คน และ โค ตะ ระ แพง ทำไมแพงจัง

มันมีเหตุผลที่ทำให้คนยอมจ่าย เพราะความแพงนอกจากค่าตัวหมอ ยังอยู่ที่วัสดุด้วย

ฟังแล้วตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใกล้ชิด

กับคุณหมอคิวทอง และ เป็นมือศัลยกรรมอันดับต้นๆของประเทศเกาหลีอย่าง

คุณหมอ ปาร์ค ยัง ซู

ต่อไปจะเป็นสัมภาษณ์ระหว่างคุณหมอ ล่าม และเอิ๊กนะคะ

บางส่วนดัดแปลง ต่อเติมจากข้อมูลวิชาการต่างประเทศทางตะวันตกประกอบ

เพื่อความเข้าใจง่ายขึ้น แต่ชัดเจนทุกประเด็น และ ใส่ความรู้สึกเอิ๊กลงไปเพื่อ

อรรธรสในการอ่านแต่ได้รับความรู้เต็มเปี่ยมไม่บิดเบือนความจริง

สไตล์ erk-erk เหมือนเดิม

 

จุดเริ่มต้นในการทำศัลยกรรมจมูกต้องคำนึงถึงอะไรก่อน

นอกจากความจำเป็นจริงๆทางร่างกาย เช่น มีความผิดปกติทางจมูกทำให้หายใจไม่สะดวก ก็อาจจะมาจากการแก้ไขความไม่สมดุลของจมูกที่มีมาแต่กำเนิดยกตัวอย่างรูปทรงจมูกไม่เท่ากัน เช่น จากการมีความผิดปกติเรื่องปากแหว่ง เพดานโหว่ และ สุดท้ายเหตุผลที่คนนิยมทำกันคือ ปรับรูปจมูกให้มีมิติ มีรูปทรงที่โดดเด่นสวยงาม รับกับรูปหน้า ทำให้ภาพรวมบนใบหน้าดูสมดุล และ สวยงามขึ้น สำหรับประเทศเกาหลีจะคำนึงถึงขีดจำกัดของจมูกแต่ละคน คือ

  1. ความสูงต่ำที่เหมาะสมของดั้งจมูก 
  2. ความหนาบางของผิวหนัง
  3. ความกว้างของสันจมูก 
  4. สภาพของจมูกเดิม 
  5. ความโค้งเว้าของหน้าผาก
  6. ความสมมาตรรูปทรงจมูกทั้งด้านซ้ายและขวา
  7. สันจมูกต้องตรง ไม่เบี้ยวหรือ คดงอ
  8. สัดส่วนความยาวจมูกต้องเป็น 1/3 ต่อความยาวของใบหน้าทั้งหมด
  9. ริมฝีปากกับปลายจมูกต้องทำมุมกันประมาณ 95-105 องศา แต่ในทางทฤษฎี
  10. รูปจมูกต้องเข้ากับรูปหน้าของแต่ละคน
  11. ขนาดของจมูกที่สวยงาม
  12. การคงรูปไว้ไม่ให้รูปทรงเปลี่ยนหลังผ่าตัด
  13. ต้องไม่ทำให้เกิดริ้วรอยหลังการผ่าตัดอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างบน
  14. การทำศัลยกรรมจมูกควรทำหลังจากเรามีอายุ 17-18 ปีขึ้นไป เพราะการเจริญเติบโตของกระดูกเต็มที่

 

วิธีการผ่าตัดเสริมจมูกทั้งหมดที่ประเทศเกาหลี

การศัลยกรรมจมูกให้ได้ผลออกมาดี มีองค์ประกอบ 2 ส่วนสำคัญ คือ บริเวณดั้งจมูก ซึ่งนิยมวางซิลิโคนเนื่องจากเป็นส่วนที่ไม่ต้องขยับ และ บริเวณปลายจมูก ซึ่งนิยมวางด้วยกระดูกอ่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมชาติ ขยับไปมา บิดได้เหมือนเสมือนของจริง

ในกรณีที่ไม่ต้องแก้ไขอะไรจะใช้วิธีการผ่าตัดเข้าไปข้างในรูจมูก

การผ่าตัดที่ต้องแก้ไขกระดูกหรือมีปัญหาจะใช้วิธีการต้องผ่าเข้าทางเปลือกผิวหนังสุดปลายจมูกแทน (บริเวณที่ตั้งของรูจมูกทั้งสองข้าง)

 

 

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกอาจใช้ผสมผสานกัน หรือ วิธีเดียวก็ได้ขึ้นกับสรีระคนไข้

  • ใช้จากร่างกายตนเอง เช่น กระดูกอ่อนของตนเอง ไขมันตนเอง

ข้อดี ธรรมชาติใช้ของในร่างกายตนเอง ร่างกายยอมรับ ไม่เกิดการต่อต้าน หรือ ติดเชื้อแทบไม่มี

ข้อเสีย อาจทำให้มีแผลเป็นเล็กๆตามร่างกายที่ถูกนำกระดูกออกมาใช้เช่นหลังใบหู หรือ บริเวณที่ดูดไขมันออกมา

  • ใช้วัสดุเทียมที่ปลอดภัยต่อร่างกาย เช่น ซิลิโคน กระดูกอ่อนเทียม

ข้อดี ไม่เจ็บตัว ไม่มีแผลในส่วนอื่นของร่างกาย

ข้อเสีย สิ่งแปลกปลอม คือ สิ่งแปลกปลอม ถ้าเกิดการอักเสบติดเชื้อ ต้องนำออกทันที

* การผ่าตัดจะเกิดขึ้นและวางวัสดุบริเวณใต้เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ห่อหุ้มกระดูก

 

1. ซิลิโคน

เป็นซิลิโคนแบบนิ่ม หรือ SOFT SILICONE

ข้อดี ผ่าตัดได้ง่าย ทำให้ผิวเนียนเรียบ เหลาสั้น ยาว รูปทรง สัดส่วน ปรับเปลี่ยนได้ง่าย เช่น เหลาผิดจากด้านนอกก็ทิ้ง เหลาอันใหม่ได้ต่อ แก้ไขหรือเอาออกก็สามารถแก้ไขได้ง่าย ถึงใส่เข้าไปแล้ว ไม่พอใจก็ถอดทิ้ง เหลาทรงใหม่เข้าไปใหม่ได้ เวลาเหลาจะใช้กรรไกรผ่าตัดเหลา โอกาสทะลุไม่มีเพราะนิยมวางไว้ส่วนกระดูกแข็งหรือบริเวณดั้งจมูก ไม่ใช้กับบริเวณปลายจมูก

 ข้อเสีย ถ้าใส่สูงเกินไปแล้วทำให้ผิวหนังที่ห่อหุ้มมันบาง จะทำให้เห็นความเป็นเงาของซิลิโคน สังเกตได้เลยถ้าเห็นจมูกเงาใส และถ้าใส่สูงเกินไปจนผิวบางก็ทะลุได้เช่นกัน

 

2. กระดูกอ่อน

กระดูกอ่อนในโพรงจมูกจากผนังที่กั้นระหว่างรูจมูก หรือ กระดูกอ่อนหลังหู หรือ กระดูกอ่อนตรงซี่โครงแทนได้ในบางกรณีจำเป็น ถ้าเน้นเสริมตรงปลายจมูกจะใช้กระดูกอ่อนหลังหู  ถ้าเกิดอยากยกจมูกให้สูงขึ้นจะใช้กระดูกอ่อนในโพรงจมูก

 ข้อดี กระดูกอ่อนที่ใช้เสริมปลายจมูกจะทำให้จมูกขยับ บิดได้อย่างเป็นธรรมชาติ โอกาสทะลุไม่มี ผิวหนังไม่เงา กระดูกอ่อนไม่เสื่อมตามอายุ เหมือนกระดูกแข็งที่อาจจะมีบ้างเวลาที่เราอายุมากขึ้น แต่รูปทรงในส่วนกระดูกอ่อนจะไม่เปลี่ยน 

 ข้อเสีย การผ่าตัดซับซ้อน แพงกว่าซิลิโคนหลายเท่า ถ้าผ่าหลังใบหูอาจมีแผลเป็นเล็กๆ ถ้าทำโดยไม่เชี่ยวชาญ ตัดแล้วเหลาทรงผิด ต้องตัดเหลาใหม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงจมูกที่เรียกคืนไม่ได้ตลอดกาลหากเลือกตัดกระดูกภายในโพรงจมูก ข้อนี้สำคัญมากต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการศัลยกรรมจมูก และ กระดูกในจมูกจริงๆ การเปลี่ยนแปลงอาจทำได้ไม่มากครั้งเทียบเท่าซิลิโคนที่บางคนอาจทำได้มากกว่า 20-30ครั้ง แต่การตัดกระดูกอ่อนจริงๆออกไป กระดูกจริงเราจะไม่สามารถงอกกลับมาเหมือนเดิม

 

3. กระดูกอ่อนเทียม

ควรได้จากการเพาะเลี้ยงปลูกเซลล์เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนที่อาจจะได้มาจากบริเวณข้อต่อของกระดูกมนุษย์

ข้อดี ขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติ โอกาสทะลุไม่มี ผิวหนังไม่เงา กระดูกอ่อนเทียมไม่เสื่อมตามอายุรูปทรงจะไม่เปลี่ยน

ข้อเสีย โค ตะ ระ แพง บางที่อาจเป็นการใช้วัสดุที่มีเทคนิควิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เข้ามา รวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูงในการเพาะเนื้อเยื่อสร้างชิ้นงานวัสดุเทียมขึ้นมา

 

4. ฉีดไขมันตัวเอง

ดูดเซลล์ไขมันคุณภาพมาจากไขมันส่วนเกินในร่างกายตัวเอง เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา มาฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไม่มากของรูปทรงจมูก

ข้อดี ไม่ต้องผ่าตัด มักใช้กับจมูกที่เล็กหรือแคบอยู่แล้ว อาจจะใช้เติมเต็มให้ดูอวบอิ่ม หรือ สูงขึ้นเล็กน้อย ให้ความเป็นธรรมชาติสูง ฟื้นตัวเร็ว ราคาถูกกว่าวิธีอื่นมาก

ข้อเสีย อยู่ได้ไม่นาน เฉลี่ย 24 เดือน 

 

เทคนิคที่นิยม ณ ประเทศเกาหลีในการศัลยกรรมจมูก

เทียบกับเทคนิคเมื่อก่อนของประเทศเกาหลี คนจะนิยมใส่ซิลิโคนยาวตั้งแต่สันจมูกด้านบนลงมาถึงปลายจมูก เพื่อให้จมูกดูโด่งกว่า ซึ่งมันจะดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนไปโดยใช้ซิลิโคนสั้นลง เพื่อความเป็นธรรมชาติมากขึ้นโดยส่วนใหญ่ในการผ่าตัดปกติเป็นการผสมผสานระหว่างซิลิโคน และ กระดูกอ่อน โดยช่วง ดั้งจมูกด้านบนเราจะวางด้วยซิลิโคนสั้นเพราะเป็นส่วนที่เป็นกระดูกแข็งและธรรมชาติไม่ได้มีการขยับเขยื้อนอยู่แล้ว ส่วนสันจมูกยาวลงมาถึงปลายจมูกจะวางด้วยกระดูกอ่อนของเราที่ถูกเหลาและกรีดเย็บเก็บปลายจมูกให้ดูยาวเล็กเรียว หรือ ตามแบบที่เราชอบให้เหมาะกับสัดส่วนบนใบหน้าของเราอย่างเป็นธรรมชาติโดยสามารถขยับ บิด ดันได้เหมือนของจริงเกือบ 100% เรียกได้ว่าแผลเป็นไม่มี ถ้าไม่บอกก็อาจจะไม่มีใครรู้ ยกเว้นคุณหมอศัลยกรรมที่เชี่ยวชาญเรื่องจมูกเท่านั้นที่จับแล้วจะรู้ ส่วนใหญ่จะเข้ารูปหลังจาก 3 เดือนขึ้นไป

 

เสริมจมูกให้สวยตามใจฉัน

หลายคนคงมีข้อสงสัย จะเป็นไปได้ไหมที่จะเอาแบบจมูกไม่ว่าจะจากดารา หรือ คนที่ชื่นชอบไปวางแล้วให้หมอเนรมิตให้เหมือน คุณหมอตอบว่า ขึ้นกับข้อจำกัดของจมูกแต่ละคน แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณหมอรู้ทิศทางความปรารถนาของคนไข้ จะทำให้เป็นไปในทิศทางนั้นแต่เป็นในแบบฉบับที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด เท่าที่เราจะเป็นได้

 

เห็นภาพก่อนตัดสินใจ

ด้วยความแพง แน่นอน ส่วนหนึ่งแพงด้วยความล้ำทางเทคโนโลยีของเกาหลี (นิสัยตรงนี้ของเอิ๊กเหมือนเกาหลี) ตรงที่ว่าเลือกเทคโนโลยีล้ำสุดมาใช้ในงาน แม้แพง แต่คุณภาพ และ ผลมันเห็นได้เยอะกว่า หลายมุมมอง อยากเห็นภาพก่อนศัลยกรรมแปลงโฉมดั้งใหม่ ก็มีโปรแกรมหลายตัวที่เกาหลีใช้ หลักๆก็จะเป็นโปรแกรมที่มองเห็นภาพเป็นแบบสามมิติ แสดงให้เห็นถึงโครงหน้าที่สามารถวิเคราะห์อธิบายได้ว่า จุดไหน ควรแก้ หรือ เสริมตรงไหน ทำออกมาแล้วจะเป็นยังไงแบบเป็นการคาดคะเน ผลก็จะค่อนข้างใกล้เคียง  (อยากเล่น แต่วันนั้นหมอไม่ว่างสั่งให้พยาบาลเปิดเครื่องให้เล่น ไม่งั้นจะถ่ายรูปมาให้เห็นหน้าค่าตากัน และ คงเล่าได้มันส์กว่านี้)

 

ตัวอย่างการวิเคราะห์ด้วยตาของคุณหมอปาร์คกับจมูกมาดามเมิ๊ก

 

 

ทุกๆคนจะมีกระดูกดั้งจมูกเพื่อทำให้ใบหน้าดูนุ่มนวล แต่ของเอิ๊กหักยุบลงไปบางคนเรียกว่า “ฮัมพ์” [NASEL HUMP] ออกเสียงดีดีนะ (อ่านว่า ฮั๊ม!) และจมูกสวยงามได้รูปแบบธรรมชาติ อาจจะแนะนำให้กรอกระดูกตรงนี้ให้เรียบเสมอกันเวลามองด้านข้างจะเป็นเส้นตรง ด้วยเนื้อปลายจมูกที่อวบ อาจจะทำให้เล็กเรียวลง โดยเพิ่มความสูงด้านบนนิดหน่อย จมูกจะดูเรียวเล็ก และ ใบหน้าดูสวยชัดเจน นุ่มนวลขึ้น และยังคงมีความเป็นธรรมชาติ (แอบคิดในใจถ้าทำคงเป็นฝรั่งไปเลย อิอิ อยากสวยแต่ไม่พร้อมเจ็บ และ ยังรักในหน้าตัวเองอยู่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนแฟน เอ้ย เปลี่ยนแปลง ฮ่า ฮ่า)


จมูกดี ดวงดี เชื่อไหมคะ ?

คุณหมอบอกว่าเป็นเรื่องของแต่ละคนแต่ละชาติ เชื่อไม่เหมือนกันเลย เช่น คนจีน จะชอบจมูกที่ยาวลงมา คนเกาหลีก็จะชอบที่สั้นลงไปนิดนึง จะไม่ตกลงมาเหมือนคนจีน อย่างคนเกาหลีเชื่อว่าถ้าปลายจมูกยาวลงมาจะมองกันว่าเป็นคนแข็งและดูเหมือนโชคไม่ดี คนตะวักตก เช่น ชาวยุโรป จะชอบให้จมูกเล็กลง คุณหมอจะดีไซน์ตามใจแต่ละคน แต่ละชาติมากกว่า ในความเห็นส่วนตัวของตัวเองสังเกตุถ้าจะดูดวงจริงๆ จีน กับ เกาหลี ความเชื่อขัดกัน 100% แต่ทั้งสองประเทศก็มีคนดัง มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จมากมาย มันเป็นเพราะอะไร รูปลักษณ์อาจจะเป็นส่วนหนึ่งแต่สุดท้าย อยู่ที่การกระทำ ความสามารถที่แท้จริง ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชนมากกว่า อยากให้คิดตามจุดนี้ในเรื่องของดวง แต่เอิ๊กไม่ลบหลู่ความเชื่อใครนะคะ เพียงแต่เลิกดูดวงมา 4-5 ปีชีวิตพุ่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับ สมองที่เต็มไปด้วยพลังบวก สำคัญคือเอิ๊กลงมือทำ เลยเป็นอีกความเชื่อนึง คือ เชื่อในพลังข้างในตัวเอง

 

 

การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมจมูก

  • เตรียมใจ เตรียมตังค์ เตรียมดูดีขึ้น(ในแบบตัวเอง) ฮ่าฮ่า
  • อดอาหารก่อนผ่าตัด 3 ชั่วโมง
  • ถอด สร้อยคอ, แหวน, ตุ้มหู, และเครื่องประดับต่างๆ ออกให้หมดก่อนเข้าห้องผ่าตัด
  • ล้างยาทาเล็บที่เล็บมือ และเล็บเท้าออก
  • ก่อนการผ่าตัด 2 อาทิตย์ หยุดทานยาประเภทพวกแอสไพริน 
  • กรณีทานยาประเภท ยาไทรอยด์, ยาประเภทกรดวิตามินเอ, ยาคุมกำเนิด, ยาความรักษาความดันโลหิตสูง, ยาละลายไขมันในเส้นเลือด, ยารักษาโรคเบาหวาน ให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัว ในการใช้ยาล่วงหน้าก่อน
  • หากมีอาการแพ้ ยากิน , ยาทา, หรือยาฆ่าเชื้อต่างๆ กรุณาบอกล่วงหน้าก่อน
  • ช่วงก่อนการผ่าตัด 2 อาทิตย์ ควรงดสุราและ บุหรี่

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมจมูก
  • การประคบอุ่นและเย็นในช่วง1-2วันแรก อุ่นช่วยลดอาการช้ำ เย็นช่วยลดอาการบวมไม่ให้เพิ่มมากขึ้น อาการบวมชำจะค่อยๆลดลงไปภายในประมาณ 5 วัน
  • พักฟื้น 1 สัปดาห์ บวมอักเสบ 3 สัปดาห์ จมูกเข้าที่ประมาณ 3 เดือน
  • ห้ามใส่แว่นซักระยะ จนกว่าจะไม่เจ็บจมูกแล้ว
  • ดูแลความสะอาดแผล โดยห้ามน้ำโดนแผลจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
  • อย่านอนคว่ำ นอนหมอนสูง 2 สัปดาห์แรกเพื่อลดการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้า
  • ไม่ก้มหน้าอ่านหนังสือ 2-3 สัปดาห์
  • ออกไปเดินเล่น ขยับร่างกายบ้างจะทำให้แผลหายไว
  • งดดื่มแอลกอฮอล์หลังผ่าตัด 2-3 อาทิตย์
ขอถามประสบการณ์ศัลยกรรมคุณหมอว่าทำมานานแค่ไหน ?
คุณหมอบอกว่า ไม่นับเป็นปีนับเป็นเคสคนไข้ผ่าตัดดีกว่า ประมาณ 20,000 เคส (เท่าที่ทราบภายหลังคือคุณพ่อ เอ้ย คุณหมอศัลยกรรมจมูกมาประมาณเกือบ 20 ปีแล้ว)
ค่าใช้จ่ายที่แรงไม่แพ้คุณภาพของงาน
ค่าความดังและประสบการณ์คว่ำหวอดของหมอ ค่ายา ค่าผ่าตัด ค่าเทคโนโลยี ค่าวัสดุ ขึ้นกับสรีระคนไข้ เฉลี่ย 170,000 – 250,000 บาท อาจจะถูกหรือแพงกว่านี้ขึ้นกับปัญหาที่น้อยหรือมากในการแก้ไข ศัลยกรรม ตกแต่ง

 อ่านบมสัมภาษณ์ของหมอที่เอิ๊กได้ไปสัมภาษณ์โดยมีล่ามแปลอีกต่อนึงกันไปแล้ว

ขอมอบบทส่งท้ายพิเศษข้อมูลจาก STMSTYLE ให้อ่านไว้ประดับความรู้

เรื่องศัลยกรรมจมูกเพิ่มเติม

มีตังค์แต่ทำจมูกไม่ได้ ใครบ้างห้ามเสริมจมูก

  • ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้รุนแรง ซึ่งมีน้ำมูกไหลตลอด : อาจทำให้แผลผ่าตัดติดเชื้อได้
  • ผู้ที่มีเลือดออกผิดปกติ หรือเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ : อาจทำให้เกิดอาการเลือดไหลไม่หยุด
  • ผู้ที่ชอบเล่นกีฬาที่มีการกระทบกระเทือนซึ่ง : อาจทำให้เกิดการกระแทกอย่างรุ่นแรง
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีภาวะภูมิต้านทานต่ำ : เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์

เทคนิคศัลยกรรมจมูกที่ประเทศเกาหลีมีกี่วิธี

ที่แน่ๆมากกว่า 50 เทคนิค

ศัลยกรรมจมูกแค่ทำให้โด่งได้อย่างเดียวใช่ไหม

ตกแต่ง แก้ไขปัญหาอื่นได้เช่น จมูกสั้น จมูกรั้นร่นขึ้นไป ก็ทำให้ยาว เรียวลงมาได้ จมูกยาวไปก็ทำให้สั้นได้ หรือ มีความผิดปกติของกระดูกก็สามารถแก้ไขได้ หรือ จมูกแหว่งชิ้นเนื้อหายไปก็ตกแต่งให้เต็มเท่ากันได้ อะไรที่เกี่ยวกับจมูก กระดูกจมูกทำได้ ..

การเฝ้าระวังหลังศัลยกรรมตลอดชีวิต

อย่าคิดว่าทำแล้วจบ การศัลยกรรมที่มีสิ่งแปลกปลอม เช่นซิลิโคนแม้จะปลอดภัยก็ติดเชื้อได้หากดูแลไม่ดี หรือ เกิดภาวะภูมิคุ้มกันในร่างกายบางส่วนบกพร่องทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น อยู่ๆเป็นภูมิแพ้อากาศขึ้นมากระทันหัน ชอบแคะขี้มูก นิ้วก็เอาเชื้อโรคเข้าไปติด ติดเชื้ออีก 

  • หากพบอาการผิดปกติ หรือเห็นขอบจมูกเริ่มชัดเจนขึ้น รีบพบแพทย์ทันที หรือแผลหดรั้ง บางรายแผลรั้งจนจมูกเชิด 
  • รู้สึกว่าเริ่มเสี่ยงต่อการติดเชื่อ รวมถึงการเกิดอาการแทรกซ้อน อาจป้องกันด้วย การรักษาความสะอาดของทางการแพทย์ การดูแลผิวหนังที่ได้รับการผ่าตัด ทั้งด้านในและด้านนอกของจมูก และผิวหนังบริเวณรอบๆ 
  • หากเกิดอาการติดเชื้่อบริเวณที่ใส่ซิลิโคนเข้าไป ควรรีบเอาซิลิโคนออก และ ทิ้งระยะเวลาให้ร่างกายได้ปรับตัวก่อน 3-6 เดือน หรือ 1 ปีขึ้นไป
  • อาการอักเสบหรืออาการติดเชื้อไม่สามารถหายไปเองได้ หากยังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในร่างกาย ยิ่งทิ้งไว้นาน เนื้อเยื่อในร่างกายยิ่งถูกทำลาย จนยากที่จะแก้ไขให้ดีได้เหมือนเดิม
  • อาจเกิดการเอียงได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างฐานจมูกที่เอียงมาก่อนแล้ว หรือเกิดจากการเหลาที่ไม่สมมาตรของแพทย์ หรือทำโดยฝืนเนื้อเยื่อของผิวหนังมากเกินไป หากทางแพทย์เห็นแล้วว่าเอียง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด การรีบแก้ไขให้ทันภายในระยะเวลาแรกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากทิ้งระยะเวลานาน อาจจะทำการแก้ไขได้ยากกว่าเดิม

อะไรเอ่ยกินเข้าไปแผลหายไว

จะบอกว่าเอิ๊กผ่าตัดใหญ่ แต่อยากอวดว่าหมอชมว่าไม่มีอาการบวมใดใดทั้งสิ้นให้เห็นภายนอกเลย เป็นปกติทุกอย่าง เพราะอาหารเขาก็มีส่วนช่วยมากๆ มาดูกันดีกว่าเอิ๊กทานอะไรบ้าง

  • โจ๊กฟักทองที่ปั่นละเอียดจนเป็นเสมือนน้ำฟักทอง อุดมไปด้วยวิตามิน A ปริมาณ ช่วยขจัดสิ่งสกปรก ต่อต้านการติดเชื้อ และช่วยลดอาการบวมได้เป็นอย่างดี 
  • สาหร่ายเคลป์หรือสาหร่ายทะเลต่างๆ เพราะสาหร่ายเป็นอาหารที่มีเส้นใย แร่ธาตุและแคลเซียมจำนวนมากทำให้ระบบการดูดซึมออกซิเจนของร่างกายทำงานเป็นปกติซึ่งช่วยทั้งทำให้ร่างกายอบอุ่นและช่วยลดการบวมช้ำได้
  • ถั่วดำ เพราะถั่วดำมีคุณสมบัติเป็นอาหารที่สามารถขับพิษในร่างกายผ่านทางการขับถ่าย
  • จำได้ว่าซุปผัก ผักดอง ผัก ผัก ผัก เยอะมาก เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงการขับถ่ายด้วย

 

ข้อมูลทั้งหมดถือเป็นลิขสิทธิ์ของ www.erk-erk.com แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเอิ๊กเรียบเรียงและเขียนเองทั้งหมดอนุญาตให้เผยแพร่ต่อได้โดยให้เกียรติลงเครดิต และขอความกรุณาคนไทยด้วยกันไม่ดัดแปลง แก้ไข ข้อความส่วนใดทั้งสิ้นนะคะ กราบขอบพระคุณล่วงหน้า ตั้งใจทำมาก อยากให้คนไทยที่มีความคิดที่จะทำศัลยกรรมได้อ่านอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ ทำให้เข้าใจง่าย ใส่ความคิดตัวเองลงไปบ้าง ภาษาส่วนตัวตัวเอง แต่ไม่เปลี่ยนแปลงความจริงที่เกิดขึ้น

ที่มาส่วนประกอบข้อมูล รูปภาพ

บทสัมภาษณ์คุณหมอ ปาร์ค ยัง ซู ศัลยแพทย์จมูก ประเทศเกาหลี

บทความที่นำมาดัดแปลงจาก STMSTYLE.BLOGSPOT.COM

ประสบการณ์จากการทำศัลยกรรมส่วนตัว และ จากที่ได้พบเห็นมาจริง

 

Posted in NOSE, SURGERYComments (2)

สอนใช้ BB CREAM ทาผิวให้ขาวแบบเร่งด่วน + HOW TO แต่งหน้าไปงานกลางคืน

Posted in HOW TO, REVIEWComments (2)

Erk-Erk DIARY – ใส่ชุดราตรีครั้งแรก

หลายคนถามว่าวันใส่ชุดราตรีชุดซื้อที่ไหน ทำผม แต่งหน้าที่ไหน มันก็เป็นงานเลี้ยงชุดราตรีครั้งแรก ก็เตรียมตัวไม่ทัน เพราะทราบกระทันหัน เลยเช่าชุดเอาค่ะ

ธีม – Princess :p
แต่งหน้า – แต่งเอง 0 บาท
ทำผม – พี่มาศ สุธาสินี โชคชัย 4 700 บาท
ชุด เครื่องประดับ – Celeb Closet เมเจอร์รัชโยธิน 5000 บาท 

ถามเยอะตอบไว้ตรงนี้แล้วกัน
รักนะ ♥ Erk-Erk


Posted in ERK-ERKComments (0)

ตะลุยดูงานศัลยกรรมเกาหลี กับ STMSTYLE

 

เอิ๊กไม่เคยผ่าตัดใหญ่อะไรเลยในชีวิต การดมยาสลบค่อนข้างอันตรายมาก

ดังนั้น ไม่ว่าการผ่าตัดอะไรก็ตาม ที่ต้องมีการดมยาสลบ ต้องมีวิสัญญีแพทย์ หรือ

วิสัญญีพยาบาลอย่างใกล้ชิด เขาต้องทำให้เราหลับและตื่นขึ้นมาอย่างปลอดภัย

พร้อมช่วยชีวิตเราเสมอในห้องผ่าตัดค่ะ มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าแพทย์

เป็นคนดูแลลมหายใจของเรา และ การรู้สึกตัวของเราค่ะ

Erk-Erk

การทำงานเป็นพาร์ทเนอร์กับ STMSTYLE ครั้งนี้

ทุกสิ่งมันควรมาจากประสบการณ์เอิ๊กด้วยในการแชร์ความรู้สึกที่แท้จริง

เอิ๊กจึงตัดสินใจเป็นคนไข้ทำศัลยกรรมเองในส่วนบกพร่อง และ เป็นปมด้อยในชีวิตมานาน

กว่าจะตัดสินใจก็ทำใจอยู่นานพอสมควร แต่ข้อมูลเนี่ยไม่มีมาก คิดไว้ว่าอีกซัก 2 ปีค่อยทำ

เพราะกลัวการผ่าตัดมาก เอาจริงๆ กลัวแผลเป็น กลัวไม่สวย 

การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี น้ำตาไหลเมื่อฟื้นขึ้นมา คำพูดแรกจำเลยว่าพูดว่า

“แม่ขา หนูรักแม่มากค่ะ หนูรักแม่ที่สุด” แล้วก็รู้สึกว่ามีพยาบาลหลายคน ค่อยๆปล่อยร่าง

ที่เหมือนมนุษย์ไร้กระดูกของเอิ๊กลงบนเตียงอุ่นๆ ที่ รพ. ศัลยกรรมที่เอิ๊กได้ผ่าตัดมา

เอิ๊กไม่ได้แนะนำให้ทุกคนไปศัลยกรรมนะคะ สำหรับตัวเอิ๊กเองคือมันมีปัญหาในการใช้ชีวิต

ในการทำงาน โดนล้อ ทั้งที่ตัวเองก็เริ่มตั้งแต่ความรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร จนมันมีปัญหา

เวลาทำงาน มันทำให้เราทำอะไรได้ไม่เต็มที่เท่าใจอยาก ก็เลยคิดว่าโตอีกหน่อยก็จะลุย

แต่พอได้ทำงานกับ STMSTYLE เลยลองคุยดูว่าควรทำดีไหม จะได้เขียนเล่าได้ด้วย

เลยอยากจะบอกว่าข้อมูลน้อยมาก แต่ไว้ใจ STMSTYLE มาก จากที่เคยเล่าถึง

ความห่วงใยที่ผู้บริหารที่นี่มีให้ลูกค้าทุกคน และ

มีการันตีหากเกิดความผิดพลาดของเขา ซึ่งเอิ๊กขอบอกทุกคน

ว่าจะทำอะไร ขอให้มีข้อมูลให้มากพอสมควรนะคะ อย่าทำแบบเอิ๊ก

เผอิญเป็นความโชคดีของเอิ๊ก พี่เลี้ยงล่าม คุณหมอ STMSTYLE และ รพ.

ให้ข้อมูลก่อนทำสดๆ แต่ไม่แนะนำให้ทุกคนทำอะไรโดยไร้ข้อมูลค่ะ

ปลายเดือนหน้าจะเฉลยว่าทำอะไร และ จะมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดค่ะ 🙂

ก่อนจะไปเตรียมตัวยังไงบ้างในความคิดเอิ๊ก และ ประสบการณ์เอิ๊กค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 รับคำปรึกษา

เมื่อได้รับคำปรึกษาเรียบร้อยแล้วส่วนหนึ่งจากทาง STMSTYLE โดยผู้บริหาร

จะเป็นคนให้คำปรึกษาตามหลักสูตรที่ได้อบรมโดยศัลยแพทย์เกาหลี

ความจริงเอิ๊กถามทุกอย่างที่ควรต้องทำทั้งตัว แต่ไม่ได้ทำหรอกค่ะ เพราะแค่อยากรู้ว่า

เขาจะแนะนำอย่างไรบ้าง ต้องบอกว่าใครไม่ได้ชอบความงาม พอดี ธรรมชาติแบบเกาหลี

อาจจะต้องไปคุยกับคุณหมออีกที การได้รับคำปรึกษาอาจมีความเห็นไม่ได้ตรงกับแพทย์

ทุกอย่าง แต่จะเป็นแนวทางที่มองในหลักความสมดุลของใบหน้าและร่างกาย สุดท้าย

เราจะได้ไปปรึกษาหัวหน้ารพ ศัลยกรรม และ แพทย์ประจำตัวของเราอีกที ที่นี่ปรึกษาฟรี

ไม่มีค่าใช้จ่าย อย่ากลัวที่จะ WALK IN เข้าไป บอกว่าเป็นเพื่อนในเพจเอิ๊กตามมาก็ได้ค่ะ

การที่ทำศัลยกรรมเกาหลี บอกเลยว่ามีส่วนที่ต่างกับไทยแบบ 100% ก็มีและบางจุด

ก็เหมือนหรือคล้ายคลึงไม่ต่าง เราจำเป็นต้องคุยกับคนที่เขาอยู่ในวงการจริงๆค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 ประเมินค่าใช้จ่าย / แนะนำแพทย์ประจำตัว

ถ้าตัดสินใจแล้ว ทาง STMSTYLE จะเลือกคุณหมอดีที่สุดที่เขามีเฉพาะทาง

และอาจจะแจ้งชื่อ ประวัติคุณหมอ ล่วงหน้าเพื่อให้เราสบายใจ แต่ขอบอกเลยว่าแพง

อย่างที่บอกเหตุผลไป บทความที่แล้ว ว่าแพงเพราะชื่อเสียง และ ประสบการณ์คุณหมอ

รวมถึงเทคนิค และ ชื่อเสียง การคิดราคาจะตามกับสรีระของคนไข้แต่ละคนด้วย

เหมือนเป็นการออกแบบรูปแบบอวัยวะใหม่เฉพาะบุคคล

ของเอิ๊กนี่รวมทั้งหมดเกือบ 4 แสนค่ะ รวมตั๋ว อาหารการกิน ที่พัก

ทำแค่อย่างเดียว เหมือนการมารับชุดที่สั่งตัดเฉพาะคนเดียว

เหมือนมารับรถคันที่มีคันเดียวในโลก

เหมือนของที่มีเพียงชิ้นเดียวที่ต้องออกแบบให้เหมาะกับร่างกายและตัวเรา

* เราอาจจะแจ้งความต้องการเรื่องโรงแรมที่พักอยากได้ธรรมดา ถูก แพง

ต้องการคนดูแลใกล้ชิด รถรับส่ง ก็สามารถเลือกได้ โดยทาง STMSTYLE

ก็จะจัดเป็นราคารวมมาให้ รวมถึงตั๋วอยากได้ตั๋วแพง ตั๋วถูก หรือ ไม่ซื้อตั๋วกับเขา

ก็ทำได้ค่ะ เขาก็จะเมลล์เรื่องรายละเอียดค่าใช้จ่าย เมื่อเราชำระเรียบร้อยจะมีเมลล์

เอกสารสำคัญจาก STMSTYLE มาให้ประมาณ เรื่อง

  • ใบยืนยันการผ่าตัด ใบนี้ต้องเซ็นต์ชื่อยินยอม
  • ข้อปฎิบัติตัวก่อนหลังผ่าตัด
  • เอกสารยืนยันเข้าประเทศเกาหลี
  • ตารางการเดินทาง
  • ตั๋วเครื่องบิน E-TICKET

เขาจะออกใบจากทางโรงพยาบาลมาให้ว่าเรากำลังจะเดินทาง

ไปทำศัลยกรรมที่โรงพยาบาล ว่าเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลไหน ไว้ยื่นตอน

ด่านตรวจคนเข้าประเทศเกาหลี ส่วนใหญ่เอิ๊กจะรับส่งทางอีเมลล์รวมถึง

กำหนดการเดินทาง เวลา ตารางการผ่าตัด เบอร์คนขับรถ

เป็นตารางมาอย่างดี

ของเอิ๊กนี่เป็นตั๋ว ECO สายการบิน KOREAN AIR และเอิ๊กเอาแม่ไปด้วย

ปดูแลอย่างใกล้ชิด ฮี่ฮี่ พยาบาลเก่า หอบไปทำงานดูแลลูกสาว

ขั้นตอนที่ 3 เตรียมตัวเตรียมใจออกเดินทาง

เอิ๊กเดินทางดึกมาก ง่วงเอาการ ไม่แนะนำเลย อยากให้ทำใจให้สบาย

อย่าเอาเรื่องอะไรในชีวิตที่กังวลมาให้เป็นห่วง และ เดินทางเช้าหน่อยอาจจะดีกว่า

สมองสดใส

เอิ๊กว่าที่นั่งของ ECO สายการบิน KOREAN AIR สำหรับนั่งไม่สบายเท่าไหร่

ปวดหลัง ปวดคอ พอสมควร หากใครชอบสบายก็แจ้งอัพเกรดตั๋วแล้วเพิ่มเงินเอาได้

อาหารโอเค อุปกรณ์โอเค แต่สื่อมีเดียให้ฟัง ให้ดู มันค่อนข้างไม่สนุกเท่า

สายการบิน ที่เคยไปร่อนมา ฮี่ฮี่่

ล้อหยุดหมุน หัวใจกลับเต้นแรง แต่บอกตัวเองฉันโชคดี และ

มีความสุขทำอะไรก็ต้องออกมาดี

ขั้นตอนที่ 4 ไปเช็คสภาพร่างกายที่รพ.กัน

มาถึงก็มีคนจาก STMSTYLE มารอรับเลยที่สนามบิน มีป้ายชื่อชู อิอิ และ

เขาเอารถมารับ พี่ที่ขับรถน่ารักมาก สุภาพมาก ชื่อคุณ ปาร์ค รถนั่งสบายมาก

ว่าจะนอน ก็เมาท์มอยกับพี่ที่เป็นล่ามจนถึงรพ.

 

ถึงแล้ว Apgujeong ย่านคนหน้าตาดี หรือ ย่านรพ.ศัลยกรรมเยอะสุด อากาศเย็นสดชื่น

เข้ามาในรพ. ขาวสะอาด และ บรรยากาศสดชื่นมาก คนรอเยอะทีเดียว

มากับ STMSTYLE ก็จะอยู่ในห้อง VIP ส่วนตัว มีพยาบาลหน้าตาจิ้มลิ้ม

เดินผ่านไป ผ่านมา ทาง STMSTYLE จะเป็นคนนัดวันเวลา และ คิวคุณหมอ

จะมีระเบียบเรื่องเวลามากเพราะที่นี่คุณหมอแต่ละท่านคิวทองหมดทุกคน

นั่งรอก็มีการกรอกประวัติ ถามเรื่องการแพ้ยา การผ่าตัดที่ผ่านมา และ ประวัติสุขภาพอื่นๆ

เพื่อที่จะได้รับการตรวจอย่างละเอียดจากทางรพ.อีกที

จะมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด เลือด ความดัน การเต้นของหัวใจ เอ็กซ์เรย์อวัยวะภายใน

เช่น กระดูก โครงหน้า ฯลฯ ขึ้นกับ การผ่าตัดศัลยกรรมแต่ละชนิดด้วย

หลังจากนั้นจะเข้ารับคำปรึกษาจากหัวหน้ารพ. ที่ดูแลเรื่องศัลยกรรมอีกที

ซึ่งเอิ๊กว่าหน้าเค้าอาจจะดูจริงจังนิดนึง 555555 เขาก็จะเขียนปัญหาเรา

และ สิ่งที่เราต้องการเพื่อแจ้งให้หมอทราบก่อนที่เราจะได้พบหมอจริงๆ

ขั้นตอนที่ 5 พบคุณหมอตัวจริงเสียงจริง บอกไปว่าอยากสวย 555

สรุปเลยนะจากประสบการณ์ สุดท้ายแล้ว เจอหมอฟันธง คาดการณ์ดีและแม่นที่สุด

หมอเก่งมากเขาจะเอาภาพผลงานที่อาจจะใกล้เคียงกับการผ่าตัดของเราให้ดูก่อน

ว่าจะออกมาประมาณไหน หมอจะจับที่เนื้อหนังของเรา หยิบเนื้อ มองสรีระภาพรวม

หมอจะมีเครื่องวัด และ ประสบการณ์ในการดูที่แม่นยำมาก ถึงขนาดบอกเลย

สำหรับเอิ๊กมีปัญหาจุดไหน ทำแล้วได้แค่ไหน เพราะสรีระเรามันเป็นแบบไหน

เอารูปผลงานใกล้เคียงให้ดู

ขั้นตอนที่ 6 สวยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว (เข้าห้องผ่าตัด)

เข้าไปห้องผ่าตัดไม่ใหญ่มาก แบบอุปกรณ์เยอะมาก วิสัญญีมาอยู่ที่หัวและให้นับเลข 1 2 3

แต่นับ 2 วิหลับสนิทพอผ่าตัดออกมา ถึงกับตกใจ ผลงานมันเหมือนที่หมอบอกให้เตรียมใจ

ไว้ไม่ผิดเลย ตอนอยู่กับคุณหมอไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเขิล มาจากแดนไกล 

ส่วนหมอจะวินิจฉัยยังไง มารออ่านเดือนหน้ากันจะเฉลยแล้ว แต่อยากจะบอกตื่นเต้นกับ

ผลงานมาก เข้าใจละคนทำศัลยกรรมทำไมเวลาถ่ายรูปเขาจะมีความสุขกับอวัยวะรูปทรง

ใหม่มาก เอิ๊กก็มีความสุขมาก ไม่กล้าจับเลย แหะ แหะ

ผ่าตัดไวมาก 2 ชั่วโมงเสร็จลืมตาแป๋ว หมอห้ามหลับ 5555 ง่วงมากพี่น้องชาวไทย

ไม่เจ็บเลย ไม่ได้มอร์ฟิน ไม่ได้ยาแก้ปวด ไม่ได้ทานข้าว

ไม่ได้ทานน้ำใดใดทั้งสิ้น และ เช้าวันใหม่ก็ กลับโรงแรมเลย และ เดินทางไปเที่ยวซื้อของต่อ

เอิ๊กว่าเลเซอร์ขนรักแร้เจ็บกว่า อันนี้จะรู้สึกทรมานวันเดียวคือวันที่ 2 มันจะรู้สึกเหมือน

ปวดระบม เหมือนปวดหัวนอนไม่หลับแค่นั้นอะค่ะ เอิ๊กบินถึงช่วงสาย ตอนเย็นเอิ๊กเข้ารับการ

ผ่าตัดเลย เนื่องจากเอิ๊กต้องทำงานต่ออีกทุกวัน เลยบินถึงปุ๊บไม่กี่ชั่วโมงผ่าตัดเลย

ผ่าเสร็จนอนคืนนึง แล้วก็กลับเลย แล้วก็นัดมาดูแผลอีกทีก็ซัก 5 วัน ที่นี่ใช้ไหมละลาย

จึงมาดูแผล และ รับยาไปทา หรือ ทานต่อเท่านั้นค่ะแล้วแต่กรณี

ขั้นตอนที่ 7 กลับโรงแรมกันแม่รอ(ดูแล)อยู่

เป็นไปได้ควรมีคนดูแลใกล้ชิดบอกตรงๆนะคะ ถ้าผ่าตัดใหญ่มากยิ่งต้องมี ถ้าเล็กๆก็ไม่ต้อง

โรงแรมเอิ๊กพักที่ HOTEL POPGREEN โรงแรมที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าเลย สบายในการเดินทาง

รอบๆ อาหารเพียบพร้อม ที่สำคัญ ใกล้โรงพยาบาลที่ผ่าตัดมากๆค่ะ

เน้นอยู่กินเที่ยว ง่ายๆ แบบแม่ลูกผูกพัน

ห้องน้ำใหญ่มาก อุปกรณ์ค่อนข้างครบ แต่เนตล่มบ่อยมาก T^T ไม่เป็นไรเราก็ออกไป

ทำงาน ไปเที่ยวกันทุกวัน ขึ้นรถไฟฟ้า สายนู้น สายนี่ แม่ดูมีความสุขมาก

ตื่นขึ้นมา แม่ก็มาพร้อมอาหารบำรุงสุขภาพลูกหมู อยู่ที่นี่ 5-7 วัน

ขั้นตอนที่ 8 หมอขาหนูคิดถึง (เช็คแผล)

วันที่ 5 เช็คแผลรับยา หมอก็จะบอกได้ละว่ามันระบมตรมตรอมตรงไหน เขาบอก

เอิ๊กอึดมาก ไม่บวม ไม่ระบม ทุกอย่างเป๊ะ ปกติ แถมไม่มีใครรู้ว่าทำด้วย เพราะชิวมาก

แต่จุดด้อยน่าจะอยู่ที่เราฟังและอ่านภาษาเกาหลีไม่ออก อยากคุยกับหมอใจจะขาด

ต้องรอพี่ล่ามอย่างเดียว ยาก็ฉลากเกาหลีหมดเลยยยยย

พี่ล่ามอาจจะแปลให้ในส่วนที่จำเป็น ดังนั้นข้อมูลเต็มๆเราควรมาเสริทหาก่อนทา

ก่อนทาน จะดีมากเลยค่ะ เอิ๊กทำนะ กลับมาเอิ๊กก็มีมาปรึกษาเรื่องยากับหมอไทยอยู่

จุดเด่นที่นี่ยาแพงมาก จัดให้อย่างดี ตัวปิดแผลกันน้ำ ไหมละลาย ใส่ใจของที่ให้คนไข้

คุณภาพให้สมราคาที่อลังการเลย ดีอีกอย่างทำกับ STMSTYLE ประกัน 1 ปีหากมีปัญหา

จากการผ่าตัด 😀

ผลที่ออกมาเราแฮปปี้มาก แต่จะมีใครมีความสุขเท่าผู้หญิงที่ดีที่สุดคนนี้ละ

กิน ตะลอนเที่ยว ได้อยู่ดูแลลูก นานแล้วที่ไม่ได้ไปไหนกับแม่สองคน

STMSTYLE ดูแลดีมากจริงๆ เพราะเราจะปรึกษากันตลอด มันลำบากตรงภาษาเท่านั้นละ

ขั้นตอนที่ 9 สำนึกรักบ้านเกิด (กลับบ้าน)

ถึงวันต้องกลับซะแล้ว ลาพี่ปาร์ค พี่ที่คอยดูแลรับส่งซะหน่อย น่ารัก สุภาพ มีน้ำใจ

สุภาพบุรษลูกสอง เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีมากน่ายกย่อง ดูแลอย่างดี ต้องของคุณพี่นิส(ล่าม)

พี่เจอุน(สาวสวยประจำรพ.ดูแลคนไข้ต่างชาติโดยเฉพาะคนไทย) ขอบคุณ STMSTYLE

มากค่ะ สำหรับการทำงานที่สนุก และ ชีวิตใหม่ที่เปลี่ยนไปตลอดกาล ขาดไม่ได้เลยคือ

คุณหมอที่ดีที่สุดที่ให้มาเปลี่ยนชีวิตเอิ๊ก :))))))) ใครบอกศัลยกรรมเจ็บบวม ไม่เป็นไรซักแอะ

แต่แย่สุดคือ แผลเป็นที่ต้องดูแลให้ไร้ร่องรอยที่สุด 365 วันก็จะรอ

คำแนะนำสำหรับเอิ๊ก : ในการศัลยกรรมทุกประเภทล้วนมีความเสี่ยงสูง ตั้งแต่ การเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและเทคนิคต่างกัน สถานประกอบการ โครงสร้างภายนอกและโครงสร้างภายในร่างกายที่แตกต่างกัน สรีระ รวมถึงระบบภายในร่างกายของเราทีมีกระบวนการฟื้นฟูต่างกัน ความคาดหวังผลที่คิดกับผลที่ได้อาจจะตรงหรือไม่ตรงอาจต้องเผื่อใจรับผลที่ตามมา
 
การทำศัลยกรรมที่เกาหลีกับโรงพยาบาลในเครือของ STMSTYLE นอกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญขอใช้คำว่ามากเพราะคนนึงเรียนเยอะมากเหลือเกิน เรียกว่า ถ้าเรียนมาทางจมูกก็จะเก่งและทำแต่จมูกให้ดีที่สุดไปเลย จะเน้นออกแบบตามสรีระของเราเพียงหนึ่งเดียว รูปทรงที่ได้องศา หรือ รูปแบบที่เหมาะกับตัวเราจริงๆ ค่าศัลยกรรมเลยแพงมากตามประสบการณ์ เครื่องมือเทคโนโลยี ที่ทำให้บาดเจ็บน้อย ช่วยในออกแบบการศัลยกรรมให้เหมาะกับ ใบหน้าและรูปร่างของเรา รวมถึงเทคนิคพิเศษในการศัลยกรรมของแพทย์แต่ละท่านที่มีความแตกต่างกับแต่ละคน

บทความหน้าเจอกับ กับ ปฎิบัติการอัพดั้งโด่ง 

 

Posted in SURGERYComments (4)

ผิวขาดน้ำกับความสำคัญของความชุ่มชื้น

หน้าร้อน กับ การทำร้ายความชุ่มชื้นผิว

ปกติแดดเมืองไทยก็มีรังสียูวีที่แผดเผา และ ทำให้ผิวเราแก่เร็วก่อนไว ไม่นับรวมฝ้า

กระ จุดด่างดำที่มีชัดเจนขึ้นแล้ว ความร้อนยังทำให้ผิวอักเสบเกิดสิวผด

สิวที่มีก็อาจอักเสบได้ ร้อนมากบางครั้งทำให้ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น

ผิวที่เคยมัน ธรรมดา ผสม กลับแห้ง ผิวแห้งยิ่งแห้งหนัก

น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวไม่มี หากปล่อยไว้อาการระคายเคืองก็อาจตามมา ส่งผลให้ผิวแพ้ง่าย

ได้ต่อทุกสิ่งที่มากระทบ และ เมื่อแห้งไปนานๆริ้วรอยก็จะถามหาไว

นี่เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากภาวะขาดความสมดุลผิว ขาดน้ำ จนแห้งหากปล่อยไว้

จะมีปัญหาหลายอย่างตามมาไม่รู้จบ

เอิ๊กเป็นสาวผิวแห้งช่วงหน้าหนาว – ผิวผสมช่วงหน้าร้อน

จะเข้าใจดีว่า ไม่สามารถปล่อยให้หน้าตัวเองแห้งไปมากกว่าเดิมได้เลย ผิวแห้งนอกจาก

  • กรรมพันธุ์
  • การรับประทานยาสิว
  • การทายารักษาสิวบางประเภท
  • การทายาลดริ้วรอยที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ
  • การผลัดเซลล์ผิวเพื่อความขาวมากเกินโดยไม่บำรุงให้ผิวชุ่มชื่น
  • การนอนดึกมาก ไม่ได้พักผ่อน น้ำระเหยออกจากร่างกาย
  • การอยู่ในห้องแอร์
  • ฯลฯ

สาเหตุเกิดได้หลายอย่าง และ อาการที่ผิวแห้งลงไม่ได้เกิดเฉพาะคนผิวแห้ง

แต่โอกาสของคนทุกสภาพผิวเช่นกันที่จะมีผิวที่แห้งลง

และสาเหตุที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง

ที่จะคุยกันวันนี้คือ “ผิวขาดน้ำ”

ผิวขาดน้ำเป็นอาการผิวที่แห้งลง และ เกิดได้กับผิวทุกประเภท

เพราะอาจจะมีทั้งมันและแห้งแบบไม่เป็นเวลา

เนื่องจากขาดสารหล่อเลี้ยงที่สำคัญ นั่นคือน้ำ ที่เป็นส่วนประกอบพื้นฐานหลักของผิวหนัง

ผิวจะแห้งกร้าน อาจจะลอกร่วมด้วย ไม่สดใสเปล่งปลั่ง

 ผิวขาดน้ำเกิดขึ้นได้ทั้งการอยู่ในร่ม หรือ กลางแจ้ง

 

อาการร้อนทำให้ผิวขาดน้ำได้ และ อากาศเย็นก็ทำได้เช่นกัน

”เครื่องปรับอากาศ” ที่หลายคนชินกับการทำงานในห้องแอร์อยู่บ้านเปิดแอร์

รู้ไว้เถอะว่า ก่อนจะเกิดความเย็นนั้น แอร์ฯจะดึงเอาความชื้นในอากาศทั้งหมดรวมถึง

ความชื้นของผิวหนังเราด้วย เมื่อความชื้นหายไป อากาศและผิวเราก็จะแห้งไปด้วย

ผิวขาดน้ำสังเกตุยังไง

  • ผิวแห้ง และอาจจะลอก รวมถึงอาจเป็นขุยโดยไม่ทราบสาเหตุ

บางคนถึงขนาดลองเอาเล็บข่วนเบาๆ จะเห็นว่าใบหน้าเป็นรอยเล็บขาวๆเป็นทางยาว

 

  • ผิวเดี๋ยวแห้ง เดี๋ยวมัน เดี๋ยวลอก

อาจจะเกิดได้ในระยะเวลาอันสั้นกลับไปกลับมา หน้าแห้งลอกทั้งที่หน้ามัน

  • แต่งหน้าไม่ติด หรือไม่อยู่ทน

ลงครีมบำรุงไม่ค่อยซึม ครีมรองพื้นพอลงก็เกลี่ยยากและเป็นขุย ระหว่างวันเครื่องสำอางหลุดลอกจนเห็นความแห้งของใบหน้าจุดนี้ต่างจากผิวแห้งเพราะต่อให้ผิวแห้งแต่การดูดซึมก็ยังเป็นไปตามปกติ ยังสามารถเกลี่ยเครื่องสำอางและครีมบำรุงได้ง่าย แต่ผิวขาดน้ำผิวจะไม่ดูดซึมเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นได้เลย [ในเรื่องการทาครีมบำรุงแล้วไม่ซึมอยากให้ดูช่วงก่อนมีประจำเดือนและระหว่างมีประจำเดือนด้วย เป็นภาวะที่ผิวอ่อนแอเช่นกัน ช่วงนั้นทาครีมบำรุงจำทำให้ครีมไม่ค่อยซึม]

  • ผิวหน้าอิดโรย ไม่สดใส ไม่ยืดหยุ่น

ผิวขาดน้ำ หรือ ขาดความชุ่มชื้น ผิวจะดูแห้ง และ ดูหยาบกร้านขึ้น เวลาสัมผัสที่บริเวณผิวหน้าจะรู้ทันที นอกจากนั้นจะไม่ยืดหยุ่น และจะรู้สึกตึงๆบางครั้ง จะไม่นุ่ม ไม่กระชับเช่นเคย บางคนขาดน้ำจนแห้งมากก็อาจทำให้เกิดผื่นแพ้ แดงเป็นจ้ำ และผิวอักเสบ เกิดอาการแพ้ง่ายได้

 

วิธีการเติมน้ำให้ผิว

เริ่มจากง่ายไปยากนะ ทำเองได้ที่บ้าน ง่ายนิดเดียว เอิ๊กนี่ขาดข้อแรกมากๆ – -” ต้องกระดกน้ำด่วน

• ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้มากพอ

หลักการง่ายๆที่หลายคนละเลย [ว่าตัวเอง] คนดื่มน้ำน้อย ผิวนอกจากจะแห้ง ริมฝีปากก็จะแห้งตามมา กรุณาดื่มน้ำให้เยอะขึ้น น้ำทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ขับของเสีย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และ จิบระหว่างวันยังช่วยในการเผาผลาญพลังงานในร่างการอีก เป็นอะไรที่ถูกและดี มีประโยชน์หาดื่มง่าย ตอนไปเมืองนอก คิดถึงน้ำดื่มเมืองไทยมาก บางประเทศดื่มกับก๊อก บางประเทศขวดนึง แพงไปไหน ?  อย่าลืมบำรุงภายในให้ดี อาจเห็นผลช้า แต่ชัด และ ชัวร์ เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกาย เฉลี่ย 50 – 60 % ของน้ำหนักตัว

วิธีคิด ว่าวันนึงเราควรจะดื่มน้ำเท่าไหร่ คิดง่าย น้ำหนักตัวเป็นหน่วยกิโลกรัม คูณกับ 30 จะได้ปริมาณน้ำที่ควรดื่มต่อวัน ซึ่งมีหน่วยเป็น มิลลิลิตร (เช่น 45 กิโลกรัม x 30 = 1,350 มิลลิลิตร หรือ 1.35 ลิตรต่อวัน) ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อนหากขาดน้ำช่วงนี้ผิวจะไม่สวยและอาจจะป่วยได้

• อย่านอนดึก

พูดง่ายแต่ทำยากสำหรับบางคน [ว่าตัวเองอีกแล้ว] ถ้าทำได้ผิวจะสวยขึ้น น้ำหนักตัวจะคงที่ หรือลดลงได้ระหว่างคุมอาหารแน่นอน ประโยชน์หลายต่อมาก เพราะตอนกลางคืนร่างกายจะซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีโกรทฮอร์โมนหลั่ง เป็นเวลาชาร์ตพลังสมอง เพิ่มพลังผิว ” การนอนคือยารักษาโรคหลายโรคที่ดีที่สุดอย่างนึง ” เมื่อร่างกายได้มีการฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ส่งผลต่อผิวเราให้ได้ฟื้นฟูเต็มๆ อย่าลืมทาครีมให้ความชุ่มชื่นก่อนนอนด้วย จะได้ผลดียิ่งขึ้นค่ะ 

 

• บำรุงผิวด้วยสารประเภท Hydration

วิธีเร่งด่วนอีกอย่างคือ เพิ่มการทาครีมที่ช่วยเติมเติมน้ำให้ผิวด้วย เช่น จะเป็นโทนเนอร์ ครีมหรือเจลตระกูล Hydration ให้มากขึ้น อาจใช้ควบคู่กับครีมบำรุงที่มีอยู่ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น กัักเก็บน้ำ และ ล็อคผิวไม่ให้ถูกอากาศดูความชุ่มชื้นออกไป ผลคือผิวก็จะชุ่มชื้นขึ้น และดูอิ่มน้ำ มีสุขภาพดีขึ้น เมื่อเซลล์ผิวแข็งแรง เวลาจะบำรุง จะแต่งหน้าติดง่ายขึ้น และ โปรดเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว เช่นผิวผสม-ผิวมัน ควรเน้นเนื้อเจลเป็นหลัก เพื่อความบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ และ ลดการอุดตันของผิว ผิวแห้ง-ผิวธรรมดาให้เน้นไปที่เนื้อครีม จำมีส่วนประกอบของน้ำมันมากกว่า เนื้อหนักกว่าผิวเราจะชุ่มชื่น ยืดหยุ่นได้ดี และ อย่าลืมก่อนออกจากบ้านปิดท้ายด้วยกันแดดค่ะ 🙂

 

ขอบคุณแบรนด์ POND’S ที่ให้สกินแคร์สูตร HADRA REVITAL มาให้ลอง

และให้ข้อมูลเรื่องผิวขาดน้ำมาอ่าน

เราเลยรวมเขียนขึ้นบวกกับประสบการณ์จากตัวเองเพิ่มด้วย

จะบอกว่าลองกับเพื่อนหลายคนที่มีสภาพผิวต่างกัน

เวลาขาดน้ำจะไล่ ไปโบกพอนดส์สีฟ้าซะ 55555

ตัวเองลองใช้ตอนหน้าแห้งมาก เนื่องจากนอนดึก วันเดียวอาจการดีขึ้น

ไว้ว่างค่อยมา REVIEW ละกันเนอะ

ขอให้ทุกคนมีสุขภาพผิว สุขภาพกายดีกันทุกคน รักนะคะ <3 

 

Posted in SKIN, SKIN CAREComments (4)

BEAUTY TALK – ทาครีมให้ได้ผลในวันนั้นของเดือน

 

 

 

ทำไมช่วงนี้ผิวดี ทำไมช่วงนี้ผิวแย่ เพราะอะไรกัน ทุกอย่างก็ใช้เหมือนเดิม

ทำไมเคยใช้ครีมตัวนี้แล้วไม่แพ้ ทำไมตอนนี้แพ้ เกิดอะไรขึ้น

สาวๆหลายคนคงเคยเกิดปัญหานี้ ” รู้ไหมว่าวงจรการมาของประจำเดือนมีผลกับผิวของเรา “

สาวๆหลายคนอาจไม่ทราบความจริงข้อนี้ ทำให้ทุกเดือนก็มีทั้งช่วงนี้มั่นใจ และไม่มั่น

ในสุขภาพผิวของตัวเอง วันนี้เราจะมาเรียนรู้เพื่อที่จะดูแลสุขภาพผิวตัวเองกัน

 


 

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก เชื่อไหมว่าเอิ๊กไม่เคยรู้เลย ผิวช่วงมีประจำเดือนอ่อนแอ

จนกระทั่งวันนึงมีโอกาสไปแว๊กซ์คิ้ว ผิวบริเวณนั้นเกิดตุ่มหนองขึ้นเล็กๆ

แสดงอาการระคายเคือง สรุปพี่ที่ร้านโทรมาบอกว่าเหตุที่เป็นแบบนี้

เพราะเป็นช่วงก่อนมีประจำเดือน ตอนแรกนึกว่าแค่อาการ อารมณ์ที่ทำให้ผิวเปลี่ยน

สรุปฮอร์โมนด้วยเหรอเนี่ย ? 

มารู้จักฮอร์โมนเพศหญิง สำคัญ 2 ตัวกันก่อน

ที่มีผลต่อร่างกาย และ ผิวของเราในแต่ละเดือน

 
ฮอร์โมนหลักสองตัวนี้สำหรับผู้หญิงคอยเนรมิตผิวเราให้สุขภาพดี หรือ อ่อนแอ
สลับไปมาแต่ละเดือน เลือกไม่ได้ด้วยว่าให้สุขภาพดีตลอดไป แต่อย่างน้อย
เราก็จะได้หันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น บางคนเรียน ทำงานทุกวัน จนไม่มีเวลา
ดูแลตัวเอง ทั้งอาหาร สุขภาพร่างกาย รูปลักษณ์ ถ้าต้องการให้ชีวิตสดใสซาบซ่า
โปรดอย่ามองผ่านไป .. ก่อนที่มันจะสาย 🙂
เอสโตรเจน  = กลุ่มฮอร์โมนที่สร้างลักษณะทางเพศของผู้หญิงเสริมสร้างเซลล์ให้เจริญเติบโต ทำให้ไข่ในรังไข่เจริญเติบโต  เสริมสร้างเยื่อบุมดลูกให้หนาขึ้นด้วย  รักษาสภาพผนังช่องคลอด ซ่อมแซมระบบสืบพันธุ์ ควบคุมเมือกในช่องคลอดเพื่อป้องกันการอักเสบ  ป้องกันไม่ให้กระดูกผุ  ลดคอเลสเตอรอล ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ความจำดี เป็นส่วนหนึ่งของ มีผลต่อการลดน้ำหนัก และ การเผาผลาญ รวมถึง ช่วยสร้างและรักษามวลกล้ามเนื้อ ฯลฯ
โปรเจสเตอโรน = เตรียมร่างกายให้พร้อมในการตั้งครรภ์แล้ว เตรียมมดลูกเพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัว  ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์โปรเจสเตอโรนก็จะค่อยๆลดปริมาณลง   ช่วยทำให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว  เพื่อป้องกันการตกไข่  กระตุ้นการเจริญของเซลล์หลั่งน้ำนมในหน้าอก ต้านความเสื่อมและความแก่ ฯลฯ

 

https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter5/estrogen_progeterone.htm

ระดับฮอร์โมนที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเดือนส่งผลให้อารมณ์ผู้หญิงเปลี่ยนแปลง  

เช่น  ช่วงตกไข่จะมีพละกำลังมากกว่าปกติ และ อารมณ์เซ็กซี่มากขึ้น

บางคนอาจจะบอกว่าโอยยยยยยประจำเดือนมาแต่ละที เบื่อ ทำไมผู้ชาย

ไม่เป็นบ้าง ฉันไม่อยากเป็นแบบนี้ ลองดูว่าถ้าฮอร์โมนทั้งหลายแหล่พวกนี้

หมดไปหมายความว่า

เมื่อระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในช่วงเข้าสู่วัยทอง 

อาการที่มักเกิดคือรู้สึกร้อนวูบวาบ  เหงื่อออกตอนกลางคืน 

หรือหนาวสั่น ตื่นบ่อยๆ ความชื้นในช่องคลอดลดลงทำให้ติดเชื้อง่าย

หมดความสนใจเรื่องเพศสัมพันธ์  อารมณ์แปรปรวน  ปัสสาวะเล็ด

หน้าอกหย่อนยาน  ผิวหนังแห้ง 

ภาวะความผิดปกติเหล่านี้จะเกิดแตกต่างกันไปในผู้หญิงแต่ละคน

งั้นปล่อยมันมาเถอะค่ะ ฮ่าๆ 

วงจรของประจำเดือนที่ต้องทราบ

  • ในช่วงวันที่ 1-14 ของเดือน  ช่วงหลังหมดประจำเดือนและระหว่างเตรียมการตกไข่ จะมีการสร้างและการเจริญของไข่จนสุกเต็มที่ช่วงนี้ฮอร์โมน estrogen จะมีปริมาณสูง เพื่อควบคุมการสร้างไข่และการเจริญของไข่
  • ในช่วงวันที่ 14-28 ของเดือน ช่วงหลังตกไข่จนถึงก่อนมีประจำเดือนรอบใหม่ ฮอร์โมน progesterone จะมีปริมาณสูงขึ้น ก่อนวันที่มีการตกไข่จะควบคุมการหนาตัวของเยื่อบุมดลูกเพื่อรองรับไข่ที่ถูกผสม แต่ถ้าไข่ไม่ได้ถูกผสมระดับ progesterone จะลดระดับต่ำลง เยื่อบุมดลูกที่หนาตัวก็จะสลายตัวไปเป็นประจำเดือน
ผิวสุขภาพดี vs ผิวสุขภาพแย่ ฉันจะดูแลยังไง ?
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ต้องลุ้นระทึกเพราะมันเกิดขึ้นทุกเดือน สำหรับสาวๆในวัยประจำเดือนทุกคน [ เอิ๊กเพิ่งทราบเมื่อไม่กี่เดือนนี้เองว่าเกี่ยวก็ว่าอยู่ว่าดูแลดีแล้วนะ ทำไมผิวแย่ได้ไงอะ เสียชื่อหมด เพิ่งถึงบางอ้อ ธรรมชาติของหญิงสาวเป็นแบบนี้สินะ ] เอาละมาทราบกันว่าในแต่ละเดือนเราจะเจอกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง ทั้งช่วงที่ผิวสุขภาพดีขีดสุด กับ ผิวสุขภาพแย่ขั้นสุด
ช่วงผิวสุขภาพดี ESTROGEN สูง
เป็นช่วงที่หมดประจำเดือน และ ร่างกายกำลังเตรียมการตกไข่ครั้งใหม่ ประมาณ 9-20 วัน
  • ช่วงที่ผิวแข็งแรงที่สุด ทุกคนปลาบปลื้ม ปรบมือ
  • ผิวสวยงาม เปล่งปลั่ง สิวเกิดได้ยาก หรือ ขึ้นน้อย
  • ทำให้ผิวของเรานั้นเปิดรับสารบำรุงทุกอย่างโดยซึมซับรวดเร็วและง่ายดาย 
  • หากอยากทดลองผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆ อัญเชิญช่วงนี้ เพราะผิวช่วงนี้จะแข็งแรงและสุขภาพดีที่สุด
  • ช่วงนี้การใช้Whiteningจะเห็นผลดีที่สุดเพื่อผิวกระจ่างใส
  • อาจจะมีการใช้สครับผิว 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ เพื่อผลัดเซลล์ผิว และ ลดการอุดตันรูขุมขนรอก่อนที่จะถึงช่วงผิวจะอ่อนแอได้เลย
  • คนผิวมันเวลาเกิดสิวตอนช่วงมีประจำเดือนอาจจะชอบขึ้นที่เดิม ควรมีการเตรียมผิวล่วงหน้าซัก 3-7 วัน ก่อนผิวอ่อนแอ โดยมองหาตัวยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเชื้อสิว P.ACNE และ ตัวยาลดการอักเสบของผิว เช่น ตัวยาตระกูล BP , ยาแต้มสิว แต้มบริเวณที่คาดการณ์ว่าสิวจะขึ้นจุดเดิม จะช่วยลดการอุดตันของสิวลง และ ลดการเกิดสิวได้ในช่วงผิวอ่อนแอ ลดความมันของใบหน้ารอ
ช่วงผิวอ่อนแอ PROGESTERONE สูง
เป็นช่วงหลังตกไข่และกำลังจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งใหม่ ประมาณ 14 วัน
  • ช่วงนั้นสุขภาพผิวอ่อนแอ อักเสบ ไม่แข็งแรง หรือ แย่ก็ว่าได้ สิวมาง่ายอีก
  • ภูมิต้านทานผิวช่วงนี้ลดลงต่ำ
  • เพราะต่อมไขมันผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวจะมากเกินผิดปกติ (เกิดจาก Testosterone ที่เขยิบสูงขึ้นด้วยช่วงต้น)
  • รูขุมขนจะเล็กลงเล็กน้อย การอุดตันจึงเกิดง่ายมากขึ้นกว่าปกติ
  • สำหรับผิวแห้งอาจจะชอบเพราะผิวจะชุ่มชื่น มีน้ำมีนวล มีสิวอุดตันบ้าง สิวอักเสบบ้างเล็กน้อย แต่
  • สำหรับคนผิวมันจะเซ็งมาก หน้ามันมาก สิวมาง่ายมาก 
  • สิวอุดตันจะมารุม โอกาสเกิดสิวช่วงนี้ง่ายมาก 
  • บางคนเป็นสิวฮอร์โมนพอ PROGESTERONE สูงหน่อย สิวมาเลยรอบปาก คาง มาทีมาอักเสบ ระเบิด เป็นไตใต้ผิว หรือ 
  • บางคนสิวอักเสบมาพอเตือนให้รู้ว่า ประจำเดือนกำลังจะมานะ แต่อาจจะมาแค่ 1 เม็ด หรือมากกว่านั้น
  • ช่วงนี้เป็นช่วงผิวแย่ ผิวอ่อนแอ หรือ ผิวเหียก [ เหียก = มันแย่จริงๆ ] หน้าจะกร้านๆ ทาอะไรก็รู้สึกไม่ได้ผลดีเหมือนที่เคยเป็น
  • ช่วงนี้สิ่งที่ควรเน้นคือการทำความสะอาดหมดจดอย่างถนุถนอม และ พิถีพิถัน
  • ผิวหน้าจะไวแสงมาก กันแดด จัดให้หนัก อย่าให้ขาด
  • เมลานินสีเข้มเพิ่มปริมาณได้ง่าย ฝ้า กระ จะเห็นชัดขึ้น จะมาง่ายขึ้น อาจเลือกใช้Whiteningที่เหมาะสมสภาพผิวได้
  • จะลองอะไรใหม่ได้โปรดหยุด ผิวช่วงนี้จะแพ้ง่าย อักเสบง่าย เป็นสิวง่าย
  • คนผิวมันหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำมันกับผิว เพื่อไม่ให้อุดตัน และ เพิ่มความมันกับผิวมากขึ้น ฉลากระบุ OIL-FREE / ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ฉลากจะระบุ NON-COMEDOGENIC /ควบคุมความมัน ฉลากระบุ OIL-CONTROL 
  • คนผิวแห้ง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ฉลากอาจระบุ HYPO-ALLERGENIC , DERMATOLOGIST TESTED , FRAGRANCE FREE, ALCOHOL FREE
  • กรุณาแต่งหน้าบางๆ อย่าโบกหลายชั้น 
ช่วงผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื่น ESTROGEN & PROGESTERONE ต่ำทั้งคู่
เป็นช่วงประจำเดือน ประมาณ 3-7 วันน้อยหรือมากกว่านั้น
  • ผิวอ่อนแอสุดๆ หน้ากร้าน รูขุมขน ผิวเหียก หน้าหมองๆเหมือนโดนของ
  • เลิกความคิดจะลองผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหม่ๆไปได้เลย
  • เน้นบำรุงผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื่น และ ควรเป็นชุดเดิมที่เคยใช้ 
สภาพร่างกายทั้งตัวก่อนมีประจำเดือน และ ระหว่างมีประจำเดือน
ช่วงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน PROGESTERONE ที่สูงขึ้นก่อนมีประจำเดือนจะทำให้ร่างกายสะสมน้ำไว้ ทำให้ตัวบวม ตาบวม บางคนก็หน้าบวม [ ฝันร้ายที่เป็นจริงชัดๆ ] ร่างกายรู้สึกอึดอัด ผิวพรรณหมอง ไม่สดใส อิดโรย ปวดหลัง ปวดหน้าอก น้องสาวแฉะแบะ [ น้องสาว = อวัยวะเพศหญิงที่น่ารักของเรา ก็จะรู้สึกไม่สบายตัวเพราะการมาของประจำเดือน ] 
  • กรุณาลดอาหารจำพวก แป้ง น้ำตาล หรือ คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ขัดขาว เพราะทำให้ผิวอักเสบ เซลล์เสื่อม สิวขึ้นง่าย
  • กรุณาควบคุมรสชาติอาหาร เผ็ด เปรี้ยว หวาน มัน และ เค็ม อย่าให้มาก บอกเลิกรสจัดซักพักโดยเฉพาะเค็ม
  • ดื่มน้ำให้มาก 
  • อาการบวมน้ำ ออกกำลังกายเบาๆขับเหงื่อและของเสีย และอาจใช้ความเย็นประคบได้บ้าง เช่น บริเวณดวงตา 
  • เลิกเครียด เพราะยิ่งเครียด ฝ้าที่มีอาจจะชัดขึ้น สิวมากขึ้น ผิวกร้าน หมองได้อีก
  • ผิวเฉพาะจุด ผิวน้องสาวก็ควรทำความสะอาดให้ดี เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2-3 ชม. เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี และ ไม่เกิดกลิ่น ไม่อับชื้นก่ออันก่อให้เกิดเชื้อรา เชื้อโรค แบคทีเรียอันไม่พึงประสงค์ และถ้าดูแลไม่ดี ผิวบริเวณนั้นก็เกิดอักเสบได้เหมือนกัน เช่น เป็นผื่น คัน รวมถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด อาจจะพกผ้าเปียกติดกระเป๋าไปด้วยในระหว่างวันนั้นของเดือน
NOTE* ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary SyndromePCOS) ถือว่าเป็นความผิดปกติสำหรับระบบต่อมไร้ท่อหรือฮอร์โมนในร่างกาย เราอาจจะพบซีสต์หรือถุงน้ำหลายใบในรังไข่ เมื่อซีสต์หรือถุงน้ำเข้าไปเบียดรังไข่ส่งผลให้การทำงานของรังไข่ผิดปกติ เราอาจจะสังเกตุได้จากฮอร์โมน Testosterone ที่สูงกว่าปกติ (ปกติจะเขยิบสูงไม่มากและ อยู่ในปริมาณใกล้ๆกัน) สิวที่มาเยอะกว่าปกติ ขนที่เยอะ หน้าที่มัน ต้องสังเกตุตัวเอง ซึ่งอาจส่งผลให้ประจำเดือนมาผิดปกติด้วย

ทำไมสิวขึ้นที่เดิมตลอดสำหรับบางคนโดยเฉพาะคาง หรือ รอบปาก

เพราะการปกป้องของผิว และ การปรับค่า PH ของผิวคนเราให้มีสุขภาพดีนั้น กลไลนี้ผิวบริเวณคางมีประสิทธิภาพต่ำที่สุด และ ภูมิต้านทานผิวบริเวณคางก็ต่ำสุด รองลงมาคือ แก้ม และ หน้าผาก ตามลำดับ

 เตรียมข้อมูลแบบอัดแน่นเท่าที่ทำได้ มาให้เพื่อนๆได้เอาไปดูแลผิวตัวเองในวันนั้นของเดือน

หวังว่าคงสร้างความมั่นใจให้เพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อย และ ช่วยให้เข้าใจเรื่องฮอร์โมนมากขึ้น

ขอบคุณที่ติดตามกันมาอย่างเหนียวแน่นตลอด บทความต่อไปจะเป็นอะไรรออ่านได้เลย

XOXO

Posted in HOW TOComments (2)

REVIEW – OCC LIPS TAR

OCC LIPS TAR มีสปอนเซอร์มาจากร้าน
fanpage http://www.facebook.com/BARRYMMAKEUP
IG : Debeauteshop1
wabsite www.Debeaute-shop.com
หลอดละ 650 บาท
ขอบพระคุณมากค๊าฟฟฟฟฟ
อยากเล่นมานานแล้ว อิอิ สมใจ
ข้อดี : สีมีให้เลือกมาก ผสมกันได้ เม็ดสีแน่นกลบสีปากมิด สีตามหลอดเลย หลอดนึงใช้นาน
ข้อด้อย : ใช้กับพู่กันทาจะดีกว่า บางสีตกร่อง และ บางทีทาเยอะเลอะฟัน
 
สีจะสะท้านทรวงแค่ไหน ไปชมกันเลยยยยยยย <3
[ขออภัยกับหนวดด้วย ขี้เกียจรีทัช 555]
 
INTERLACE : สีออกนู๊ดชมพู 😀
 
KAVA KAVA = ส้มนู๊ดดดดด
 
GRAND MA = สีเหมือนแตงโม แดงอมส้มอมชมพู
 
CHA CHA = สีส้มสดใส ส้มนีออน
 
BETA = สีส้มปรี๊ดดด ส้มกว่านี้ มีอีกไหม
 
FEMME = สีชมพูนม หวานจนหยดสุดท้าย
 
NARCISSUS = ชมพูบาร์บี้
 
ANIME = ชมพูบานเย็นสดใส
 
PRETTY BOY = ชมพูอมม่วง
 
STRUMPET = ชมพูอมแดง
 
HUSH = ชมพูนู๊ดดด
 
 
MERION = สีน้ำตาล น่าจะเหมาะกับผู้หญิงผิวสองสีมากๆ สีนี้
NSFW = สีแดงสด
 
VINTAGE = สีแดงเลือดนก
 
SYBIL = สีไวน์แดงเข้ม
XOXO
 
 
 

Posted in HOW TO, REVIEWComments (0)

STMSTYLE – บริษัทเอเจนซีพาทัวร์ศัลยกรรมที่เกาหลีอันดับ1ในไทย

ในทุกวงการแพทย์ เมื่อมีแพทย์ มีคนไข้ คุณหมอต้องสำคัญที่สุด การที่เรามาทำธุรกิจเอเจนซี่ทัวร์ศัลยกรรมเกาหลีเพื่อดูแลลูกค้าคนไทยนั้น แม้เรามาจากเกาหลีก็จริงแต่เรามองว่าลูกค้าทุกคนที่เข้ามาไม่ว่าจะเชื้อชาติไหน เปรียบเสมือน แม่ และพี่สาวแท้ๆของเรา ที่เราอยากให้เขาได้รับการดูแลกับคุณหมอที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริงๆ ที่สำคัญต้องปลอดภัย และ ดีที่สุดในการรักษาให้กับคนในครอบครัวของเรา คิมซอนฮา Kim sun ha (김선하) ผู้บริหาร STM STYLE MT CO.,LTD 

 

ประโยคสัมภาษณ์นี้เพียงประโยคเดียวและภาพที่คุณคิมมองหน้าพี่สาวตัวเอง

ระหว่างพูดประโยคนี้ติดอยู่ในความทรงจำ อยู่ในใจของเอิ๊ก เมื่อได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับCEO

คุณคิมซอนฮา Kim sun ha (김선하) หน้าเหมือนจะดูดุ ยิ้มยาก แต่ใจดีมากกกกกกก

 

ทำไมต้องเขียนเกี่ยวกับศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี เมืองไทยไม่ดีหรืออย่างไร ?

          อยากจะบอกว่าไม่ใช่นะคะ เมืองไทยรพ.ที่เอิ๊กได้คุย ได้สัมภาษณ์ในระดับเจ้าของรพ. น่ารักมาก อัธยาศัยดีมาก เก่งมากอยู่แล้ว แต่เพราะเอิ๊กอยากเขียนเรื่องราวศัลยกรรมเนื่องจากมีเพื่อนๆถามกันมามาก ซึ่งเอิ๊กไม่มีประสบการณ์ใดใดเลย และศัลยกรรมของศัลยแพทย์ไทย คนเขียนเยอะแล้ว เนื้อหาดีมาก และ ชัดเจนมากอยู่แล้ว เลยอยากเขียนอะไรที่คนไม่เขียน อยากเป็นคนแรกที่เปิดประสบการณ์ มุมมองอีกด้าน ของประเทศเกาหลี กับ นวัตกรรมการศัลยกรรมที่มีความทันสมัยมากอีกหนึ่งที่ในเอเชีย เป็นประเทศที่เอิ๊กสึกรักและผูกพันมากที่สุดประเทศนึง รองจากไทย

          บวกกับพรหมลิขิต ให้เอิ๊กได้พบกับที่นี่ ขอบคุณน้องเมย์ STMSTYLE MT มากค่ะ ที่ติดต่อมา และ ขอบคุณคุณ คิมซอนฮา ผู้บริหาร ที่ให้โอกาสเอิ๊กได้ร่วมงาน กับบริษัทที่มีมาตรฐาน และ คุณภาพสูง อย่าง STMSTYLE แต่เอิ๊กจะบอกว่าเอิ๊กไม่ได้ชอบเขาแค่นั้น เหตุผลเดียวสั้นๆ ที่ทำงานด้วย เพราะหัวใจเราเหมือนกัน คิดกับคนรอบตัวเหมือนคนในครอบครัว มีความห่วงใยเพื่อมนุษย์ แม้จะเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่เรื่องของคุณธรรมที่นี่สำคัญที่สุดอันดับหนึ่ง

          เนื้อหาที่เอิ๊กจะเขียนครั้งนี้ จึงอยากแนะนำให้ทุกคนได้มีโอกาสรู้จัก STMSTYLE อย่างลึกซึ้ง ด้วยคำถามสัมภาษณ์ ที่เอิ๊กคิดมาแล้วว่าจะทำให้ทุกคนเข้าใจ กับ ธุรกิจเอเจนซี่ศัลยกรรมอย่าง STMSTYLE มากขึ้น รวมถึงให้เอิ๊กได้รู้จักคนที่เอิ๊กมาร่วมงานด้วยดียิ่งขึ้น นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมต้องเขียนเรื่องศัลยกรรมเกาหลี และทำไมต้องเป็นที่ STMSTYLE เท่านั้นเวลานี้

 

 

ต้นกำเนิด STMSTYLE  

          เกริ่นนำก่อนจะมาเป็นธุรกิจเอเจนซี่พาทัวร์ศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลี ชื่อ STMSTYLE นั้นได้ตั้งขึ้นสอดคล้องกับบริษัท STM เป็นบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ในประเทศเกาหลีที่ให้ความรู้เกี่ยวกับทางการแพทย์ ศัลยกรรม และผิวพรรณ ของเกาหลีทั้งในประเทศและต่างชาติมานานกว่า 10 ปี เนื่องจากผู้บริหาร คุณ คิมซอนฮา นอกจากเธอจะเก่งศิลปะ การออกแบบเพราะเรียนจบมาจากทางด้านศิลปะโดยตรงทำให้เธอหลงไหลในความสามาตรของสรีระเรือนร่าง และใบหน้ามนุษย์ และเธอยังอยู่ในส่วนที่คุมการผลิตรายการโทรทัศน์ทั้งหมดอยู่ที่ STM จึงผูกพันในเรื่องของแนวการรักษาของแพทย์ทำให้เธอหลงไหลในวิทยาการทางการแพทย์อย่างมาก [MEDICAL]

          ด้วยงานที่ทำ ทำให้มีโอกาสพบปะแพทย์ชั้นนำดาราชั้นนำ มายาวนานกว่า 10 ปี ทำให้เธอเป็นที่รัก ที่นับถือของทั้งแพทย์ นักร้อง นักแสดงมากมาก แต่ด้วยความที่เธออยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ประกอบกับทางรัฐบาลเกาหลีก็สนับสนุนและลงทุนให้คนเกาหลีมีธุรกิจข้ามประเทศเพื่อเป็นการเผยแพร่นวัตกรรมและความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ของเกาหลี เมื่อมองให้ลึกลงไปคนไทยชอบเรื่องความสวยความงามมาก อยากมีใบหน้าสวย ซึ่งเธอชอบออกแบบความสมมาตรบนใบหน้าของคนอยู่แล้ว เธอจึงคิดว่าเธอเลือกทำในสิ่งที่ชอบ กับ คนที่หลงไหลไปในทิศทางเดียวกันน่าจะเป็นการดี นั่นเป็นเหตุผลให้เธอ ผันตัวเองมาอยู่ในวงการศัลยกรรมนี้ที่ประเทศไทย

          ด้วยจุดยืนที่สอดคล้องกับรัฐบาลและความชอบของเธอโดยต้องมีคุณธรรมในการทำธุรกิจ คือ ได้เป็นส่วนหนึ่งที่มีโอกาสเผยแพร่นวัตกรรมทางการแพทย์ของเกาหลี แต่คนที่เธอห่วงใยทุกคนเหมือนครอบครัว [ลูกค้า] ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ที่ดีที่สุด มีคุณภาพมาตรฐานจากโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมานานด้วยฝีมือ ด้วยประสบการณ์เฉพาะทางของแพทย์ ปลอดภัย ราคายุติธรรมไม่ว่าจะเป็นคนชาติใด และ มีคนดูแลให้อุ่นใจ และ มีการรับประกันหลังการรับการรักษาหากเกิดความผิดพลาดทางการแพทย์เกิดขึ้น

STMSTYLE มีบริการอะไรบ้าง ?

          4 ปีที่เปิดบริการมา กับสาขาแรก คือในประเทศไทยนอกจากจะเป็นบริษัทเอเจนซี่ระหว่างประเทศที่พาไปศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีแล้ว ยังเป็นด่านแรกในการให้คำปรึกษาวิเคราะห์รูปหน้ารวมถึงประเมินค่าใช้จ่ายที่แน่นอนที่จะขึ้นในการรับบริการโดยผู้บริหารที่ผ่านการอบรมเป็นที่ปรึกษาโดยเฉพาะ โดยการเรียนรู้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และ พัฒนาเข้ารับการอบรม ศาสตร์ และ ศิลป์ ของการศัลยกรรมใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา 

[ เอิ๊กไปนั่งให้คุณคิม ผู้บริหารวิเคราะห์รูปหน้าเล่นๆ ว่าต้องปรับส่วนไหนบ้าง อิอิ ถามไปงั้นละ

ไม่กล้าทำอะไรกับหน้า แก้มป่องสวยอยู่แล้ว 555555 จริงๆก็ยังไม่มีโครงการ

แค่อยากลองประเมินดูคร่าวๆ ถึงสิ่งที่ต้องทำ พร้อมราคา อู้ววววว ราคาชนะเลิศมาก

เหมาะสมกับแพทย์แต่ละคนมากที่ประสบการณ์เกิน 10 ปีขึ้น เวลาคุยผ่านพี่ล่ามสุดสวยค่ะ

คุณคิมว่าวไทยไม่ได้ พูดภาษาไทยยังไม่ได้ แต่เราก็มองตากันตลอด ฮิ้วววววว ]

ที่นี่ มีบริการพาไปศัลยกรรมส่วนในกันบ้าง

  • ศัลยกรรมตา
  • ศัลยกรรมจมูก
  • ศัลยกรรมรูปหน้า
  • ศัลยกรรมหน้าอก
  • ศัลยกรรมดูดไขมัน ฉีดไขมันตัวเอง
  • ศัลยกรรมน่อง
  • ศัลยกรรมปลูกผม
  • ศัลยกรรมริ้วรอย การดึงหน้า
  • ศัลยกรรมตกแต่ง และ กระชับของผู้หญิง [ รีแพร์ ]
  • เลเซอร์ผิวหนัง สกินแคร์ดูแลผิวพรรณ

 

 

 

 

       

  นอกจากนี้ STMSTYLE ยังมีโครงการส่งศัลยแพทย์ไทยไปเรียนรู้เทคนิคทางการแพทย์ของประเทศเกาหลีเพื่อเป็นการแบ่งปันแลกเปลี่ยนแนวความรู้ศัลยกรรม และ นวัตกรรมของเกาหลีอีกด้วย ทราบมาว่าส่งไปเป็นครั้งที่ 8 แล้ว และมีการวางแผนที่จะเปิดอีก 3 สาขาในประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงศูนย์ดูแลผิวพรรณด้วยเทคโนโลยีและ อุปกรณ์คุณภาพมาตรฐานจากประเทศเกาหลีด้วย [ แอบเมาท์ว่าไปใช้บริการที่ประเทศเกาหลีมาแล้ว ที่ดาราชอบไปกัน นวดหน้าเขาค่อนข้างเน้นกดจุดน้ำเหลือง ผลักครีมซึมหน้า ฉ่ำตลอดเวลา แต่เลเซอร์นี่ยิงรัวมาก 5555555555555 ไว้ตามอ่านกันต่อๆไปนะคะ ]

 

จุดเด่นแบรนด์เอเจนซี STMSTYLE 

  1. มีใบประกอบการชัดเจนทั้งจากประเทศเกาหลี ประเทศไทย มีใบWORK PERMIT ที่สามารถตรวจสอบได้ มั่นใจได้แน่นอนว่าไม่มีการโดนหลอกเกิดขึ้น
  2. ศัลย์แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่จบมาโดยสาขานั้นโดยตรง สามารถตรวจสอบได้ และแต่ละท่านมีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 5-10 ปี และ ได้รับการยอมรับจากคนในประเทศเกาหลี ที่สำคัญเป็นศัลยแพทย์ด้านไหนก็ทำแค่ด้านนั้นเท่านั้น ถ้าเก่งตา ก็คือ เรียนมาเพื่อศัลยกรรมตาโดยเฉพาะ
  3. โรงพยาบาลศัลยกรรม ศูนย์เลเซอร์ผิวหนัง ปลูกผม หรือ ศูนย์เลเซอร์รีแพร์ เป็นสถานที่ที่มีนวัตกรรมเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย มาตรฐาน คุณภาพสูง มีชื่อเสียง เชี่ยวชาญ ตรวจสอบได้เท่านั้นที่STM STYLE เลือกให้บริการแด่ลูกค้า
  4. 4 ปีที่ดำเนินธุรกิจมา สร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้ามากมาย ทั้งคนในวงการ ผู้มีชื่อเสียง และ ลูกค้าคนไทยที่น่ารักอีกหลายๆท่าน
  5. การทำงานที่เป็นระบบ มีบริษัทที่ดูแลอยู่ที่นี่ และ ประสานงานคนไข้กับโรงพยาบาลทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมินการศัลยกรรม และ ค่าใช้จ่ายในการรับการรักษา การเดินทาง รถรับส่งส่วนตัว ที่พัก ล่ามคนไทย การนัดหมายแพทย์ ตลอดจนการเช็คผล การดูแลเรื่องยา ข้อมูลดูแลตัวเองก่อนหลังทำ จนกระทั่งบินกลับ และ กลับมาให้ข้อมูลได้ตลอดเวลาที่ไทย
  6. ประเมินการศัลยกรรมที่จะเกิดขึ้นได้เบื้องต้น ความเหมาะสมในตำแหน่งที่จะทำ ตามหลักที่ปรึกษาที่ผ่านการอบรมมาอย่างถูกต้องในแบบฉบับศาสตร์ ศิลป์ โหวงเฮ้งของการศัลยกรรมที่ทางผู้บริหารได้พัฒนาเข้าอบรมแนวความรู้ นวัตกรรมใหม่ๆตลอดเวลา รวมถึงประเมินค่ารักษาตามจริงได้
  7. บริการดูแลหลังการรักษา หากมีปัญหาในการศัลยกรรมเกิดขึ้นทาง STMSTYLE จะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายหลังผ่าตัดให้ใหม่ทั้งหมด ภายในระยะเวลา 1 ปี และ บริการดูแลสอบถามภายหลังการรักษาที่ได้คำตอบรวดเร็ว จริงใจ ทันทีทันใด ไม่ว่าจะทางอีเมลล์ หรือ ทางโทรศัพท์ (ประสบการณ์ตรง)
  8. ความยุติธรรมทางด้านราคาเท่ากับคนเกาหลีทำที่ประเทศเกาหลี ไม่มีการบวกเพิ่มซึ่งความจริงต่างชาติไปอาจจะแพงกว่านั้น หรือ แม้แต่ใช้เครดิตการ์ดก็จะมีส่วนมากมายสูงสุดถึง 40%
  9. เลือกระดับของการบริการได้ เช่น สามารถเลือกระดับที่พัก เลือกหาคนดูแลเพิ่ม เลือกโปรแกรมทัวร์ ชอปปิ้งเพิ่มเติม ซึ่งตรงนี้ถ้าลูกค้ามีงบสามารถสั่งจัดสรรให้ได้เฉพาะบุคคล
  10. อบอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัย มั่นคงทางจิตใจ จากประสบการณ์โดยตรง ทั้งล่ามคนไทย พยาบาลที่สามารถพูดภาษาไทยได้ที่นั้น คอยตอบคำถามเราได้ตลอดเวลา โดยใบหน้าที่มีมิตรไมตรี แจ่มใส ทำให้ไม่รู้สึกว่าโดนทอดทิ้ง โดดเดี่ยว

 

จุดด้อยที่มองเห็นในการศัลยกรรมที่เกาหลี

  1. ยังไม่มีโรงพยาบาลที่รองรับในเมืองไทย หากเกิดการแก้ไขฉุกเฉิน เช่น คนไข้อาจเกิดการอักเสบ คนไข้อยากศัลยกรรมจุดอื่นเพิ่ม หรือ อยากแก้ไขผลการศัลยกรรมที่ไม่เป็นไปตามที่ได้รับคำปรึกษากับแพทย์ ก็ต้องบินไปทำที่เกาหลี ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย เช่น ตั๋วเครื่องบิน และ ที่พักเพิ่ม 
  2. รอคอยการตอบกลับที่ไม่ทันทีทันใด กรณีกลับไทยหากมีปัญหา มีข้อสงสัย ก็ต้องติดต่อสอบถามไปยัง STMSTYLE และ STMSTYLE ต้องติดต่อไปยังโรงพยาบาล และ รอการตอบรับกลับมาอีกที ซึ่งคำตอบอาจไม่ได้ทันใจเพราะต้องใช้เวลารอคอย
  3. ข้อจำกัดของภาษา เป็นข้อด้อยของตัวเอง ซึ่งเราไม่สามารถสื่อสารกับหมอได้โดยตรงคนเดียว หรือ การพูดคุยกับพยาบาลที่นั้นที่เป็นคนเกาหลี ต้องมีล่ามตลอดเวลา อาจทำให้เรารู้สึกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อยากรู้อะไรมากๆ ก็ต้องรอล่ามแปลอีกที และ ช่วงพักฟื้น เช่นกลางคืน เขาก็อาจกลับบ้านไปนอน ดังนั้น นางพยาบาลที่พูดไทยไม่ได้ จะมีแผ่นกระดาษแปลไทยมาให้เราอ่าน เวลาเขาต้องการถามว่าเราต้องการอะไรไหม เช่น อยากเข้าห้องน้ำไหม เราก็พยักหน้า แต่เราอาจจะถามต่อไม่ได้ เพราะภาษาอังกฤษก็เป็นข้อจำกัดของที่นั้น ที่เขาเองก็อาจไม่แข็งแรงทางภาษาที่ 2 หรือ 3 เหมือนกับคนไทยบางคน หรือ เอิ๊กเองเนี่ยละ งู งู ปลา ปลามาก
  4. ห้อง VIP ใหญ่ยังกับพระราชวัง ที่นั่นไม่มี เน้นห้องที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบ เตียงประระดับอุณหภูมิได้ พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด และ มาถี่มาก คนเฝ้าไข้อาจไม่มีที่นอนให้นอนเฝ้าต้องนอนอีกห้องนึง
  5. ราคาศัลยกรรมที่ยุติธรรมตามจริงนั้น ก็ทำให้ราคาประเมินคร่าวๆแต่ละคนต่างกันไปด้วย เป็นเหมือนการออกแบบเฉพาะบุคคลให้เหมาะกับตนเอง จึงไม่มีเรทราคาที่ตายตัว ดังนั้น จึงต้องมีการประเมินค่าใช้จ่ายคร่าวๆก่อน ซึ่งทางSTMSTYLE ก็จะให้บริการให้คำปรึกษาเรื่องศัลยกรรมที่ควรจะเกิดขึ้นแล้ว ยังมีหน้าที่ที่คอยประเมินค่าใช้จ่ายให้ ก็จะต่างจากเมืองไทย ที่ทำจมูกราเท่านั้น ทำตาราคาเท่านี้ ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ทันที

 

ทำไมต้องมีเอเจนซี่ศัลยกรรมอย่าง STMSTYLE

          เอาเป็นว่าประสบการณ์ตรงที่ได้สัมผัสการทำศัลยกรรมกับต่างชาติ เรื่องศัลยกรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก การทำอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้า ศีรษะ อวัยวะของผู้หญิง หรือ ลำตัว ยิ่งเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ความหวังทั้งหมดทั้งมวลฝากไว้ในมือหมอ กับความเชื่อว่าจะออกมาดีแน่นอนจากในตัวเรา เป็นเรื่องที่มีแค่เงินและความอยากไม่ได้ ข้อมูลต้องแน่น หมอต้องใช่ เราต้องเชื่อ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงอาจต่างกัน ในใจเอิ๊กถ้าตัดสินใจจะทำแล้ว

  1. เรื่องหมอต้องเจ๋ง ต้องจบศัลยกรรม ยิ่งมีชื่อเสียง หรือ ทำให้ดาราด้วยยิ่งดี มันอุ่นใจ 
  2. สถานประกอบการได้รับมาตรฐานไหม เอิ๊กเลือกโรงพยาบาล เพราะถ้ามีขั้นตอนการใช้ยาสลบแน่นอนเครื่องมืออุปกรณ์เขาครบและพร้อมที่จะช่วยชีวิตเราได้ หากเกิดอะไรขึ้น มันต้องปลอดภัยกับชีวิตเราที่สุด
  3. ค่าใช้จ่ายที่แน่นอนบอกเท่าไหร่จะได้เก็บเงินถูกไม่ใช่โดนชาร์ตเรื่อยๆไม่สิ้นสุด ขอแบบควบคุมได้
  4. เรื่องแผลสำคัญ อยากไม่มีแผลเป็น แต่ศัลยกรรมก็ต้องดูตำแหน่ง เราควรหาข้อมูลในการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดด้วย
          นี่เป็นเรื่องหลักๆในใจของเอิ๊ก ถามว่าจะไปทำศัลยกรรมต่างชาติ บินไปเอง จะมั่นใจได้แค่ไหนในข้อมูลว่าถูกต้อง เอิ๊กว่าการมีคนที่เชี่ยวชาญในวงการนี้ โดยเฉพาะเอเจนซี ทำให้เอิ๊กปวดหัวกับการกรองข้อมูลไปได้ถึง 80% ยิ่งได้เจอเอเจนซีที่ดี คุยแล้วมั่นใจ รู้ว่าเขามีคุณธรรม เราวางใจได้แล้วจุดนึง เอิ๊กบอกตามตรงเอิ๊กมีข้อมูลน้อยมากก่อนตัดสินใจจะไป เพราะภาษาเกาหลีไหนจะต้องเอามาแปลใน google มันปวดหัวมาก อ่านของไทยไป ที่นู่น กับ ที่นี่ ศัลยกรรมบางอย่าง ดูแลต่างกันสิ้นเชิง 100 % และหมออีก จะไปถามใครละ เพื่อนเหรอ เพื่อนจะรู้ดีสุดไหม มีเพื่อนเกาหลีที่คลุกคลีในวงการนี้ไหม ปรากฎคือไม่มี และ เรื่องศัลยกรรมบางทีมันก็ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถามบางคน บางคนอาจเต็มใจจะบอก บางคนไม่
          ไหนจะทำการนัดหมอที่ดีที่สุด การจองห้อง การอยากให้พยาบาลมาดูแลเอาใจใส่ การวิตกกังวลอยากถามอยู่ตลอดเวลาทั้งก่อน-หลังทำ ถ้าไปเองเขาจะดูแลเราได้ดีไหม เราคงเคว้งคว้างตั้งแต่ก่อนไป จนกระทั่งกลับ ถ้าเมลล์ไปถามปัญหาที่โรงพยาบาลที่ทำ เขาจะตอบฉันไหม โทรไปก็อาจจะพูดไม่รู้เรื่อง ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง เกาหลีนี่ยิ่งไม่รู้เรื่องเลย ฟังเพลงเกาหลีเพราะได้อย่างเดียว แต่ไม่รู้คำแปล
         สรุปไปต่างบ้าน ต่างเมือง กับการเปลี่ยนแปลงสรีระร่างกายของชีวิต เอิ๊กรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก และแย่หากเราจะไม่รู้อะไรเลย ไม่มีคนให้คำปรึกษาตลอด เอิ๊กคงไม่ไป และ ในไทยเอิ๊กคงไม่ทำ เพราะเอิ๊กมีเหตุผลบางอย่างที่หลายคนรู้คงเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเอิ๊ก ทุกที่ล้วนมีสิ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบ เพื่อป้องกันความไม่สบายใจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เอิ๊กจึงเลือกไปในที่ๆไม่มีใครรู้จัก เพื่อความสบายใจ มั่นใจ ปลอดภัยในการใช้ชีวิตหลังจากนี้

 

วิธีการเลือกเอเจนซีตามแบบฉบับ STMSTYLE

  • มีสถานที่ประกอบการในไทยชัดเจน มีที่อยู่ มีที่ตั้งที่ควรจะตั้งมาไม่น้อยกว่า 12 เดือน และ มีเว็บไซด์ไหม
สถานที่ตั้งอยู่ย่านทองหล่อ มีเว็บไซด์ชัดเจน http://www.stmstyle.com/ อยู่มา4ปีแล้ว
  • หลักฐานในการทำธุรกิจ เช่น ใบประกอบการ ใบwork permit เอกสารข้ามชาติที่สำคัญต้องมีกันถูกหลอก

วันแรกที่ไปเอิ๊กถามหาก่อนเลย และเขายินดีให้ชมทุกใบจนตาลาย ใครไปคงจะได้เห็นกันนะคะ

สามารถร้องขอเพื่อดูได้เลย เขามีทั้งเอกสารจากทางประเทศเกาหลี ประเทศไทย

อย่างน้อยก็อุ่นใจตัวเขาอยู่ไทยแน่นอน เรามีปัญหาอะไรก็ตามได้ตลอด

  • คุณหมอและโรงพยาบาลที่เขาจัดไว้ให้ เชื่อถือได้ไหม เขาคัดเลือกอย่างไร

ถามแค่นี้ เขาจัดเต็มมาให้เลย เขาทำงานอย่างโปร่งใสมาก

มีการทำให้เห็นว่าเขาคัดหมอและวิธีดูแลเราอย่างไร ใบนี้เห็นติดไว้ในบริษัทเลย

  • เงื่อนไขการดูแล การรับประกัน และค่าใช้จ่ายที่แน่นอน
เราต้องสอบถามให้ละเอียดทั้งหมดทุกอย่างที่ตกลงกันจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น ของเอิ๊กลื่นมากกกกกกกกกก เอ้ย รื่นมากกกก 555555 เอาเป็นว่าอย่างที่ทุกคนเห็น มีความสุขดีที่ประเทศเกาหลีตอนไปดูงาน และ ไม่มีใครรู้ว่าทำอะไร 555555 เพราะออกไปเรียนรู้งานทุกวัน ทีมน่ารักมาก ทั้งก่อนและหลัง แม้บางทีข้อมูลอาจต้องรอจากรพ.หน่อยก็ตาม

ศัลยกรรมที่เกาหลีมีความพิเศษอย่างไร ?

  • การเรียนรู้ของแพทย์ต้องเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทาง ถ้าอยากเป็นศัลยแพทย์ก็ต้องจบศัลยแพทย์โดยตรง 6 ปี และเมื่อรู้ว่าชอบศัลยกรรมอวัยวะไหนก็จะมุ่งเน้นสอบเพื่อเรียนแค่ทำสิ่งที่ตัวเองชอบหรือถนัด เช่นชอบการเรียนรู้ที่จะศัลยกรรมจมูกก็จะเรียนเรื่องทำจมูกโดยตรงต่ออีก 2 ปี หลังจากนั้นก็จะมีการเรียนขั้นสูงในเทคนิคพิเศษเพื่อการทำจมูกโดยเฉพาะอีก 3-4 ปี คือ รักสิ่งไหน เรียนรู้ที่จะเก่งในด้านนั้นอย่างเดียวจริงๆ จึงจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่ทำสูงมาก คือ ถ้าจะเรียนในการเป็นแพทย์ผ่าตัดอะไรซักอย่างหมอคนนึงจะต้องผ่านประสบการณ์เรียนรู้พื้นฐานมาถึง 10 ปี บางคนอาจจะมากกว่านั้น และ ก็มีการเรียนรู้เพิ่มเติม วิจัยตลอดเวลา บางคนทุกวันนี้ก็ยังเรียนรู้อยู่
  • นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคเฉพาะของแพทย์แต่ละท่าน แต่ละสาขา เพื่อสรรหาวิธีที่ทำให้คนไข้ปลอดภัย เจ็บน้อยลง ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด เลือดออกน้อยที่สุด และ ธรรมชาติ เหมาะสมกับสรีระมากที่สุดด้วยเครื่องมือเอกซ์เรย์โครงสร้างสรีระที่ทันสมัย ไม่ใช่แค่การใช้ตาดูเพียงอย่างเดียว
  • ราคาการศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีมักขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ ดังนั้นอาจจะพบว่าไม่มีเรทที่ตายตัว แม้เป็นโรงพยาบาลชั้นนำเหมือนกัน แต่ราคาก็สามารถต่างกันได้ลิบลับ แค่เพราะว่า ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ขั้นสูงของแพทย์

 

ค่าใช้จ่ายที่สูง

  1. นอกจากค่าใช้จ่ายคนที่ต้องการศัลยกรรมที่ตำแหน่งเดียวกัน แต่บางทีเจอเรทที่ต่างกันได้ หรือ รพ.นั้นทำไมทำราคาถูกกว่าที่นี่ ทั้งนี้ที่ประเทศเกาหลี จะขึ้นกับชื่อเสียง ประสบการณ์เทคนิคความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นอันดับแรก รองลงมาคือมาตรฐานสถานประกอบการ หรือ โรงพยาบาล สุดท้ายที่ทำให้ราคาต่างคือ ค่าใช้จ่ายประเมินตามสรีระบนใบหน้า จึงไม่มีราคาที่ชัดเจนเหมือนคนไทย
  2. หลายคนอาจจะคิดว่ามีเอเจนซี่ทำให้แพงขึ้น คำตอบกลับกลายเป็นว่า เพราะมีเอเจนซี่อย่างSTMSTYLEเราถึงได้ราคาเท่ากับคนประเทศบ้านเค้า ไม่มีการคิดเพิ่มเท่าตัว ซึ่งบางที่คนไทยถือเงินมากก็โดนตม.หาว่าฟอกเงินได้ หรือ โดนชาร์ตค่าFEEบัตรเครดิตที่อาจจะมากเกือบ 50% แต่มีเอเจนซี่ รพ.คิดเท่าไหร่ เอเจนซี่ก็เก็บตามจริง เผลอๆ ประเมินให้ถูกกว่าด้วยซ้ำ พร้อมพ่วงด้วยบริการก่อน-หลังการเข้ารับการรักษา

 

ทำไมต้องศัลยกรรม ?

เคยมีคนเขียนข้อความมาให้เอิ๊ก ว่าทำไมพี่เอิ๊กถึงมีอีกแง่มุมเรื่องศัลยกรรมมาแชร์ให้คนอ่าน ทั้งที่บอกว่า ให้สร้างความสวยความงามจากภายในไม่ใช่เหรอ ใช่ค่ะ แต่ต้องมีความสวยความงามจากภายนอกด้วย เพราะมันก็เป็นประการด่านแรกที่ทำให้เรามั่นใจ ภูมิใจในการเฝ้าเอาใจใส่ดูแลตัวเอง อย่างน้อย ต้องดูสะอาด สุขภาพดี เลือกใช้สีสันเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือ บำรุงผิวพรรณให้ดูละเอียด และ เกลี้ยงเกลา เลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง แต่เอิ๊กมองว่าอันดับหนึ่ง ความสวยภายใน สุขภาพ จิตใจ ความคิดต้องมาก่อนเสมอ มันจะส่งผลถึงความงามภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนคำตอบในเรื่องทำไมต้องศัลยกรรมคนที่ตัดสินใจทำ น่าจะตอบได้ดีที่สุด ทั้งนี้อยากให้คำนึงถึงช่วงวัยที่โตพอ ไม่เดือดร้อนพ่อแม่ ใครๆ หรือแม้กระทั่งตัวเอง เราเป็นสิ่งพิเศษที่เกิดมาเพียงสิ่งเดียวโลกที่ไม่เหมือนใคร บางอย่างรักษาไว้ก็อาจจะดีกว่า แต่ถ้าบางอย่างมันเกินเยียวยา ทำให้ใช้ชีวิตได้ครึ่งๆกลางๆ ถ้าเราพร้อม เราก็ตัดสินใจได้ ขอแค่เลือกแล้วเราต้องเผื่อใจยอมรับผลของมันให้ได้ และส่วนสำหรับคำตอบของเอิ๊กในฐานะหนึ่งในผู้มีประสบการณ์ที่หาข้อมูลดี เตรียมใจอย่างดี ตอบได้ว่า เพื่อชีวิตใหม่ที่มั่นใจ มีความสุข มีพลัง และ ดีกว่าเดิมได้โดยไม่ต้องไปเกิดใหม่อีกครั้ง ..

 

เอิ๊กมาเขียนเรื่องนี้ไม่มีประสบการณ์และจะเขียนได้เหมือนคนที่มีประสบการณ์เหรอ ?

คงมีบางคนรู้แล้ว และ หลายคนคงไม่รู้ว่าเอิ๊กบินไปดูงานมาแล้ว สัมภาษณ์คุณหมอศัลยกรรมทุกคนในแต่ละสาขาของ STMSTYLE ด้วยตัวเองกับคำถามที่เอิ๊กเลือกขึ้นมาถามโดยคิดว่าสำคัญ และ ที่สำคัญเอิ๊กมีประสบการณ์ร่วมด้วยแล้วในการเป็นคนไข้ ถึงบอกว่าจากนี้ สิ่งที่เอิ๊กเขียน เอิ๊กผ่านมาจริง แม้ไม่ได้ศัลยกรรมด้วยตัวเองทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เลือกแค่สิ่งที่จำเป็นที่สุดในชีวิตเอิ๊กเพียงสิ่งเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่อย่างหนึ่ง STMSTYLE ไม่ได้บังคับให้เอิ๊กออกมาพูด แต่เอิ๊กแค่อยากบอกว่า เอิ๊กห่วงใยคนอ่านเอิ๊กมากที่สุดเช่นกัน ถ้าเราจะบอกอะไรเขาซักอย่าง แต่เราไม่มีประสบการณ์เลยจะทำให้เขาเชื่อมั่นได้อย่างไร ตอนนี้เอิ๊กเข้าใจเรื่องราวของศัลยกรรมมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ไว้ตามดูกันต่อไปจะมีเฉลยซักตอนที่มันส์ที่สุด เพราะเป็นเรื่องของเอิ๊กล้วนๆเลย :p

 

 


Posted in SURGERYComments (9)

How To เทคนิคแต่งตามืออาชีพสำหรับมือใหม่ รีวิวคลีนซิ่งออย by THREE

แบรนด์ให้ CLEANSING OIL มารีวิว พอใช้แล้วชอบมาก

แต่จะชวนล้างหน้าอีกกลัวหลายคนเบื่อ เลยสอบถามมีเทคนิคอะไรน่าสนใจอีกไหม

พบว่าแบรนด์ THREE มีเครื่องสำอางที่น่่าสนใจ น่าใช้หลายตัว แต่สำคัญ

คือ เทคนิคการแต่งตาที่ผลลัพธ์ดูมืออาชีพมาก ทำให้เข้าใจง่าย

เพื่อคนที่ฝึกหัดใหม่จะได้ลองแต่งกัน โดยเอิ๊กผูกเรื่องราวที่เค้าสอน

เค้าร่วมกันจินตนาการของเอิ๊ก แต่จะออกมาเป็นอะไร

เพื่อช่วยให้คนแต่งตาแต่งตามได้ง่ายขึ้น ลองไปดูกันค่ะ
XOXO

Posted in HOW TOComments (2)

HOW TO กันแดดเป๊ะเมคอัพเนียนแต่งหน้ารับสงกรานต์

ผิวดูอายุเยอะกว่าความจริงแบบกร้านๆ รอยสิวที่ชัดขึ้น

ฝ้า กระ สิวอักเสบ สิวผดที่มาเยี่ยมเยียน

หารู้ไหม ว่าบางทีอาจจะมาจากการที่ไม่ใช้กันแดด หรือ ใช้กันได้ไม่ถูกวิธี

วันนี้มีเกล็ดการใช้กันแดดมาฝากนะคะ เป็นห่วงอยากให้มีสุขภาพผิวดีกันทุกคน

และ นำเอาเมคอัพรับสงกรานต์กันน้ำได้มาฝากด้วยยยยยยยยยยยย

ไปดูกันเลยยยยยยยยยยยยยยยย

ขอบคุณ CUTE PRESS สำหรับกันแดดที่ส่งมาให้เล่นด้วยฮะ

Posted in HOW TO, MAKE UP, REVIEWComments (0)

เมคอัพกันน้ำเล่นสงกรานต์

มาดูกันสาวๆใน erk-erk.com จะแชร์อะไรกันบ้าง

เมคอัพกันน้ำสงกรานต์ กันเหงื่อ กันละลาย

ขอบคุณทุกคนมากค่ะ

XOXO

Posted in MAKE UPComments (0)

REVIEW – DOVE NOURISHING OIL CARE

วันนี้มาอวดItemโปรดก่อนเอาไว้ดูแลผมฟูขาดร่วงง่ายของตัวเอง
ตอนนี้เอิ๊กเลิกทำสีผมโดยสนิท กลัวทำลายโปรตีนเส้นผม ส่งผมให้มีสุขภาพไม่ดี อ่อนแอ 

ตอนนี้คือนอกจากผมขาด ปลายเสียฟูจากการยืด ใช้วิธีพลาง
ด้วยการทำผมสีเข้ม ซึ่งได้ผลมากๆ อิอิ ต้องมาจับ หรือ ทำผมให้ถึงจะรู้ความจรืง
วันก่อนมีบลอคเกอร์ความงามหลายท่านถูกเชิญไปเช็คสภาพของเส้นผม
ว่าแห้งขาดน้ำหนักขนาดไหน เรียบลื่นขนาดไหน โดยเครื่องนี้ใครผมฟู แห้ง มันฟ้องแน่นอน

เอิ๊กไปแถวเซนทรัลลาดพร้าวเมื่อกลางเดือนที่แล้ว
แล้วความจริงก็ฟ้องต่อหน้าใครหลายคน
ปลายผมฟูลอยเลย เบาหว๋อง และได้ผลิตภัณฑ์จาก Dove กลับมาทดสอบ 14 วัน

เป็นสูตร DOVE NOURISHING OIL CARE

เซ็ทนี้ประกอบด้วย 5 ชิ้นคือ

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ ครีมแชมพู
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ คอนดิชันเนอร์
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ เดลี่ ทรีทเม้นท์ คอนดิชันเนอร์
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ ทรีทเม้นท์ มาส์ก
โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ เซรั่ม

ส่วนผสมหลักก็จะเป็นน้ำมันสกัดจากพืชต่างๆเช่น อัลมอนด์ออยล์ น้ำมันดอกทานตะวัน

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ ครีมแชมพู

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ คอนดิชันเนอร์

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ เดลี่ ทรีทเม้นท์ คอนดิชันเนอร์

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ ทรีทเม้นท์ มาส์ก

 

โดฟ นอริชชิ่ง ออยล์ แคร์ เซรั่ม

จะบอกว่าใช้แชมพู คอนดิชั่นเนอร์ผสมทรีทเมนท์ และเซรั่มตลอด 2ตัวแรกก็นุ่ม ลื่น เงาล่ะ

เพราะสูตรนี้ ชื่อบอกอยู่แล้ว อุดมไปด้วยน้ำมันจากธรรมชาติมาเคลือบเส้นผมไว้ ดังนั้น

ผมจึงมีน้ำหนักลื่น เรียบ ไม่ฟูทันทีหลังใช้ ผมจึงดูมีสุขภาพดี และตัวเด่นสุดที่ไม่พูดไม่ได้

เดี๋ยวจะให้เพื่อนลอง เพราะเพื่อนผมฟูมากหน้าจะเห็นความต่างเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกที

วันนี้ขอเจาะที่ตัวเซรั่มก่อน หลายคนอาจจะไม่ชอบน้ำมันใส่ผม เหมือน ซิลกี้แฮร์โคท

สมัยเด็กที่คุณแม่ใส่ให้ เซรั่มนี้ใช้เพียงนิดเดียว ผมก็จะถูกเคลือบให้หายฟู

เผื่อใครสนใจฉลากเลยแปะมาให้ เนื้อใสๆ หอมอ่อนๆสไตล์ที่ดมแล้วรู้ทันทีว่า DOVE ฮ่า ฮ่า

เนื้อใสๆเอิ๊กใช้ 3 – 4 หยดบนมือ แล้วลูบบนผม เว้นโคน 10-15 ซม เดี๋ยวด้านบนจะฟีบไป

เน้นปลายที่ฟูฟ่องเริ่งร่าลันล๊าพอ ~

กระจูกปลายผมที่มีปัญหาของเอิ๊กต้องคอยเล็มทิ้งอย่างเดียว และ พอฟูก็ลูบเซรั่มลงไปเงาเลย

เห็นได้ว่าแค่สระด้วยแชมพู ตามด้วยคอนดิชั่นเนอร์ กับ ทรีทเมนท์ ที่มาแบบ 2 in 1

ผมเอิ๊กก็เงานุ่มมากอยู่แล้วจัดเซรั่มตามด่วน มันก็ดูเงาขึ้นอีก สูตรนี้บอกได้เลย

ใครชอบความนุ่ม เรียบลื่น เงา ไม่ฟูคงต้องลองดู

มีหลายคนบอกว่าทรีทเมนท์ดีไว้รอบหน้าต้องขอจัดซักหน่อย

BEAUTY TIPS
ส่วนใครกลัวสิว คุณคิดถูกแล้วล่ะค่ะ พูดถึงทุกครั้งที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมทุกแบรนด์
ควรล้างน้ำเปล่าให้มั่นใจว่าสะอาดหมดจด สระผมก่อนแล้วค่อยถูสบู่
เพื่อจะได้มีผมสวยสุขภาพดีและไม่ก่อให้เกิดสิวบริเวณลำตัว อันนี้เป็นวิธีใช้ส่วนตัวของเอิ๊ก
เอิ๊กจะก้มหัวลงและสระผมแล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาด แล้วค่อยถูสบู่หรือว่าใช้เจลอาบน้ำล้าง
พวกยาสระผม ครีมนวดที่ตกคัางตามลำตัวให้สระอาด และเช็ดตัวให้แห้งหลังอาบน้ำทันที
วิธีนี้ป้องกันการเกิดสิวได้ดีสำหรับเอิ๊ก90%

 

ข้อดี เคลือบผมให้ดูเงา เรียบลื่น ดูมีน้ำหนัก ไม่ฟูทันที หาซื้อง่ายเว่อร์ ไม่แพง คุณภาพดี

ข้อด้อย เรื่องกลิ่นคงเป็นความชอบของแต่ละคน แนะนำไม่ให้สัมผัสที่หลังโดยตรง

สำหรับคนที่เป็นสิวที่ลำตัวง่าย


ปิดท้ายด้วยรูปเส้นผมที่ใช้ DOVE จะดูมีน้ำหนักแบบนี้
ขอบพระคุณแบรนด์โดฟที่ส่งมาให้ลองค่ะ

XOXO





Posted in HOW TO, REVIEWComments (0)

BEAUTY TALK – เทคนิคการฉีดโบทูลินูมทอกซินแนวกรามสำหรับคนที่ฉีดบ่อย

ISKYCENTER ขณะที่กำลังจัดการกับกล้ามเนื้อกรามที่เคี้ยวข้าวให้ฟีบลง

แก้มก็อาจจะไม่เกี่ยวเพราะเป็นไขมัน วันนี้ึคุณหมอรังสิมา อาจารย์แพทย์

และเป็นอาจารย์ของเอิ๊ก ก็ทำการฉีดโบทูลินูมทอกซินให้เหมือนเคย รอบนี้มากับความรู้ใหม่

” เวลาที่คนไข้ฉีดโบทูลินูมทอกซินบริเวณแนวกรามบ่อย

บางครั้งเราอาจจะคลำไม่เจอกล้ามเนื้อแนวกราม เพราะกรามเล็กลง “

เป็นการให้ความรู้ ที่คุณหมอได้บอกเอิ๊กไว้ว่ามันเป็นเทคนิคส่วนตัวของคุณหมอคือ

จะใช้นิ้วดันขอบกล้ามเนื้อกรามไว้ ดังภาพให้คนไข้กัดฟัน กล้ามเนื้อกรามจะแข็งขึ้นมานิดนึง

แล้วจึงทำการฉีดโบทูลินูมลงไป เพื่อให้เกิดความแม่นยำ ได้ประสิทธิผลดี

เพราะการกดบางที ถ้ามีทั้งไขมัน และ กล้ามเนื้ออาจจะคลำพบได้ยาก

(คุณหมอว่าหนูรึเปล่าคะ 555555555555 หนูไขมันเยอะ)

จึงใช้นิ้วดันประคองไว้ขอบกระดูกไว้ เพราะกล้ามเนื้อมักจะยึดเกาะกับกระดูกเสมอ

จึงปลอดภัย ถูกตำแหน่งที่ต้องการ และไม่เกิดอันตราย หรือ ผลข้างเคียงเช่น ปากเบี้ยวตามมา

ขอบพระคุณคุณหมอมากค่ะ

^______________^

Posted in BOTOX, HOW TOComments (0)

BEAUTY NEWS – สก๊อต คอลลาเจน-โอร่า

TVC ตัวใหม่ที่มีคุณพลอย เฌอมาลย์เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งตัวจริงเธอสวยมากผิวผ่องออร่าสุดๆ

ล่าสุดเป็นของเครื่องดื่มที่ผสมคอลลาเจน อารมณ์ นางพญาน้ำแข็งในนาร์เนียเลย ><

Scotch Collagen Aora ออกใหม่ ตัวนี้อัด Collagen จากปลาทะเลน้ำลึก 5000 มิลลิกรัม

ถือเป็นโชคดีมากที่ทางสก๊อตส่งมาให้ได้ลองชิมก่อน ดื่มวันละ 1 ขวด รสชาติอร่อย

หวานอมเปรี้ยวนิดๆ 

ชื่อเต็ม : สก๊อต คอลลาเจน-โอร่า มาในแพคเกจขาว-แดง เอิ๊กคิดว่าคำว่าโอร่าคงเป็น

คำที่พยายามเลียนคำว่า ออร่า AURA เปล่งประกาย เปล่งรัศมี หรือที่เราพูดติดปาก

เวลาเจอดาราหรือพริตตี้ แล้วรู้สึกว่าผิวเขาดีจนเด้ง เปล่งแสงมาแต่ระยะไกล

หน้าตาแพคเกจข้างใน ขาวแดงเช่นกัน แพคนึงบรรจุ 6 ขวด

รู้สึกจะประมาณ 200 บาทปลายๆ หาซื้อได้ทั่วไปตามห้าง ซุปเปอร์

แพคเกจบ่งบอกว่าให้ผู้หญิงดื่มมาก และ สีขาวโดดเด่นมาก สวยเนอะ เวลาตั้งเรียงกัน

เหล่าดอกไม้สีขาว เอิ๊กชอบดอกไม้สีขาวมากกกกกกกกกกกกก (ไม่เกี่ยว55)

ขวดนึงเล็กๆไม่ใหญ่ ดื่มเอื๊อกเดียวหมดเลย ต้องค่อยๆจิบเพื่อลิ้มรส ปริมาณการทาน1ขวด

ต่อวัน ซึ่งเหมือนดื่มเป็นอาหารเสริมให้ร่างกาย เพราะมันหมดไวไป 55555555

เอาละมาส่องส่วนผสมกัน (เอามาจากเว็บกันเลย)

คอลลาเจน เปลือกสนฝรั่งเศษ น้ำองุ่นขาว น้ำราสเบอรี่ วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินอี

เป็นส่วนผสมหัวใจหลักของสูตรนี้

ฉลากหน้าหลังอังกฤษชัดชัด ขวดนึงประมาณ 45 มิลลิกรัม ซึ่งใช้วิธีจิบดีสุด ฮี่ฮี่

ตารางโภชนาการ 45 กิโลแคลอรี่ ต่อขวด ไม่มาก และ ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล

มีวิตามินสำคัญหลายตัว สูงสุดคือ วิตามินเอ , วิตามินเค และมีส่วนผสมอีกมากมาย

ฉลากละเอียดมาก 🙂

สรุปวิตามินทุกตัวที่ใส่ลงไปประมาณ10กว่าชนิด

และความสำคัญของวิตามิน 3 อันดับแรก คือ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้กระดูกแข็งแรง

สร้างเม็ดเลือดแดง ฯลฯ

กินไปหมดแพคแล้ว 🙂

หน้าตาของขวด ฉลากสีขาว ฝาสีขาว

ส่วนประกอบของสูตรนี้ มีหลายอย่างมากที่น่าสนใจ

วันหมดอายุตัวใหญ่ชัดเจน และ ขึ้นทะเบียนอย.เรียบร้อย

เป็นน้ำสีน้ำขาวขุ่น รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย อร่อย ทานง่ายมาก

แนะนำทานก่อนนอนร่างกายจะได้นำไปดูดซึมใช้ได้เต็มที่ 

สรรพคุณเท่าที่อ่านมา คือ เรื่องคอลลาเจน คงไม่พ้นเรื่องผิว ความยืดหยุ่น

ความชุ่มชื่นและ สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศษ ซึ่งจะมีวิตามินซีค่อนข้างสูง

และ ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดี การผสมการทำงานของวิตามินซี – และอี

ก็จะช่วยลดการสร้างเม็ดเมลานินสีเข้มได้

ส่วนเอิ๊กเพิ่งทานได้หนึ่งแพคว่าจะลองทานต่อเนื่องซักระยะดูค่ะ ไว้มีโอกาสแล้วจะรีบ

รายงานผลส่วนตัวคิดว่า

จุดเด่น : ใส่ส่วนผสมได้ค่อนข้างจัดเต็มทั้งคอลลาเจน วิตามิน หรือ เปลือกสนที่มี

การต่อต้านอนุมูลอิสระได้ หาซื้อง่าย ทานง่าย อร่อย

จุดด้อย : ปริมาณต่อขวดน้อยมาก 😛 และการเห็นผลลัพธ์เรื่องผิว ยากมาก

คงดื่มต่อเนื่องซักระยะ ถึงจะรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หวังว่าคงเป็น

ประโยชน์สำหรับใครที่กำลังเล็งเครื่องดื่มแนวคอลลาเจน 😀 

ปล. ทานอาหารหลากหลายหมู่ และ ขยันออกกำลังกายไปด้วย พร้อมดูแลทัั้งอารมณ์

และผิวพรรณ โดยการเลือกใช้ครีมบำรุงที่เหมาะสม รวมถึงการป้องกันแสงแดด

ทุกวันเป็นประจำ ยังไงทุกอย่างควรทำควบคู่ไป ผิวกระจ่างขึ้นแน่นอน

XOXO

Posted in REVIEWComments (0)

วิธีเลือกใช้สกินแคร์ให้ได้ผลดีที่สุดในแต่ละเดือน และ เปิดกล่องความงาม VANITYTROVE เดือนมีนาคม

ปัญหาเรื่องการใช้ครีมจะหมดไป

ถ้าใช้อยากถูกสภาพผิว เหมาะกับปัญหาผิวที่ควรแก้

และที่สำคัญใช้ให้เหมาะแต่ละช่วงของเดือน

ใครมีปัญหาใช้ครีมที่เคยใช้แล้วดี ทำไมตอนนี้เฉยๆ

ทำไมผิวช่วงนี้แย่ ผิวช่วงนั้นดี อย่าพลาดคลิปนี้

ในเรื่องของการมีประจำเดือน สำคัญยังไงกับการเลือกใช้ครีมบำรุงผิว

และ ใช้ไวทเทนนิ่งช่วงไหน ได้ผลดีสุด 🙂

แอบมาเปิดกล่องความงามเดอนมีนาจาก VANITYTROVE ให้ดูกันด้วยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจกันมาตลอดค่ะ 🙂

Posted in BEAUTY NEWS, HOW TOComments (0)

advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites