Archive | SKIN

DIARY – erk-erk ไปเยี่ยมสถาบัน EUCERIN SKIN INSTITUTE ภาค 2

ภาค 3 เป็นภาคต่อของการเยี่ยมชมใน EUCERIN SKIN INSTITUTE

ภาค 1 CLICK ภาค 2 CLICK

ฐาน3 ไปจับส่วนผสมทดสอบกันแบบถึงเนื้อถึงตัวของ HYALURON

น้องเป็นผู้หญิง ขาวใส ดูบริสุทธิ์ ผุดผ่องมากค่ะน้องไฮย่า

พี่ขอจับน้องหน่อยนะ 55555

ฐานนี้นั่งกันประชิดมาก เพราะเขาจะมาปาด น้องไฮย่า [ HYALURONIC ] ให้ถึงที่

เรารู้สึกว่าแม้จะใส ขาว บริสุทธิ์ แต่มีความเหนียว และ หนืดพอตัว และอุ้มน้ำ

คือชุ่มมือนานมาก ไม่ใช่อารมณ์น้ำมัน แต่เหมือนเจลใสที่มีความหนึบ และชุ่มมาก

อย่างที่บอกว่าเป็นส่วนผสมหลักของ สูตร HYALURON FILLER ซึ่งสกัดจากแบคทีเรีย

จะเป็นผงนำไปผสมGLYCINE SAPONIN + น้ำ ทำให้เป็นเจลอีกที 

มั่นใจได้ว่าไม่มีสัตว์น้อยใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องตามนโยบายโลกสวยของ EUCERIN

ไม่ทดสอบ ไม่ทดลองในสัตว์ แล้วเขาก็นำเจลไฮย่าลงไปผสมในครีม ก่อนนำไปเทส

ไปทดสอบการเปลี่ยนแปลงเวลาอุณหภูมิเปลี่ยน ไปทดสอบในผิวมนุษย์จริง

เอาละเมื่อได้เล่นกับไฮย่าอย่างสนุกสนาน เราก็พักทานอาหารรสเลิศ ที่อุดมไปด้วยสุขภาพ

มีทั้งปลา เต้าหู้ น้ำผักที่หายาก แต่มีประโยชน์ ขอโทษที่ไม่มีรูปเพราะหิวจัด

กินเสร็จไปถ่ายรูปเล่นแถวหน้าเวที คุณหมอนลินี บำรุงราษฎร์ เป็นช่างกล้องให้ อิอิ

และแอบถ่ายแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ EUCERIN HYALURON FILLER ตัวจริง38 ยังเป๊ะ

คุณ ซอนย่า คูลลิ่ง COOL มากกกกกกก นิสัยน่ารักเวอร์

เอาละไปลุยกันต่อ ทานข้าวอิ่มแล้ว ไปฐาน 4 ชมร้านยากัน 🙂

ฐาน4 ไปทัวร์ร้านยาเยอรมันกัน

ร้านขายยาในนี้ ชื่อว่า AM DERMATOLOGIKUM อย่าถามออกเสียงยังไงนะ ไม่รู้ 55

สังเกตุภาพผนัง ชวนให้เดินเข้ามาแล้วรู้สึกว่ามันมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ข้างในใหม่กิ๊ก

ซึ่งแตกต่างจากร้านข้างนอกมาก ดูคลาสสิค แต่แอบไปด้วยความ HIGH ของ

เทคโนโลยี และ การบริการ ที่นี่เป็นของเอกชน ไม่ใช่ของ EUCERIN

นอกจากจัดสถานที่ให้เห็นถึงศักยภาพที่แตกต่าง น่าเชื่อถือ

จุดเด่นมีเภสัชกร หรือ แพทย์ผิวหนังให้คำปรึกษาได้

ภายในจะมีผลิตภัณฑ์มากมาย หลายแบรนด์ที่เรารู้จักและเคยเห็นกันในเมืองไทย

ที่นี่เป็น PARTNER ของ EUCERIN เราถือว่าเขาใจกว้างมากนะ เพราะเปิดโอกาส

แบรนด์คู่แข่งให้มีสิทธิ์เขามาวางขายในนี้ และ วางในจุดระดับเด่นที่ดึงดูดสายตาได้

ปรบมือเลย น้ำใจนักกีฬามาก ที่นี่นอกจาก ยา จะมี สกินแคร์ เครื่องสำอาง ฯลฯ

ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามที่เราไปวิเคราะห์สภาพผิวกัน ถ้าคนที่มาซื้อสกินแคร์มีปัญหาผิวหนัง

เภสัชกรก็จะแนะนำเดินไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังฝั่งตรงข้ามเลย จุดเด่นอีกอย่างมีห้องกระจก

จะเห็นหมดเขาจัดยาอะไรให้เราด้านใน ทำอะไรดูโปร่งใส ชัดเจน ถ่ายทอดสด 55

ฐาน5 เปิดเผยงานวิจัยล่าสุดของEUCERIN HA FILLER

เป็นผลสรุปสั้นๆนะคะกลัวเพื่อนๆงงกันค่ะ บางคนอาจจะมองว่าสูตร

EUCERIN HYALURON FILLER มันออกมา 10 ปีแล้ว มันมีอะไรใหม่เหรอ

งานวันนี้จุดสุดยอดอยู่ 2 ฐานสุดท้ายนี้ละ Dr. Nicola

เปิดเผยตัวไฮย่าเพิ่งได้พบการวิจัยใหม่

สอดคล้องกับวิธีการชะลออายุของเราในปัจจุบัน คือ การฉีดฟิลเลอร์

เพื่อเติมเต็มร่องลึก และ ทำให้เราดูอ่อนเยาว์ลงไปโดยเมื่อใช้คู่กับ

สูตรไฮย่านี้ซึ่งผลิตโดยเทคโนโลยีนาโนที่อัดไฮย่าในระดับเล็กมากเพื่อให้ซึม

ลงไปสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ได้จริงๆ

ซึ่งปกติครีมทั่วไปมักซึมอยู่แค่ชั้นกำพร้า

และทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปนั้นอยู่นานขึ้นกว่าปกติ


มาดูผลทดสอบบางส่วนกันดีกว่า

ผลงานวิจัยกล่าวถึงการทดสอบ

การใช้ EUCERIN HYALURON FILLER + การฉีดฟิลเลอร์

เส้นสีฟ้าเป็นการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเฉยๆ

เส้นสีน้ำเงินเป็นการฉีดฟิลเลอร์ + ใช้ผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER

ในเรื่องริ้วรอยข้างดวงตาจะเห็นได้ว่าสัปดาห์ที่ 7 เป็นต้นไปผลลัพธ์การคงตัวด้านที่

ฉีดฟิลเลอร์ + ใช้ผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER หลังใช้ไปซักระยะจะช่วย

พยุงทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และ คงตัวตื้นมากกว่า ฉีดแค่ฟิลเลอร์เพียวๆ

รวมถึงความชุ่มชื่นของผิวเมื่อวัดแล้ว ถ้าเราฉีด + ใช้ผลิตภณฑ์ HA ด้วย

ผิวชุ่มชื่นขึ้นกว่า ผิวไม่แห้งเท่าฉีดฟิลเลอร์HAเฉยๆ

ทั้งนี้รวมถึงความเรียบเนียนของผิวเมื่อฉีด+ใช้ ก็ดีกว่าด้วย

ที่เขาไม่ได้วิจัยเรื่องนี้ตั้งแต่ 10 ปีก่อนในความคิดเอิ๊กคิดว่าฟิลเลอร์พึ่งมาบูมมากจริงๆ

ไม่ถึง 5 ปี แต่อย่าลืมว่าชะลอได้ ไม่ใช่ช่วยได้ 100% แต่นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์เหมือนกัน

ที่เมื่อเราเสียเงินฉีดฟิลเลอร์ไป แล้วรอให้มันสลายหมดแล้วเติมใหม่

ถ้าเราใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ชนิดทา ซึ่งราคาถูกกว่าจะคงผลได้ดีกว่า และ ยืดกว่าได้

แม้เล็กน้อยก็มองว่าเทคโนโลยีเขาล้ำเหมือนกัน ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ลงไปกระตุ้น

การสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังแท้ได้จริงๆ เราจะเห็นน้อยครีมนัก

ฐานสุดท้าย

ฐาน6 เจาะลึกการทำผลวิจัยเกี่ยวกับ EUCERIN HYALURON FILLER

ได้รับเกียรติจาก Dr. Frank Rippke – MANAGER SCIENTIFIC ENDOSMENT

 

มาเล่าถึงขั้นตอนที่ 1 การทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง47คน อายุเฉลี่ย 51.7 ปี

โดยไม่ได้บอกว่าข้างไหนเป็นผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER

แต่จะใช้ทาทั้งสองข้างในจำนวนชิ้นผลิตภัณฑ์ที่เท่ากัน

ทั้ง DAY-NIGHT CREAM FLUID EYE CREAM

ครึ่งหน้าทาของจริง-ครึ่งหน้าทาครีมที่ไม่มีส่วนผสมอะไรอยู่เลย

ทดสอบกันยาวมากกว่าทุกตัวที่เคยทดสอบ คือ เกือบ 5 เดือนเต็มเพื่อดูผลลัพธ์

เนื่องจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใช้เวลาเป็นเดือนๆ ไม่ใช่จะได้ผลทันทีที่ทา

ขั้นตอนที่ 2 ก็จะทาผลิตภัณฑ์จริงครึ่งหน้า อีกครึ่งทาที่ไม่มีส่วนผสมอยู่ ทากันถึง 1 เดือนเต็ม

จากนั้นสัปดาห์ที่ 5 จะฉีดสารฟิลเลอร์ที่เป็น HYARULONIC ACID

เข้าไปทั้งสองฝั่งของใบหน้าและฉีดอีกทีสัปดาห์ที่ 7

ระหว่างนั้นเก็บผลตลอดระยะเวลาการทดสอบ

ในรูปจะบรรยายรอยตีนกา แล้วจะสังเกตุผลของผลิตภัณฑ์ที่หลังจากฉีดฟิลเลอร์จะเป็นยังไง

นับการมีประสิทธิภาพที่เราวิจัยคือ 14 สัปดาห์ เพราะ 4 สัปดาห์แรกเราทาทดสอบโดย

ยังไม่มีการฉีดฟิลเลอร์เข้าไป

ขั้นตอนที่ 3 วัดผลแบบเจาะลึก ทั้งความชุ่มชื่น ริ้วรอย

การส่งเสริมประสิทธิภาพการฉีดฟิลเลอร์ ความอยู่ทนทานที่มันเสริมให้กับการฉีด

สรุปเมื่อทั้งทาผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER

+ ฉีด HYALURON

เห็นชัดว่ารอยย่นข้างที่ฉีด + ทาริ้วรอยน้อยกว่าฉีดอย่างเดียวจริงๆ เห็นชัดมากก

ค่ำคืนวันนั้น ก็ได้ทั้งเซ็ตมา ไม่พูดพร่ำทั้งแผลเขาบอกกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ใช่ไหม

ใช้ซะเลย อย่างบอกว่าตัวเซรั่มทาแล้วรู้สึกเหมือนหน้าเคลือบฟิลม์ชุ่มๆบางๆ และ

สูตรผิวแห้งนั้น เนื้อหนักอยู่เหมือนกัน เข้มข้นมากมากกว่าทุกสูตรที่ได้ลองมา

ผลจะเป็นยังไงจะมารีวิวนะคะ วันนี้ก็เล่าได้ยาวมาก จบละ จุดสุดยอดทั้ง 3 บลอค

บลอคหน้าเราจะไปชมเมือง ชมนก ชมไม้ ชมอะไรสวยๆที่ EUCERIN TRIP

พาไปเที่ยวกัน เยอรมันเป็นเมืองที่สวยมาก ดูไฮมาก ชอบมากกว่าอเมริกา

ไม่ชอบอย่างเดียวห้องน้ำไม่มีที่ฉีด 55555555555555555 แล้วพบกันบลอคหน้าค่ะ



 

Posted in SKIN, SKIN CARE, TRAVEL, WRINKLEComments (2)

DIARY – erk-erk ไปเยี่ยมสถาบัน EUCERIN SKIN INSTITUTE

 

 

 

 

ภาค 1 ผ่านไป หลังจากเราไปเยี่ยมบ้าน EUCERIN เรียบร้อยถึงกระบวนแต่ละขั้นตอนกว่าจะออกมา 1 ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทดสอบมากมายเพื่อให้เข้ากันได้กับผิวผู้บริโภคทั่วโลก วันนี้เราไปต่อภาคเยี่ยมชมสถาบันผิวหนัง EUCERIN SKIN INSTITUTE กัน ตั้งอยู่ย่าน STEPHANSPLATZ ใจกลางเมือง HAMBURG 

ซึ่งบูรณะมาจากสำนักงานไปรษณีย์เก่า [ ดู hiso มากนะสำนักงานไปรษณีย์เยอรมัน 55 ]

ของเราจะอยู่มุมขวาของตัวตึก มีธงสีน้ำตาลโบกสะบัด

หลายคนคงอยากรู้ว่าภายในสถาบัน EUCERIN แห่งนี้มีอะไรบ้าง ต่างจากสถาบันเวชสำอาง

บ้านเราหรือไม่ หลักคือเปิดให้คนทั่วไป สามารถเข้ามาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง

และสามารถวิเคราะห์ใบหน้าของเราด้วยเทคโนโลยีที่ละเอียด เพื่อจะได้รู้ว่าปัญหาผิวหน้า

แบบนี้จะให้การรักษาแบบไหนที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง และต้องถูกวิธี โดยเลือกใช้

เวชสำอางที่ปลอดภัย และ มีประสิทธิภาพ ไม่ต้องบอกก็รู้นะ ว่าจะเป็นเวชสำอางอะไรนอกจาก

EUCERIN ฮ่า ฮ่า

เมื่อเปิดประตูสีน้ำตาลกระจกเข้าไปด้านใน ข้างในจะดูสีน้ำตาลอิฐ ดูVINTAGEมาก แต่ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างมีระบบ ระเบียบ แบ่งออกเป็นโซนๆ ผนังด้านในส่วนหน้าอาคารเป็นกระจกแก้วรับแสง [ ว่าแต่เราถ่ายดอกไม้มาทำไม แทนที่จะถ่ายให้เห็นผนังชัดชัด ] ด้านในสถาบันก็จะมีข้อมูลเกี่ยวกับ EUCERIN ทุกชนิด

 

เนื่องจากเป็น EVENT งานเปิดตัว การค้นคว้าวิจัยใหม่ที่ได้จาก ผลิตภัณฑ์ EUCERIN HYALURON FILLER ก็มีสื่อต่างๆจากทั่วทุกมุมโลกมารับฟังการบรรยายงานวิจัยที่เพิ่งค้นคว้า และ เปิดเผยให้ได้รู้ถึงศักยภาพใหม่ของไลน์ผลิตภัณฑ์ HYALURON FILLER นี้

 

การเปิดงานเล่าถึงความเป็นมาของ EUCERIN ตั้งแต่ต้น รวมถึงความเป็นมาของ การทำการศึกษาผลงานวิจัยครั้งนี้ สไลด์ของเขาไม่ได้ หวือหวา กราฟฟิคอลังการ จะสไตล์หมอผิวหนัง เน้นข้อมูลล้วนมาคุยกันให้เห็นภาพ ความเป็นจริงในแง่การศึกษาที่เกิดขึ้นจริง ทดสอบ ทดลองประสิทธิภาพจากกลุ่มคนจริงๆ แต่ไม่แน่ใจมีการทดสอบกับชาวเอเชียไหม แต่ที่รู้คือ ส่วนมาก EUCERIN ทดสอบทุกสีผิว และ มี LAB ของผู้บริโภคผิวเอเชียอยู่แล้ว

วันนี้มีด้วยกัน 6 STATION 6 ฐานเรียงซ้ายไปขวา ซ้ายไปขวา

ที่จะมอบประสบการณ์ให้ได้รู้จักกับสถาบันนี้รวมถึง

ตัว EUCERIN HYALURON FILLER 

  1. ฐาน1 เราก็จะไปตรวจ วิเคราะห์สภาพผิว แบบเฉพาะบุคคล
  2. ฐาน2 เราจะไปพบกับส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพของEUCERINแต่ละสูตร
  3. ฐาน3 ไปจับส่วนผสมทดสอบกันแบบถึงเนื้อถึงตัวของ HYALURON
  4. ฐาน4 ไปทัวร์ร้านยาเยอรมันกัน
  5. ฐาน5 ไปคุยกับแพทย์ผิวหนังและเปิดเผยงานวิจัยล่าสุดของEUCERIN HA FILLER
  6. ฐาน6 เจาะลึกการทำผลวิจัยเกี่ยวกับ EUCERIN HA FILLER กับแพทย์ผิวหนัง

ไปลุยฐาน 1 กัน

ฐาน1 เราก็จะไปตรวจ วิเคราะห์สภาพผิว แบบเฉพาะบุคคล

ขณะเดินเข้ามาด้านในเป็นประตูกระจกใสขอบน้ำตาล ใหม่กิ๊กเพราะที่นี่เพิ่งเสร็จต้นปีนี้

เข้ามาด้านในจะมีผลิตภัณฑ์ EUCERIN ทุกตัวให้บีบมาทดสอบบนผิวหนัง หรือหยิบเล่น

หยิบจับได้เลย ลองได้ทุกตัว ไม่มี BA หรือใครวุ่นวายใจ แต่หากต้องการคำแนะนำเขาก็จะมา

มีหลายสูตรไม่มีขายในไทย ทุกตัวเป็นภาษาท้องถิ่นหมดเลย นั่นคือฉลากเยอรมัน

การจัดเรียงค่อนข้างเรียบ แต่ทันสมัย ดู High เทคโนโลยี

และ รู้สึกว่าวันที่ไปจะมีการจัดให้ตัว EUCERIN HYALURON FILLER โดดเด่นขึ้นพิเศษ

สิ่งสำคัญในการสถาบันนี้ขึ้นมา นอกเหนือจากการทำวิจัย และ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ EUCERIN

คือ เชื่อว่าสิ่งสำคัญ 3 สิ่งของการมีสุขภาพผิวที่ดี คือ

  1. การวิเคราะห์สภาพผิว
  2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  3. การรักษา และ ดูแลผิว 

 ที่นี่จึงมีทั้งมีเครื่องตรวจสภาพผิว SKIN CODE READER ที่พัฒนาที่นี่ที่เดียวในโลก ความสามารถของมัน คือ ตรวจ และ วิเคราะห์สภาพผิวของคนแต่ละคนและสร้างโปรไฟล์เก็บไว้ซึ่งมีการกำหนดเป็นรหัส 10 ตัวของแต่ละคน เหมือน บาร์โคดเวลาเราไปซื้อสินค้า ก็จะมีบาร์โคดของแต่ละชิ้นไป ใช้หลักการแยกเหมือนกัน โดยจะอ่านสภาพผิวแบ่งเป็น 10 มิติ [ เสียดายวันงานคนเยอะ ไม่มีโอกาสได้ทดสอบ เซ็งเลย ] ทั้งความชุ่มชื่น ความยืดหยุ่น ระดับความแพ้ ใช้เวลาตรวจประมาณ 25 นาที และต้องเสียเงินค่าตรวจประมาณ 16.50 ยูโร หรือ 600 กว่าบาท หลังจากตรวจ วิเคราะห์

เวลาตรวจผิวเสร็จเขาก็วิเคราะห์ออกมาเป็นกราฟแบบนี้

วิธีตรวจก็จะมีเครื่องที่เรียกว่า EUCERIN SKIN DIANOSIS ที่มีหัวมากดลงบนที่ผิวเราเบาๆ

ภาพขวาล่างสามารถส่ง SKIN GREETINGS ไปยังอีเมลล์ โดยกดส่งได้เป็น

multi touch screen ยาว 3 เมตร ตอนนี้ยังมีที่เดียวในโลกอยู่ เสียดายลืมไปจิ้มเล่น 555

ห้องนี้ก็เช็คความหน้ากลัวของใต้ผิวว่ามีปัญหาอะไรซ่อนอยู่ 555 ใช้แสงหลายสี ถ่ายเห็นชั้นลึก

เห็นกันไปจนถึงระดับใต้ผิวเลย อยากลองๆๆๆๆๆ เสียดายอีกตามเคย

เมื่อตรวจกันละเอียดแล้ว ถึงเวลาพบผู้เชี่ยวชาญ เขาก็จะแนะนำทรีทเมนท์ที่เหมาะสม

กับสภาพผิวของเราและปัญหาผิวที่พบเจออยู่ขณะนั้น 

ฐาน2 พบกับส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพของEUCERINแต่ละสูตร

เริ่มจากการก่อนที่เริ่มคิดว่าจะใช้ส่วนผสมอะไรกับปัญหาผิวเราก็ต้องหา Scouting Fields

เพื่อดูทั้ง IN CORE และ OUT CORE ที่มีผลกระทบต่อผิวทั้งหมด

จะเห็นว่าเช่น OFF CORE การที่เราติดยาเสพติดส่งผลต่อผิวเรามากภายในระยะเวลาไม่กี่ปี

เมื่อเสร็จแล้วนั้น เราจะมองหาส่วนผสมที่น่าสนใจ หรือ ACTIVE INGREDIENTS ที่เกี่ยวข้อง

ที่มีความน่าจะเป็นไปได้มาทดลองในทางวิทยาศาสตร์ดูก่อน

ห้องนี้มาแนววิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียวส่วนผสมตั้งเต็มไปหมด และ มีการลองทำวิธีทดลอง

ให้ดูด้วย นอกนั้นแต่ละโต๊ะด้านหน้าจะมีหน้าตาส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพที่เลือกใช้

ใน EUCERIN แต่ละสูตรให้เห็นหน้าเห็นตากันชัดเจนมาก ก่อนที่เขาจะมาผสมลงในครีม

ให้เราทา เราก็ได้พบหน้าพวกส่วนผสมเหล่านี้ ในวันนี้

ในสูตร HYALURON FILLER นั้นส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพที่เขาเลือกใช้คือ

SAPONINE – HYALURONIC ACID

หรือในสูตร WHITENING จะใช้ B-RESORCINOL เพื่อยับยั้งเม็ดสีเมลานินอย่างปลอดภัย

สูตรไหนมีส่วนผสมอะไรเป็นส่วนประกอบหลักเขาจะตั้งข้างกันเลยดังภาพ

เขาก็นำมารวมกับส่วนผสมรองอื่นๆ ที่ทดสอบอย่างขนานใหญ่ว่าหลอมละลายรวมกันได้

อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านกัน แต่จะสนับสนุนการทำงานของกันและกัน

และ ได้ค่าความเป็นกรดด่าง หรือ PH ที่เหมาะสม ข้อด้อยและเป็นข้อดีในเวลาเดียวกัน

EUCERIN ไม่ใส่น้ำหอม ทำให้เราได้สูดดมกลิ่นเหล่านี้แบบแจ่มจรัส เวลาเขาทดสอบ

เขาจึงต้องมีการชิมไป บ่นไป ไม่ใช่ๆ ดมไป ทำไป ฮ่าๆ

เพื่อทำให้กลิ่นธรรมชาติของส่วนผสมที่หลอมรวมกันมันออกมาดีที่สุด

และ สารพวกนี้ที่เลือกนั้น ก็ต้องมีมากพอในอนาคตด้วย ไม่ใช่หาสารแบบหายาก

แค่ 2 ฐานก็สำหรับบทความนี้ เราไปต่อกันที่ ฐาน 3-6 บทความหน้าก็จะเข้มข้นเรื่อยๆ

ยากเหมือนกันนะ ในการที่คนๆนึง เป็นเสมือนผู้บริโภควันๆใช้ๆๆอ่านฉลากๆใช้ๆ

ไม่รู้ความลำบากของการคิดค้น เลย และทีมาฟัง ก็บอกได้เลย ถ้าไม่ได้เป็น

BEAUTY BLOGGER เราก็อาจจะงง ไปอีกพักใหญ่ๆ 5555555

มาตามอ่านตอนต่อไปกันนะ จะได้รู้กันว่างานวิจัยใหม่ของตัว

HYALURON FILLER คืออะไร ออกมาตั้ง 10 ปีกว่าแล้ว จะค้นพบอะไรกันอีก

Posted in SKIN, SKIN CARE, TRAVELComments (3)

วิธีการทาครีมให้ถูกต้องตามลำดับ by erk-erk

Posted in HOW TO, SKIN CAREComments (2)

DIARY – erk-erk ไปเยี่ยมบ้าน EUCERIN <3

 

ทริปสุดพิเศษนี้เป็นครั้งแรกที่ EUCERIN พาสื่อหลายแขนงไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เยอรมัน เมืองแฮมเบิร์ก หรือ ฮัมบูร์ก [ HAMBURG ] พร้อมกับทัวร์ความเป็นมา และการทำงานของ EUCERIN แบบ EXCLUSIVE ว่ากว่าจะได้ออกมาให้เห็นแต่ละสูตรที่ทั่วโลกได้ใช้กัน มีความเป็นมาอย่างไร และ กว่าตัวนึงจะออกมาใช้เวลานานแค่ไหน ?

 

ซึ่งเอิ๊กได้รับโอกาสที่ดีจาก EUCERIN และ ผู้ใหญ่ใจดี ในฐานะสื่อทางด้าน BLOG

และทุกคนยังจะได้เข้าร่วมงามเปิดตัวผลวิจัยล่าสุดของ EUCERIN HYALURON FILLER

DIARY จะมีทั้งหมด 7 BLOG รอติดตามนะคะ ภาคแรก เราจะไปทัวร์ ศูนย์ R&D

ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับนานาชาติของบริษัท Beiersdorf บริษัทระดับโลก

ยักษ์ใหญ่ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น EUCERIN, NIVEA

อายุของบริษัทก็ไม่มากเท่าไหร่แค่เกือบ 120 ปีเท่านั้นเอง ส่วน EUCERIN

เกิดเมื่อ ค.ศ. 1900 ที่เยอรมัน เมื่อ DR. ISAAC LIFSCHTZ ค้นพบส่วนประกอบสำคัญ

และนำไปจดสิทธิบัตรโดย มีชื่อว่า ” ยูเซอริท ” ลักษณะเหมือนขี้ผึ้งสกัดจากขนแกะ และ

นำมาผสม ไว้ในรูปแบบของครีมบำรุงผิวพรรณ ที่ได้ตั้งชื่อว่า “ยูเซอริน ” แปลว่าขึ้ผึ้งที่สวยงาม

ประวัติ การพัฒนา มีให้อ่านเพิ่มเติมอีกเพียบ http://www.eucerin.com/th/about-eucerin/

 

คืนก่อนที่เราจะได้เดินทางไปสู่ศูนย์วิจัย&พัฒนาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมันนั้น

เราได้เข้าพักโรงแรม MARRIOTT HAMBURG ซึ่งเอิ๊กได้นอนกับคุณหมอเพ็ญคนสวย

อิอิ คนตาม SOCIALCAM คงรู้แล้ว ก็มีเป็นจดหมายเชิญทางการ และขนมน่ารักต้อนรับ

[ ภายในห้องจะอบอุ่น เป็นธีมสีเลือดหมูตามสีแบรนด์ EUCERIN เลย อิอิ

ส่วนคุณหมอคิดถึงลูกสาวตัวน้อยมากๆ เป็นคุณแม่ไอที คุย skype กับเด็กๆทุกวัน ]

และ ในวันรุ่งขึ้น เราก็เดินทางไปลุยกันถึงแล้ว ศูนย์ R&D ของ EUCERIN

ทุนสร้างประมาณ 1,500 ล้านบาท กับพื้นที่ 16,000 ตร.ม.

เราจะเห็นหอประชุมเด่นชัดก่อนเลย หรือหลายคนเรียกว่า PHILOSOPHER’S STONE

การออกแบบหอประชุมแห่งนี้ก็ถ่ายทอดอุดมการณ์อย่างมาก เพราะเป็นการจำลอง

สภาพเซลล์ผิวมนุษย์โดยขยายออกมาให้ใหญ่ขึ้น [ เพิ่งรู้ว่าเซลล์เราจะต่อๆกันแบบนี้นี่เอง ]

ที่แห่งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ใหม่ๆที่เกี่ยวกับผิวหนังอยู่เสมอในแง่ของ

ผลงานวิจัยของศูนย์R&Dแห่งนี้ที่เด่นๆ ผลลัพธ์เป็นที่น่านำเสนอ ก็จะส่งต่อกันที่นี่

เพื่อให้เกิดการต่อยอดงานวิจัย และ พัฒนาให้ได้ผลลัพธ์ในการค้นหาวิธีดูแลผิวหนัง

ที่ดียิ่งขึ้น และ นำไปพัฒนาเทคโนโลยีชนิดเหลวต่อไป

 

ขอ 3 คำ ยิ่ง ใหญ่ มาก

 

เข้ามาด้านในจะพบป้าย BEIERSDORF ใหญ่มาก ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเวชสำอาง

จะมีระดับศาสตราจารย์ของทาง EUCERIN เยอรมันคอยให้ข้อมูลในห้องทดลอง

และภาพนี้เป็นการรวมแพทย์ผิวหนัง 4 ท่านจาก 4 โรงพยาบาล ศิริราช บำรุงราษฎร์

สมิติเวช และ วิชัยยุทธ รวมถึงทีมผู้บริหาร EUCERIN ประเทศไทย 1 ท่าน และ

แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ EUCERIN HYALURON FILLER

คุณ พิม ซอนย่า คูลลิ่ง ชอบภาพนี้ เพราะมีแต่ผู้เชี่ยวชาญ 5555

ห้องแรกที่ได้มีโอกาสเข้าชม คือ หอประชุมที่จินตนาการเอาเซลล์ผิวหนังมนุษย์มาขยายนั้นแล

ที่นี่จะมีนักวิจัย นักพัฒนา ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันต่างๆ รวมถึงมหาลัยที่เกี่ยวข้อง มาแลกเปลี่ยน

องค์ความรู้ในด้านผิวหนังกันที่นี่ ของจริงใหญ่ปานกลาง แต่ดูตกแต่งไฮเทคมาก อย่างล้ำ

เขาบอกว่าที่ศูนย์ R&D แห่งนี้นอกจากจะยิ่งใหญ่และยังล้ำมาก

(ทันสมัย) ที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมัน หลังจากนั้น จุดไคลแมกซ์ที่อยากจะเล่าไม่มีภาพ

เพราะเขาห้ามถ่ายภาพ เล่าแล้วจินตนาการตามมานะตัวเธอว์

เราก็ได้หลุดเข้าไปยังศูนย์ทดสอบที่เป็นส่วนสำคัญของที่นี่

จากนั้นเขาก็พาทีมที่มีกัน 20 กว่าชีวิตทั้ง EUCERIN ไทย, คุณหมอ, สื่อนสพ.

สื่อPR, สื่อนิตยสาร และตัวฉัน 555 เข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ซึ่งห้ามถ่ายภาพ

ขอเล่าแบบไม่ลงลึกนะคะ รายละเอียดเยอะจริง

กลัวเดี๋ยวเพื่อนๆจะมึน แล้วปิดหน้านี้ไปก่อน เอาพอประมาณ

หลักในการผลิตผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่มีคุณภาพของ EUCERIN

  1. วิจัยสูตรและส่วนผสมที่คัดเลือกสารมาจากกว่า 1,000 ชนิด
  2. จำลองเนื้อเยื่อของเซลล์ผิวหนังมนุษย์ขึ้นมาเพื่อทดสอบ
  3. เมื่อได้ผลจึงเริ่มทดสอบกับผิวมนุษย์ปกติ
  4. เมื่อทดสอบผิวมนุษย์ปกติ ก็จะมาทดสอบกับผิวที่แพ้ง่าย หรือ เป็นโรคทางผิวหนัง
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อย่างสูงสุด ภายใต้สารที่ค้นคว้า วิจัย พัฒนามาแล้วว่ามีประสิทธิภาพที่สุด 

 บรรยากาศมีแต่คนผิวดีหน่ะ เรื่องจริง ฝรั่งไร้กระอะ คิดเอา อืมอย่างนี้สิน่าเชื่อถือ เหมือนคนขายครีมแก้ฝ้า แต่ยังเป็นฝ้าอยู่ ตรงนี้มีผลมาก เอิ๊กสังเกตุผิวทีม EUCERIN เยอรมันทุกคนเลย ถึงจะอายุมากแต่ผิวสุขภาพดี มันกระจ่าง แบบโกลว์อะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะปกติเม็ดสีผิวของพวกเขาจะขึ้นจุดด่างดำง่าย นี่ไม่พบเลย

มีงานวิจัย แปะ โดยรอบ เท่าที่เห็นเวลาคนเราทดสอบข้างในชั้นผิวหนังเขามักจะฉีดสีเข้าไป แล้วสังเกตุสีที่วิ่งเข้าสู่ด้านในเอา เขาไม่ผ่าชิ้นเนื้อมาเทส เหมือนกับสัตว์ที่บางบริษัทยังใช้วิจัยอยู่

 EUCERIN ทำน้ำตาไหล เมื่อรู้ว่า เขาไม่ทดลองกับสัตว์เลย กว่า 20 ปีที่อยู่มา เพิ่งทราบจริงๆ

 ห้องทดลอง ทดสอบถูกจัดเป็นส่วนๆ อยากบอกว่ามันเล็กมาก เข้า 2-3 คนน่าจะกำลังดี คงเพราะเขาน่าจะอยากให้แต่ละทีมมีสมาธิ ถ้าอยู่เยอะ อาจจะสมาธิแตกซ่านได้ [ คิดเอง ]

 ห้องแรกที่ไป คือ ห้องการจำลองเนื้อเยื่อมนุษย์ออกมา และ หยดสารที่ต้องการทดสอบลงไป เช่น ไวท์เทนนิ่ง และมีเนื้อเยื่อหลาย 4 ผิวด้วยกัน และ มีภาพขยายของผิวหนังที่ผิดปกติ ผิวแพ้ ผิวเป็นโรคภูมิแพ้ หรือ สะเก็ดเงินให้ดู ว่าเวลาขยายชั้นผิวหนังดู จะเป็นแบบไหน เมื่อทดสอบได้ผลดี จึงนำไปทดสอบกับผิวปกติ และ ผิวแพ้ง่าย รวมถึงผู้ที่มีโรคผิวหนัง จำนวนหนึ่งกลุ่มทดสอบต่อไป

 ได้ไปเห็นห้องที่เข้าใช้คัดเลือกส่วนผสมที่เยอะกว่า 1,000 สาร ใช้ตู้เก็บอย่างดี อย่างล้ำแบบเทคโนโลยีชีวภาพ


ที่นี่ลงมาด้านล่าง ซึ่งเก็บภาพได้บ้างละ แต่ห้องแต่ละห้องก็ไม่ใหญ่มาก  จุได้ประมาณ 10 คน
แต่เรามากันคณะใหญ่ก็เบียดเสียดกันเข้าไป

มาตรวจถุงใต้ตากันก่อนเลย 55555 รวมถึงริ้วรอย ห้องนี้ถ่ายแล้วซูมริ้วรอยชัดมาก
ความยับของใต้ตา ขนาดพ่อหนุ่มที่ไปนั่งเป็น CASE STUDY วันนี้หน้าตึงๆ
ซูมจริงเริ่มมีริ้วรอยแล้ว เอาไว้ดูว่าใช้ครีมแล้วเป็นไง มาขยายผิวดูอย่างชัดเจนกันที่ห้องนี้
หลักจากทีม EUCERIN เยอรมันพูดจบ
เราก็ได้ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาวเป็นคนแปลทุกฐาน เนื่องจากเป็นผู้หญิงคนนึงที่คร่ำหวอด
ในวงการวิจัย และ เป็น speaker แพทย์ผิวหนังระดับนานาชาติ มาสรุปทุกฐาน
ความจำดีเลิศมาก คือ เขาพูดจบหมดแล้วคุณหมอถึงมาแปลอีกทีอย่างยาวเท่าๆกัน
ตบมือให้ คุณหมอ รังสิมาหลายๆทีเลยค่ะ ประเด็นคือสอนเข้าใจง่าย
เด็กโง่วิทย์อย่างเอิ๊กเข้าใจเลย 5555555555 <3

ห้องนี้คุณหมอรังสิมาบอกว่าเป็นที่ไฝ่ฝันมาก เนื่องจากเปิดรับอาสาสมัครที่ได้รับค่าจ้าง
โดยแต่ละคนต้องผ่านการอบรม เพื่อให้เป็นมาตรฐาน และ ลงคะแนนการทดสอบให้เป็น
เป็นระยะเวลาครึ่งปี ก่อนที่จะเริ่มทำงานจริง ค่าจ้างครึ่งชม. ประมาณ 200 บาท
ในกรุ๊ปนึงแต่ละคนก็จะต้องทดสอบครีม ตั้งแต่ความรู้สึก ความมัน ความชุ่มชื่น ฯลฯ
โดยมีการแบ่งเป็นเกรดให้ทราบเลยแต่ละส่วน โดยมีการควบคุมอย่างใกล้ชิดจากนักวิจัย
ผู้เชี่ยวชาญย่างที่บอกว่าเมื่อส่วนผสมทดสอบในเนื้อเยื่อที่จำลองมาแล้วผ่าน
ก็จะมาทดสอบกับผิวคนปกติ

 

มันคือเครื่องที่เอาไว้บันทึกคะแนนของครีมที่เราทดสอบ เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
ว่าคนที่ทดสอบ ลองใช้รู้สึกยังไง และอาจต้องมีการจับเวลาดูความมันที่จะเกิด
 ความหนืด เมื่อใช้เสร็จก็ต้องบันทึกคะแนนลงในเครื่องนี้ ในห้องจะคุมอุณหภูมิอย่างละเอียด
 
หลังจากนั้นก็เดินไปอีกฝั่งซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กัน

อิอิ ชุดยูนิฟอร์มน่ารัก ขาวแดง EUCERIN มาเลย มันอยู่ช่วงหนาว ต้นไม้เปลี่ยนสีสวยมาก
และโซนนี้อยากให้คนที่คลั่งไคล้สกินแคร์ได้มาเห็น มันแบบอลังมาก จะบอกว่าเขาห้ามถ่ายรูป
ศร้ามากเลย เพราะเรื่องนี้มันยาก เอิ๊กจะขอนำทุกท่านเข้าสู่ช่วงจินตนาการล้ำเลิศอีกครั้ง
บรรยากาศภายใน 

 เป็นห้องโถงยาวเดินสบาย กว้าง ติดกระจก มีแสงแดดสาดเข้ามา อุดมไปด้วยนักวิทยาศาสตร์ และแพทย์ผิวหนัง 

ชั้นวางโชว์ผลิตภัณฑ์

 ผลิตภัณฑ์ EUCERIN มีทุกสูตร ตระการตามาก 

ผิวพรรณของพนักงานที่นี่

 ทุกคนผิวดี กระจ่าง สุขภาพเปล่งปลั่งไม่ต่างจากสองโซนแรก สงสัยจะอาบ EUCERIN 

การทดสอบ

 ตามแต่ละโต๊ะของทุกคนจะมีส่วนผสมที่ตั้งไว้ทดสอบการแปรสภาพเวลาเจอแสงเป็นเวลากี่วัน กี่เดือน ก็แล้วแต่จะกำหนด เพื่อดูว่าส่วนผสมที่ผลิตมานั้น หากเจอแสง อุณภูมิที่เย็นมาก ร้อนมากจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และหรือ ประสิทธิภาพลดลงไหม โดยตั้งไว้ใกล้แสงแดด หลายอันเลย ดูความคงตัว หลังจากนั้นจึงนำส่วนผสมในรูปแบบครีมที่ได้ทำขึ้นมามาลอง เพื่อจะได้รู้ว่า ส่วนผสมที่ใช้ยังมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร ที่มีการทดสอบตรงนี้ เนื่องจากเอาไว้ดูเวลาขนส่งกระจายไปทั่วโลก อุณหภูมิที่ต่างกัน จะทำให้ครีมยังมีคุณภาพที่ดีอยู่ไหม ในการทดสอบก็จะเริ่มจากผิวปกติ ตามด้วยผิวแพ้ง่าย และผิวที่เป็นโรคผิวหนัง เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย

ส่วนผสมผลิตภัณฑ์

 เต็มไปด้วยส่วนผสมทางวิทยาศาสตร์เหมือนในหนังเลย โดยมีระบบคอมพิวเตอร์เป็นตัววัดน้ำหนักส่วนผสมทุกอย่างๆเที่ยงตรง และมีการผสมสารเพื่อทดลองกันได้เลย ณ ที่นี่ หลังจากมีคนคิดสูตร และ ก็นำมาผสมจากส่วนผสมในห้อง โดยมีมาตราฐานการวัดที่เที่ยงตรง หรือ คลาดเคลื่อนน้อยมาก ก่อนนำไปขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีมอีกที แล้วทิ้งใหอุณหภูมิเย็น ค่อยเติมพวกน้ำหอม หรือ ส่วนผสมบางอย่างจนเสร็จอีกที

การผสมครีมขึ้นมาทดสอบในกลุ่มตัวอย่าง 

 มีห้องปั่นครีมด้วยอะ 5555 เวลาที่ผสมเสร็จนำมาผสมให้เป็นครีมสำเร็จ ในส่วนลอตผลิตนี้นำไปเทสกันก่อน จะเข้าสู่ระบบโรงงานการผลิตแบบเครื่องปลอดเชื้อที่ได้มาตราฐาน

ห้องนี้สำหรับผู้เชี่ยว นักวิจัย นักวิทยาซาสตร์ แพทย์ผิวหนัง

 มุมนี้มีแต่หัวกระทิ ที่ใส่เสื้อกราวน์ ดูเชี่ยวชาญยิ่งนัก 

 ปล. อยากให้ทุกคนมาเห็นจัง ละเอียดละออ เยอะขั้นตอนจริงกว่าจะออกมาแต่ละตัว บางสูตรก็วิจัย พัฒนากันเป็นสิบปีขึ้นไป และ เพื่อความปลอดภัย ทั้งมนุษย์ทุกสภาพผิว ยังมีการทดสอบเรื่องอุณหภูมิ แสง ตัวแปรอื่นๆอีก มันเจ๋งจริง เขาเลยไม่ให้ถ่ายรูปเลยไง 

 

สรุปวันนี้ทำให้เอิ๊กได้รู้จัก EUCERIN ขึ้นมาก มากกว่าแต่ก่อนที่เข้าใจว่า “ดัง” มีนักวิจัย นักพัฒนา แพทย์ผิวหนังรองรับเยอะแค่นั้น เข้าใจตอนนี้นี่เองที่ได้มา ว่าแต่ละตัวที่ออกมาแม้ว่าปีนึงจะออกเป็น 100 ตัว แต่กว่าจะออกมาให้ใช้ได้ เขาใส่ใจกับมันมากแค่ไหน นี่ยังไม่รวมแล็บแถวเอเชียนะ ที่สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาให้ใช้ได้กับผิวคนโซนเอเชียที่สภาพอากาศอีกแบบ คือที่ดูว่าออกผลิตภัณฑ์บ่อยเยอะ แท้จริงคิดกันมาแล้วหลายปีขึ้นไป ทดสอบกันมาแล้วหลายขั้นตอน แถมออกแล้วก็พัฒนาต่อตัวเดิมอีกจนมีงานวิจัยใหม่ที่ดีกว่าเดิมออกมาถึงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จากการที่ได้เล่าคร่าวๆให้ฟัง ยังเยอะขนาดนี้ ขั้นตอนเขาเยอะจริงๆ เงินเยอะ นักวิทยาศาสตร์เยอะเกือบ1,000คน และเครือข่ายพันธมิตรวงการนี้อีกมาก รวมถึงทุ่มงบทุกปีเพื่อการค้นคว้า วิจัย พัฒนาตรงนี้ตลอดเวลา ให้เขาไปเถอะในการผู้นำ 55555 เขาเรียกว่ารุ่นเก๋า อยู่มานานฟิตขึ้นเรื่อยๆในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง เสียใจอย่างเดียว รูปห้ามถ่าย 🙁

 

ไม่แน่ใจว่าวันนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจยากไปไหม แต่เอิ๊กเอาแต่สิ่งสำคัญมาเล่า
ให้เป็นแรงบันดาลใจ กว่าแบรนด์เวชสำอางแบรนด์นึงจะประสบความสำเร็จ
เขาต้องอดทนพยายามกันขนาดไหน อยากออกผลิตภัณฑ์เลยก็ไม่ได้
ต้องวิจัยพัฒนาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ตอนนี้ไม่คิดว่า EUCERIN ราคาสูงละ
เพราะต้นทุนเขาสูงจริง

ปล. ที่ถามกันว่าซื้อครีมต่างประเทศดีกว่าไทยไหม เอิ๊กว่าราคาพอกัน
บางสูตรที่ไม่มีในไทย ก็อาจไม่เหมาะกับอากาศบ้านเราก็ได้นะ
แต่ตอนนี้ใช้ของ EUCERIN เยอรมันอยู่แหละ อย่างดี อิอิ
ต่อกันใหม่ภาค 2 นะ <3

สวัสดี !

Posted in SKIN CARE, TRAVELComments (4)

ริ้วรอยกับทางแก้ – BEAUTY TALK

 

เ อิ๊ ก ไ ม่ เ ค ย ส น ใ จ เ รื่ อ ง นี้ จ น ก ร ะ ทั่ ง

ส่ อ ง ก ร ะ จ ก เ เ ล้ ว พ บ ใ ต้ ต า

บั ง เ กิ ด ” ริ้ ว ร อ ย “

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนมีปัญหา ขอโทษที่ลืมเขียนไป

 

เมื่อวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น

จะแสดงสีหน้าแบบไหนใบหน้าก็กลับมายืดหยุ่นราบเรียบดังเดิม

พอวัยที่เพิ่มมากขึ้น คอลลาเจนเสื่อมสภาพลงไปทุกปี ชั้นหนังกำพร้าที่บางลง

การแสดงสีหน้า กลับทำให้เกิดรอยพับย่น ที่ลึกและชัดขึ้น นี่เรียกว่าเป็นริ้วรอยธรรมชาติ

ที่เกิดจากแสดงสีหน้า และ ช่วงวัยที่เพิ่มมากขึ้น “

รู้ได้อย่างไรผิวเราเริ่มเสื่อม ?

สำหรับใครที่ลองนอนตะแคง นอนเอามือกดทับบนใบหน้า นอนคว่ำ นอนซุกหมอน พอตื่นมาพบว่าใบหน้ามีรอยยับ ซึ่งไม่กลับคืนสู่สภาพปกติ เป็นเวลานาน นั่นหมายความว่า คอลลาเจนเริ่มเสื่อม ผิวเริ่มมีอายุ

ถึงแม้ว่าจะใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ แต่ความแก่และริ้วรอยก็เป็นเรื่องธรรมชาติ และคนเราย่อมต้องแก่เข้าซักวันถึงแม้จะพยายามอย่างที่สุดแล้ว เราคงไม่มีทางหยุดอายุหน้าให้อยู่ที่ 20 ได้ตลอดไป จึงควรพอใจแล้วถ้ามีคนทักว่า หน้าอ่อนกว่าอายุจริง อยากสวยอย่างธรรมชาติ ก็ต้องยอมมีริ้วรอยอย่างธรรมชาติบ้าง เพราะผิวหน้าก็ยังเป็นหน้า ไม่ใช่พลาสติก จะได้เรียบเนียนได้ 100% via @DrRungsima Twitter

 

 

ริ้วรอยบนใบหน้ามีกี่ประเภท 

  1. ริ้วรอยที่ปรากฎเฉพาะเวลาแสดงสีหน้า – อาทิ เวลาเรายิ้มเราจะพบตีนกาบริเวณหางตา หากเราไม่ยิ้มก็จะไม่เห็นรอยตีนกา
  2. ริ้วรอยที่ปรากฎตลอดเวลา – อาทิ รอยย่นหน้าผาก แม้ไม่ขยับใบหน้าก็ยังมองเห็น

สาเหตุของริ้วรอย

  1. การโดนแสงแดดมาก ๆ : เพราะแสงแดดเป็นตัวการกระตุ้นทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ดูแก่ก่อนวัย
  2. การใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า : เช่น เวลายิ้ม การขมวดคิ้ว เรื่องหน้าผากก็จะทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ ถ้าเป็นรอยย่นที่พบบ่อยจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า คือหางตา เช่นเวลาชมวดคิ้ว รอยย่นหน้าผาก ถ้าเป็นรอยย่นที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้าแล้วบางทีอายุ 20 ปีขึ้นไปก็อาจพบได้เช่นกัน
  3. อายุที่เพิ่มขึ้น : การเสื่อมของคอลลาเจนเพราะอายุ ชั้นหนังกำพร้าจะบางลง ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นชัด ประมาณอายุ 30 ขึ้นไป ริ้วรอยประเภทนี้อาจเป็นกรรมพันธุ์ ลองสังเกตดูหน้าคุณพ่อหรือคุณแม่ของเราเวลามีอายุ มีริ้วรอยคนในครอบครัวเดียวกันมักจะมีรอยย่นแบบเดียวกัน

การป้องกันริ้วรอย

  • รอยย่นที่เกิดจากแสงแดด
  1. ทากันแดดเพื่อปกป้องจากแสงแดดตั้งแต่อายุน้อยๆ แม้กระทั่งเด็กๆ พยายามเลือกประสิทธิภาพค่ากันแดดสูงๆหน่อยและก็ปริมาณการทาให้ทั่วหน้า หนึ่งข้อนิ้วมือหรือหนึ่งช้อนชา
  2. ใส่หมวก
  3. กางร่ม
  4. เลี่ยงแดดเท่าที่ทำได้
  • รอยย่นที่เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อแสดงสีหน้า
  1. ฝึกยิ้มหน้ากระจกยังไงไม่ให้เกิดตีนกา แล้วก็ไม่ย่นจมูก
  2. ไม่ขมวดคิ้ว ไม่มีอารมณ์โกรธ
  3. ใส่แว่น หรือ คอนแท็คเลนส์ ถ้าสายตาสั้นหรือยาวจะได้ไม่ต้องเหลือกคิ้ว,หยีตาบ่อย ก็จะไม่เกิดรอยย่นหน้าผากหรือตีนกาเร็ว
  4. การออกกำลังกาย ช่วยให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จิตใจสบาย ลดความเครียด ส่งผลทางอ้อม
  • รอยย่นที่เกิดจากวัย ยังไงก็มา ทำใจ ชะลอให้ช้าลงได้ตาม 2 รอยย่นด้านบน
วิธีการรักษาริ้วรอยจากขั้นตอนง่าย>ยาก
  • ริ้วรอยน้อย ๆ  ไม่มาก : สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ครีมที่มีส่วนผสมชองกรดวิตามินเอ kinetin argireline ซึ่งมีงานวิจัยรับรองว่าสามารถลดริ้วรอยได้จริง และกรดผลไม้มาทาได้ จะช่วยการลอกเซลล์ด้านบนออกไป และ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่เร็วขึ้น ซึ่งกรดวิตามินเอมีงานวิจัยรองรับในการรักษาริ้วรอยตื้นๆได้จริง เพราะฉะนั้นก็จะทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ หายไปได้ ถ้าเป็นกรดวิตามินเออาจจะต้องมีแพทย์สั่ง ส่วนใหญ่กรดผลไม้ [ อาทิ AHA BHA ] มักจะผสมอยู่ในเครื่องสำอางค์ตามเคาท์เตอร์เครื่องสำอางค์หลายยี่ห้อ แต่ประสิทธิภาพจะสู้กรดวิตามินเอไม่ได้
ข้อดี หาซื้อง่าย ราคาถูก ใช้ง่าย ต้องทา 3 เดือนขึ้นไปหรือมากกว่านั้น
ข้อเสีย ทำให้หน้าแห้ง ลอกเป็นขุย ถ้าคนที่แพ้มากๆ จะทำให้ขึ่นผื่นแดง คันแสบ ระคายเคือง
  • ริ้วรอยปานกลาง : อาจหมายถึงริ้วรอยที่เห็นได้เวลาแสดงสีหน้า ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมไฮยาลูลอน และ โคเอนไซคิวเทน [ Co-enzyme Q10 ] สำหรับไฮยาลูลอนเป็นสารเติมเต็ม หลักการคือจะซึมลงไปในผิวหนัง และตัวมันเองจะดูดน้ำเข้ามา มันจะอุ้มน้ำได้เยอะ จึงทำให้ริ้วรอยที่มีอยู่มันเต็มขึ้นมา / Q10 ช่วยเรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ลดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้ดีเมื่อได้รับแสงแดด และมีงานวิจัยว่าสามารถลดริ้วรอย และ ร่องลึกให้ตื้นขึ้นได้
ข้อดี ไฮยาลูลอนจะอุ้มน้ำได้ดี ไม่ค่อยทำให้เกิดการระคายเคือง หรือแพ้ / Q10 จะต้านการเสื่อมของเซลล์ผิว ช่วยชะลอริ้วรอยได้ หาซื้อง่ายผสมในครีมหรือเครื่องสำอาง
ข้อเสีย ราคาจะสูงกว่ากรดวิตามินเอ กรดผลไม้ ประสิทธิภาพในการซึมขึ้นกับเทคโนโลยีการผลิต ยิ่งโมเลกุลเล็ก ยิ่งซึมและเห็นผลดียิ่งขึ้น
  • ริ้วรอยร่องลึกชัดเจน : ริ้วรอยที่อาจจะเห็นชัดแม้ไม่แสดงสีหน้่าก็ตาม และ อาจไม่สามารถเยียวยาด้วยครีมได้  เราอาจจะพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับการฉีดสารโบทูลินูมทอกซิน ฉีดสารฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็ม สำหรับโบท็อกซ์ คือ จะไปยับยั้งการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อมัดๆจะใช้งานไม่ได้ เป็นอัมพาตชั่วคราว เมื่อไม่ได้ใช้งาน กล้ามเนื้อจึงมีการคลายตัว หรือ มีขนาดเล็กลง  รอยย่นก็จะไม่ลึกและไม่มากเท่าเดิม / ฟิลเลอร์ คือ เอาไว้เติมร่องลึก เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม บางคนพอสูงอายุขึ้นแล้วแก้มตอบ ขมับยุบ เพราะว่าอิลาสติก และ คอลลาเจนในผิวหนังมันหาย เราก็จะฉีดให้เต็มตื้นขึ้นมาได้ทันที / เลเซอร์ หรือ คลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ปล่อยพลังงานแสง หรือ คลื่นความถี่วิทยุลงบนริ้วรอยบนใบหน้า หรือรอยย่นเล็กๆ เพื่อลอกเซลล์ผิวชั้นบนแล้วผลพลอยได้คือความร้อนใต้ชั้นผิวที่เกิดจากแสงคลื่นวิทยุ หรือ แสงเลเซอร์ ก็จะด่ำดิ่งลงไปผิวหนังชั้นลึกที่ตรงจุด นอกจากกรอผิวเพื่อทำให้เกิดการสร้างผิวใหม่ ผลจะชัดเจนอยู่ยาวกว่า และ ความร้อนเหล่านั้นกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวเกิดความยืดหยุ่น และ มีสุขภาพที่ดีขึ้น

ข้อดีการฉีดโบทูลินูมทอกซิน รักษาริ้วรอยสำหรับการแสดงสีหน้าได้ดี และป้องกันการเกิดริ้วรอยที่เป็นอยู่ได้อย่างเห็นผลลัพธ์

ข้อเสียการฉีดโบทูลินูมทอกซิน  ไม่ถาวร ต้องรับการฉีดซ้ำทุก 3 – 4 เดือน ถ้าฉีดมากไปก็จะไม่เป็นธรรมชาติ หรือแม้กร่ะทั่งฉีดไปโดนกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ เช่นยาไปไหลลงกล้ามเนื้อตรงเปลือกตาทำให้ตาตก หรือตาปิดได้ หรือปิดตาไม่สนิท ถ้าบางคนฉีดแก้ม ก็อาจหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว จึงต้องฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้า [ Anatomy ]

ข้อดีการฉีดสารฟิลเลอร์ รักษาริ้วรอยและร่องลึกที่เห็นชัดแม้ไม่แสดงสีหน้่ได้ดี อาทิ ร่องแก้ม ร่องลึกริ้วรอยข้างดวงตา แต่มีข้อเสียคือไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน และต้องฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญ

ข้อเสียการฉีดสารฟิลเลอร์ ไม่ถาวร ต้องรับการฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน โอกาสแพ้มีเหมือนกัน แต่พบได้น้อยมาก เช่นสาร hyaluronic acid รุ่นใหม่ โอกาสแพ้คือ 1 ใน 2000 ราย ความปลอดภัยรุ่นใหม่จะค่อนข้างสูง การฉีดฟิลเลอร์เป็นเทคนิคการฉีดของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่าน เรื่องของมีอาการฟกช้ำดำเขียวบวม เป็นเรื่องปกติที่จะหายไปเอง 3-7 วัน แต่ถ้าฉีดมากไปไม่เป็นธรรมชาติ อาจจะเป็นก้อนปูดนูน หรือว่าใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ถูกต้อง เช่นร่องเล็กๆ แต่ไปใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่ฉีดไปก็อาจเกิดตะปุ่มตะป่ำ เป็นก้อนเป็นไต อีกทั้งถ้าเทคนิคการฉีดที่ไม่สะอาด ก็จะเกิดการติดเชื้อ เป็นหนอง อาจจะเน่าได้ ถ้าบางคนแพ้จะพบรอยแดงจนกว่าฟิลเลอร์จะหมดฤทธิ์ อีกเรื่องนึงก็คือถ้าฉีดเข้าไปในเส้นเลือด ถ้าฉีดไม่ระวังแล้วไปเข้าเส้นเลือดก็อันตราย เพราะฟิลเลอร์เวลาฉีดมันเป็นเจลใสๆ ถ้าเราฉีดมันจะเข้าไปในเส้นเลือดก็จะอุดตัน  ถ้าเกิดเป็นเส้นเลือดแดงจะสำคัญมาก เช่นดั้งจมูก ยาจะเข้าไปในเส้นเลือด ทำให้ตาบอดได้ ถ้าฉีดเทคนิคไม่ดี อาจทำให้ผิวหนังเป็นคลื่นลอนได้

ข้อดีของการทำเลเซอร์ เลือกกรอผิวที่เป็นริ้วรอยได้สำหรับส่วนที่ต้องการให้เรียบเนียนได้ตรงจุด  ความร้อนจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มเติม ผลที่เห็นชัดเจน ยาวนานกว่า

ข้อเสียของการทำเลเซอร์ ราคาสูง ต้องทำหลายครั้ง แพทย์ต้องมีความชำนาญและประสบการณ์ที่มากพอ ผลกระทบหลังทำมีรอยแดงที่จะหายไปเอง และ บางคนถ้าผิวสีคล้ำมาก การกรอผิวอาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำได้โดยภายหลังอาจรักษารอยดำนั้นให้หายได้ ผิวที่ขาวอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นหลังตกสะเก็ดเป็นสีชมพูที่อาจหายไปเองตามวันและเวลา ซึ่งบางทีก็นานเป็นปีระหว่างเนื้อเยื่อสร้างใหม่ขึ้นมา และ บางรายเกิดการด่างขาว จึงจำเป็นต้องใช้ทักษะในการทำมากพอสมควร ความลึกของการลอกผิวได้ในการกรอก็ขึ้นกับเครื่องของเลเซอร์ ถ้าลอกมากๆอาจจะมีเลือดซึมๆ หรือแผลสด มีการแสบร้อนซึ่งต้องทายาชาก่อนทำ เลเซอร์กรอผิว เช่น CO2/Erbium Yag/C&B

ข้อดีของการทำคลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ปัจจุบัน RF สามารถปล่อยพลังงานความร้อนรวมถึงทำการกรอผิวได้ โดยที่แผลเล็กมากแทบมองไม่เห็นตกสะเก็ด และ หลุดออกไป RFสามารถลงลึกถึงชั้นไขมัน นอกจากจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างดี ยังช่วยกระชับผิว ขับน้ำมันในเซลล์ไขมันให้ออก นอกจากแผลเล็ก หายไว ไม่เกิดผลกระทบ ไหม้ ดำ ด่างขาว ยังช่วยกระชับผิวได้ดี เช่น THERMAGE ULTHERA

ข้อเสียของการทำคลื่นความถี่วิทยุ [ RF ] ราคาสูง ต้องทำหลายครั้ง อาจจะรู้สึกร้อนๆใต้ผิว ไม่กี่ชั่วโมงจะหายไปเอง

ข้อแนะนำในการรักษาริ้วรอย

จะเห็นว่าทุกวิธีล้วนมีข้อดี และ ข้อเสีย

เราควรจะต้องศึกษาหาความรู้เบื้องต้นก่อนว่าริ้วรอยที่เกิดขึ้นนั้นเป็นริ้วรอยประเภทใด และ จะทำการรักษาด้วยวิธีไหนให้เหมาะสม แม้กระทั่งก่อนพบแพทย์ ก็จะต้องตรวจสอบประวัติแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงสถานที่รักษาพยาบาลที่ผ่านการตรวจสอบได้รับใบอนุญาตการรับรองจากกระทรวงสาให้เรียบร้อย

แล้วส่วนตัวคุณหมอนุสราใช้วิธีไหน เพราะยังดูอ่อนกว่าวัย และ ผิวพรรณดูกระชับทุกสัดส่วน

  1. ออกกำลังกาย
  2. มีการใช้ผึกใช้กล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดริ้วรอยน้อยที่สุดเวลาแสดงสีหน้่ เช่นฝึกยิ้มไม่ให้รอยย่น รอยยับบนใบหน้า
  3. มีอารมณ์ขันตลอดเวลา
  4. ทากันแดดทุกวัน

 

หาข้อมูลทำด้วยเกือบ 4 วันเพราะกลัวแก่ วันนี้ลาไปก่อน กับเอิ๊ก – เอิ๊ก ตอน 80 ปีค่ะ 5555

 

ต้องขอขอบพระคุณเนื้อหาจาก

– เทปสัมภาษณ์แพทยหญิงนุสรา วงศ์รัตนภัสสร แพทย์ที่ปรึกษา ISKYCENTER

– @DrRungsima Twitter

รูปภาพประกอบจาก

http://dvdetectiveconsultor.tumblr.com/

beautified.co

Posted in FACE, SKIN, WRINKLEComments (0)

BEAUTY NEWS ความงามออกใหม่ ตอน COMING SOON



Posted in BEAUTY NEWS, MAKE UP, SKIN CAREComments (0)

BEAUTY SKIN TIPS – รวม 100 เคล็ดลับสำหรับผิวสุขภาพดี

  1. การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ผิวก็จะสูญเสียน้ำตามไปด้วย ทำให้ผิวแห้งกร้าน และอาจมองเห็นรูขุมขนชัดขึ้นได้
  2. เมื่อรูขุมขนกว้าง ร่วมกับมีน้ำมันถูกขับผ่านรูขุมขนมากขึ้น ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย คนที่รูขุมขนกว้าง จึงมักมีหน้ามันและมีสิวอุดตันตามมา
  3. รูขุมขนกว้าง ถ้าพบในคนอายุน้อย มักจะเป็นคนที่มีผิวมัน แต่ถ้าพบตอนอายุมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณหนึ่งที่แสดงว่าคอลลาเจนที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ
  4. ข้อดีของการมีรูขุมขนกว้างคือ เวลาทาอะไรลงบนผิวหน้าแล้ว ยา ครีม หรือโลชั่นจะถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่า
  5. ข้อดีของคนผิวคล้ำคือ มีโอกาสเกิดริ้วรอยย่นได้น้อยกว่า แก่ช้ากว่า มีโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าคนขาว
  6. คนขาวก็มีปัญหาของตัวเอง เช่น จะทนแดดได้สั้นกว่าคนคล้ำ โดนแดดนิดหน่อยผิวก็จะแสบ แดง มีอาการไหม้ ลอก ได้ง่าย
  7. การลดความอ้วน ทำให้ขาดสารอาหาร ผิวหนังจะแห้งกร้าน ผมร่วง เล็บจะเปราะบางฉีกขาดง่าย
  8. การเจ็บป่วยเรื้อรังเป็นเวลานานเกิน 3 เดือน การผ่าตัดใหญ่ คลอดบุตร ทำให้ผมร่วงได้
  9. การป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ทำให้สีผิวดูซีดลง ริมฝีปากสีอ่อนลงได้
  10. การแพ้เครื่องสำอางมักเกิดจากการแพ้น้ำหอม และสารกันเสียในเครื่องสำอางมากที่สุด
  11. การเกิดสิวหลังทาครีมกันแดด ไม่ถือว่าเป็นการแพ้ครีมกันแดด แต่เป็นเพราะครีมกันแดดทำให้เกิดสิวอุดตันได้ต่างหาก
  12. การบีบ แคะ แกะ หรือกดสิว อาจทำให้เกิดสิวอักเสบ มีรอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิวตามมา
  13. รอยแดงสิวไม่มีครีมหรือยาทาชนิดไหนช่วยได้ นอกจากรอ 6-9 เดือนให้หายไปเอง หรือทำเลเซอร์ 3-4 ครั้งถึงจะจางลง
  14. สีของลิปสติกที่มีโอกาสแพ้บ่อยที่สุดคือ สีแดง ซึ่งเป็นสียอดนิยม
  15. คนที่มีผื่นคันรอบดวงตา อาจเกิดจากการแพ้ eyeshadow หรือ ยาทาเล็บ
  16. คนที่มีประวัติแพ้พลาสเตอร์ จะมีโอกาสแพ้ mascara eyeliner และลิปสติกได้บ่อย
  17. ถั่วเหลืองนี่ดีต่อสุขภาพจริง ๆ กินก็ได้ประโยชน์ สารสกัดจากถั่วเหลืองเมื่อเอามาทาลงบนผิวก็ให้ความชุ่มชื้นและลดริ้วรอยได้
  18. การดูแลผิวให้สวยสดใส ไม่จําเป็นต้องซื้อวิตะมินหรือคอลลาเจนแพงๆ มากิน แค่กินผักผลไม้ ปลาและอาหารให้ครบ 5 หมู่ และนํ้าเยอะๆ ก็พอ
  19. คนนอนดึก ถ้าตื่นมาแล้วใต้ตาคล้ำ ให้เอาถุงชา (แบบชงดื่มเสร็จแล้ว) ชุบน้ำแช่เย็นจัดมาโปะตา 10-15 นาที รอยคล้ำจะจางลง
  20. การรักษาหลักของฝ้าคือการทายาและครีมกันแดดอย่างต่อเนื่อง เลเซอร์สำหรับรักษาฝ้าจะใช้ในกรณีที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาเท่านั้น
  21. การโกนขนไม่ได้ทำให้ขนดำขึ้น แข็งขึ้น หรือมากขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่ขนที่พึ่งขึ้นใหม่หลังโกนจะมีปลายตัดทำให้ดูเห็นชัดขึ้น
  22. ยิ่งล้างหน้าบ่อย หน้าจะยิ่งมัน เพราะเมื่อความมันถูกล้างออก ต่อมไขมันจะยิ่งผลิตน้ำมันขึ้นมาชดเชย ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
  23. การแต่งหน้าจัดไม่ทำให้หน้าแก่เร็ว แค่ทำให้ดูแก่ขึ้นเท่านั้น
  24. ไม่ควรใช้เครื่องสำอางหรืออุปกรณ์แต่งหน้าร่วมกับคนอื่นหรือลองใช้เครื่อง สำอางตามเคาน์เตอร์ เพราะถ่ายทอดเชื้อโรคสู่กันได้ โดยเฉพาะเชื้อเริม
  25. อุปกรณ์แต่งหน้า เช่น ฟองน้ำหรือแปรง ควรทำความสะอาดเดือนละครั้งด้วยน้ำอุ่นและสบู่ เพราะเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย
  26. การเก็บเครื่องสำอางในตู้เย็นไม่ดีเสมอไป เพราะความชื้นในตู้เย็นจะทำให้เครื่องสำอางเนื้อแป้งเสียคุณสมบัติ เนื้อครีมแยกขั้นได้
  27. เครื่องสำอางจะหมดอายุเร็วถ้าอยู่ในที่ร้อน หรือถูกแสงแดด เพราะจะทำให้วัตถุกันเสียหรือส่วนผสมของเครื่องสำอางเสื่อมสภาพเร็ว
  28. การทารองพื้นลงบนหน้า ไม่จำเป็นต้องรอ 10-15 นาทีหลังทาครีมกันแดด เพราะรองพื้นจะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหน้าอยู่แล้ว จึงสามารถทาได้ทันที
  29. ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวผู้ชาย จะต้องเน้นเรื่องการทำความสะอาด ลดความมันและควบคุมความมันของใบหน้า และมีส่วนผสมของน้ำมันน้อยกว่า
  30. การนอนเปิดไฟทำให้ผิวหน้าคล้ำ มีจุดด่างดำได้ เพราะแสงไฟจะมี UVA ซึ่งมีผลทำให้หน้าดำ เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
  31. การนอนโดยไม่ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนเข้านอน เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตัน
  32. การนอนอ้าปากทำให้ริมฝีปากแห้ง แตกง่าย เกิดรอยย่นที่ริมฝีปากได้
  33. การนอนน้ำลายไหล ทำให้เกิดเชื้อราที่มุมปากและแก้มได้
  34. การนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นประจำ จะทำให้ใบหน้าข้างนั้นมีริ้วรอย และร่องแก้มมากกว่าใบหน้าอีกข้างหนึ่ง
  35. พฤติกรรมบางอย่างก็ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว เช่น เวลานอน ถ้าชอบนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่ง ร่องแก้มข้างนั้นจะลึกกว่าอีกข้างนึง
  36. ไม่ควรรีบทาครีมหรือยาเพื่อป้องกันแผลเป็น เพราะยาต่าง ๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองแผล หรือทำให้แผลหายช้าได้
  37. ถ้ามีอาการแสบร้อน อาจใช้ยาสีฟันหรือครีมโกนหนวดทาลงบนแผลก่อนได้ แต่ควรระวังในขณะทายา ไม่ควรถูหรือป้ายยาลงบนแผลแรงเกินไป
  38. ปริมาณของครีมกันแดดที่กันแดดได้ดีทีสุดคือ ความยาวของครีมที่บีบเท่ากับ 2 เท่าของความยาวข้อปลายนิ้วชี้
  39. เพื่อถนอมผิวจากอันตรายจากแดด ควรหลีกเลี่ยงการออกกลางแจ้งในช่วง 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงของวันที่แดดแรงที่สุด
  40. ไม่ควรผสมครีมบำรุงผิวกับครีมกันแดดเข้าด้วยกันก่อนทาลงบนผิว เพราะจะทำให้ ครีมกันแดดเจือจาง ประสิทธิภาพของครีมกันแดดในการปกป้องผิวจะลดลง 
  41. เครื่องกำบังแดดที่ดีคือ ร่มเงาของชายคา สวมหมวกปีกกว้าง กางร่มกันUV สวมเสื้อเนื้อผ้าแน่นและสีเข้ม 
  42. การชอบขยี้ตา มักทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา คนสายตาสั้นที่ไม่ยอมใส่แว่น มักจะมีรอยขมวดคิ้ว เพราะต้องเพ่งสายตาเพื่ออ่านหนังสือ
  43. การชอบแสดงสีหน้าบางอย่างก็เป็นกรรมพันธุ์ เช่น ครอบครัวที่ชอบขมวดคิ้ว ก็จะขมวดคิ้วกันทั้งบ้าน มีรอยย่นหว่างคิ้วเมื่อแก่กันทุกคน
  44. รอยย่นบนใบหน้ามีสาเหตุหลัก 2 ประการคือ ความแก่ของผิว (ทั้งจากอายุที่เพิ่มขึ้นและแสงแดด) และการแสดงสีหน้า
  45. ริ้วรอยที่เห็นเฉพาะเวลาแสดงสีหน้า เช่น ตอนยิ้มเห็นตีนกา แต่เวลาไม่ยิ้มก็จะไม่เห็นตีนกา ริ้วรอยชนิดนี้รักษาได้โดยการฉีด botulinum toxin 
  46. ไม่ควรนำครีมหลายตัวมาผสมกันแล้วทาลงบนผิวพร้อมกัน เพราะสารในครีมอาจ ทำปฏิกิริยากันทำให้เกิดผลเสีย เสื่อมฤทธิ์ หรือแย่งการดูดซึมสู่ผิวได้
  47. การทาครีมหลายตัวทับกันในเวลาสั้น ผิวหนังจะไม่สามารถดูดซึมครีมหรือยาได้ ทั้งหมด ทำให้ประสิทธิภาพของครีมหรือยาที่ทาลดลงเพราะถูกดูดซึมน้อย
  48. การทายาหรือครีมลงบนผิวหนัง ทาไม่เกินวันละ 2 ครั้งก็พอ ถึงแม้ทามากกว่าวันละ 2 ครั้ง ประสิทธิภาพในการดูดซึมยาหรือครีมไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
  49. ครีมทามือหรือทาเท้า ถ้าจะให้มีประสิทธิภาพดี ควรทาก่อนนอน แล้วใส่ถุงมือ ถุงเท้าคลุมเอาไว้ จะเพิ่มการดูดซึมของครีมได้ดียิ่งขึ้น
  50. กลิ่นตัวของคนเราจะถูกกำหนดด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารที่รับประทานเข้าไป ลักษณะการใช้ชีวิต เพศ อายุ สุขภาพ การรับประทานยาต่างๆ
  51. อย่ารักษารอยคล้ำด้วยวิธีขัดถูแรงๆ หรือสคับแรงๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดสีคล้ำเข้มมากขึ้น
  52. การขัดถูผิวหน้าหรือสครับหน้าแรงๆทำให้ผิวหยาบกระด้าง และอาจทำให้เกิดตุ่มสีขาวเล็กๆที่ดูคล้ายสิวอุดตัน
  53. ยาทาที่ใช้สำหรับรอยคล้ำสิวและรอยคล้ำจากยุงกัดที่ได้ผลดี เช่น ไฮโดรควิโนด กรดวิตะมินเอ กรดผลไม้
  54. การบีบ แกะ และกดสิวทำให้ผิวเกิดการอักเสบมากขึ้นส่งผลให้เกิดรอยคล้ำตามมา ฉะนั้นเป็นสิวอย่าบีบ แกะ หรือเค้นเด็ดขาด
  55. ปกติรอยคล้ำที่เกิดตามหลังผิวอักเสบบริเวณหน้าจะจางเร็วกว่าที่ลำตัว แต่ที่แขนขาจะหายช้าที่สุด อาจใช้เวลาเป็นปี
  56. การหลบแดดและทาครีมกันแดดช่วยให้รอยคล้ำจากสิวจางเร็วขึ้นด้วย
  57. ไม่ควรใช้เลเซอร์ในการรักษารอยดำสิว หรือรอยดำจากการอักเสบอื่น ๆ เนื่องจากเสี่ยงต่อการทำให้เกิดรอยดำมากขึ้น
  58. หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าสิวเสี้ยนที่จมูกคือสิว และใช้ยาทาสิวรักษา แล้วจะไปหายได้อย่างไงล่ะครับ
  59. สิวเสี้ยนเห็นเป็นจุดดำเล็กๆที่จมูก ที่จริงจุดดำนั้นคือเส้นขนหลายเส้นที่แทงออกมาจากรูเดียวกัน เลเซอร์กำจัดขนรักษาสิวเสี้ยนได้
  60. ท่านที่มีปัญหาเรื่องผมร่วงควรไว้ผมทรงสั้นจะดีกว่า เพราะการไว้ผมยาวจะเพิ่มโอกาสผมร่วงจากการถูกดึงรั้งมากกว่าในขณะสระผมหรือหวีผม
  61. ผมบนศีรษะเหมือนใบไม้ ผมเส้นเก่าต้องรวงเพื่อให้เส้นใหม่งอกขึ้นมา ปกติผมจะร่วงวันละ 100-150 เส้น วันที่สระผมหรือหวีบ่อยๆผมจะร่วงมากขึ้น
  62. ความเชื่อที่ว่าหวีผมวันละ 100 ครั้งจะทำให้ผมงอกดกและยาวเร็วไม่เป็นความจริง ยิ่งหวีมากยิ่งร่วงมากต่างหาก
  63. คนผมบาง/ศีรษะล้านควรสวมหมวกเพื่อป้องกันแดดเวลาออกกลางแจ้งแดดจัดหรือเวลา เล่นกีฬากลางแจ้งโดยเฉพาะก๊อล์ฟ เพราะไม่มีเส้นผมป้องกันหนังศีรษะจากแดด
  64. สารปรอทเป็นโลหะหนักที่มีพิษสะสมในร่างกายแม้ได้รับในปริมาณน้อย ก็สามารถทำให้ผู้ใช้ครีมมีผิวบางลง ผิวจะมีความไวต่อแสงมากขึ้น
  65. ครีมกันแดดช่วยป้องกันรือชะลอการเกิดริ้วรอย กระแดด กระเนื้อ และฝ้า
  66. กระแดด กระเนื้อ ฝ้า ไฝ ขี้แมงวัน เป็นรอยคล้ำที่กระตุ้นจากแสงแดดทำให้หน้าหมองคล้ำ ไม่ใส
  67. การรักษาฝ้าต้องหลบแดดและทากันแดดอย่างเคร่งครัว เพราะถึงแม้จะรักษาฝ้าได้จางแล้ว ก็จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกถ้าโดนแดด 
  68. ปัญหาของการโกน ถอน และแว๊กซ์คือการเกิดรูขุมขนอักเสนเห็นเป็นจุดแดงหรือตุ่มหนองรอบๆรูขุมขน เลเซอร์กำจัดขนช่วยแก้ปัญหานี้ได้
  69. ตำแหน่งที่คนไข้ชายนิยมกำจัดขนได้แก่ 1. หน้าอก 2. หลัง 3. บริเวณเคราในคนเคราดก เพราะการโกนขน/หวดบ่อยๆจะทำให้เกิดรูขุมขนอักเสบเห็นเป็นตุ่มแดงๆ
  70. ตำแหน่งที่คนไข้ผู้หญิงนิยมกำจัดขนคือ 1. รักแร้ 2. หน้าแข้ง 3. ไรหนวดอ่อน 4. ขอบบิกืนี่
  71. การทำเลเซอร์กำจัดขน 1 ครั้ง ขนจะหายไป 10-15% หากทำซ้ำที่เดิมทุกเดือนติดต่อกัน 7-8 ครั้ง ขนหายเกือบ 100%
  72. แสงแดดไม่ใช่ทำลายแต่ผิวหนังอย่างเดียว กระตกตาถ้าถูกแดดนานๆทำใ้ดกิดต้อกระจกได้ เวลาออกแดดควรสวมแว่นตากันแสง UV ด้วย
  73. ส่วนที่คนมักลืมทาครีมกันแดดคือ ใบหู คอ และส่วนที่เสื้อไม่ปิดเช่น หน้าอกตอนบน หลังมือและหลังแขน
  74. แสงแดด UVA สามารถทะลุผ่านกระจกได้ ใครนั่งทำงานริมน้าต่างต้องระวังโดยปิดม่าน UVA ทำลายคอลลอเจนทำให้เกิดรอยเหี่ยวและหนังยาน
  75. หากผิวไหม้แดดและมีผื่นแดงแสบร้อนให้ประคบด้วยผ้าชุบน้ำเย็นบ่อยๆ
  76. เชื้อราที่ผิวหนังรักษาได้ด้วยยาทา อาจต้องกินยาหากเป็นหลายตำแหน่ง
  77. ขี้กลากเป็นการติดเชื้อราชนิดหนึ่งที่ผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่ติดมาจากสัตว์สู่คน
  78. การสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำทำให้เกิดตาปลาเพราะน้ำหนักตัวจะถูกเทไปอยู่เฉพาะเท้าส่วนหน้า และนิ้วเท้าด้านบน
  79. วิธีรักษาตาปลาคือ การทายา และการฝาน ห้ามรักษาโดยการผ่าตัดหรือจี้ไฟฟ้าและเลเซอร์เพราะอาจเกิดแผลเป็นเวลาเดินจะปวดตลอด
  80. การใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำเป็นสาเหตุให้เกิดการปวดหลังเพราะแนวกระดูกสันหลังเกิดการแอ่นมากผิดปกติ
  81. ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำจนติดอาจมีหน้าอกโตเพราะมีการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) ในร่างกาย
  82. แอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดที่ผิวขยายตัวและแตกง่าย สังเกตุว่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์จะหน้าแดงง่ายและเห็นเป็นเส้นเลือดฝอยที่หน้าและอก
  83. การขาดวิตะมินเอบวกกับผิวขาดน้ำเป็นตัวเร่งทำให้ผิวแก่ก่อนวัย คนที่ดื่มเป็นประจำจะดูแก่ก่อนวัย
  84. การกดสิวทำโดยใช้ปลายเข็มขนาดเล็กสะกิดผิวตื้นๆแล้วใช้อุปกรณ์กดหัวสิวกดออก
  85. การกดสิวทำโดยใช้ปลายเข็มขนาดเล็กสะกิดผิวตื้นๆแล้วใช้อุปกรณ์กดหัวสิวกดออก
  86. การนอนคว่ำหรือนอนตะแคงผิวหน้ามีโอกาสยับ ถูกทับ ถูไถและเสียดสีไปกับปอกหมอน ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มได้ตลอดเวลา
  87. วิธีลดรอยย่นจากการนอนแบบง่ายๆ เช่น ใช้หมอนที่นุ่ม เลือกปอกหมอนผ้าปูที่เป็นผ้าซาตินเลี่ยงผ้า cotton หรือฝึกนอนหงาย
  88. คนที่ชอบนอนหงายจะเป็นริ้วรอยบนหน้าน้อยกว่าคนที่ชอบนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
  89. คนที่ชอบล้างมือบ่อยๆหรือทำงานที่มือต้องแช่น้ำบ่อยๆ มักจะมีอาการบวมแดงของจมูกเล็บดังรูปเพราะเป็นเชื้อรา
  90. การหยุดสูบบุหรี่ไม่ได้ทำให้ริ้วรอยจากการสูบเดิมหายไป แต่จะช่วยลดการเสื่อมสลายของผิวให้น้อยลง
  91. สารในควันบุหรี่ยังเร่งกระบวนการทำลายเส้นใยคอลลาเจนในผิว ลดปริมาณวิตะมิน A และ C ในผิว
  92. ผลเสียของควันบุหรี่ต่อผิวที่สำคัญมี 2 อย่างคือ ทำให้แก่เร็วกว่าเพื่อนในวัยเดียวกันและทำให้แผลหายช้า
  93. เมื่อทาครีมแล้วเกิดอาการผื่นบวมแดงและคันแสดงว่าอาแพ้ครีมให้ล้างออกด้วยการฟอกสบู่อ่อนแล้วล้างน้ำและไปพบแพทย์ถ้าไม่ดีขึ้น
  94. การทาครีมหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆจะทำให้ครีมซึมลงผิวได้มากกว่าผิวปกติ
  95. ปริมาณครีมทาบนผิวหนังที่เหมาะสมคือการใช้ครีมปริมาณที่น้อยที่สุดที่สามารถครอบคลุมพื้นที่ที่ต้องการทา
  96. ก่อนทาครีมบนผิวควรซับผิวให้แห้งเพราะน้ำที่อยู่บนผิวจะเจือจางความเข้มข้นของครีม
  97. การทาครีมบริเวณที่ผิวอ่อนเช่นรอบดวงตา,ซอกพับ,ขาหนีบ,อวัยวะเพศควรใช้ครีมปริมาณน้อยเพราะเกิดการระคายเคืองง่าย
  98. ขอเตือนท่านที่คิดจะไปฉีดฟิวเลอร์เพื่อเสริมดั้ง ควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพราะผลข้างเคียงที่อันตรายคือ ตาบอด หากฉีดเข้าไปในเส้นเลือด
  99. ผิวหนังรอบดวงตาบริเวณที่มีผิวหนังค่อนข้างบอบบางหากเทียบกับผิวหนังบริเวณ อื่นของร่างกาย และมีโอกาสเกิดการแพ้และเกิดแผลเป็นได้ง่ายกว่า
  100. ตีนกาเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหดตัวแล้วคลายตัวไม่หมด ทำให้เห็นเป็นรอยเท้ากาคาไว้ข้างตา

ขอบพระคุณข้อมูล

จากทวิตเตอร์ @DrWoraphong @DrRungsima คุณหมอผิวหนังสุดฮอตในทวิตเตอร์ค่ะ 

Photo Reference : bloggang.com, jaranskinclinic.com, doctorcosmetics.com, kajabbi.com,nomoremelasma.blogspot.com, n3k.in.th, petcharatbeauty.com, hnzic.blogspot.com, health.kapook.com, torojunior.blogspot.com, board.postjung.com, toonne.com, chaoprayanews.com, kvamsook.com, xn--12ca1ducec1gdtz3j6d.com, komwit.com, lauvenzee.com, beautysecret.co.th, imarm.com, boojazzy.com, exteen.com, weloveshopping.com,ir-beautina.info, globalfashionreport.com, morebeautybypim.tarad.com, dek-d.com, augustzarisa.exteen.com, learners.in.th, kvamsook.com,health.ladytips.com, variety.teenee.com, women.thaiza.com,toptenthailand.com, crostbello.com, health.kapook.com, catninelifecanter.blogspot.com, women.mthai.com, xn--12cf3caxc5cp3ei6dr4a6o9a2g.com, health.kapook.com, globalfashionreport.com, charming-house.com, zazana.com

Posted in BEAUTY, SKINComments (0)

ตอบทุกปัญหาการทาและทานคอลลาเจนเพื่อผิวสวย

วันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงเรื่องรับทานคอลลาเจน ทาคอลลาเจน อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคอลลาเจน

ว่าความจริงมันได้ผลหรือไม่ เรื่องนี้เอิ๊กไม่เชี่ยวชาญ ดังนั้นต้องอัญเชิญ

แพทย์ผิวหนังผู้ทรงคุณวุฒิตอบคำถามข้อนี้ค่ะ 🙂

คอลลาเจนเอ๋ยเจ้าคืออะไรกันหนอ ?

คอลลาเจนคือเส้นใยโปรตีนชนิดนึงในร่างกายของเรา ทำหน้าที่เชื่อมเซลล์แต่ละเซลล์เข้าด้วยกัน เนื่องจากคอลลาเจนมีประมาณ 1 ใน 3 ของโปรตีนภายในร่างกายจึงมีแรงสปริงตัวทำให้ผิวหนังกระชับ เต่งตึง แข็งแรง เรียบเนียน ยืดหยุ่น คอลลาเจนพบได้ในผิวชั้นหนังแท้ และ พบได้ในอวัยวะด้วยเช่น ผังผืด (Fascia), กระดูกอ่อน (cartilage), เส้นเอ็น (ligaments), ข้อต่อ (tendons),กระดูก (bone)

หน้าตาเจ้าคอลลาเจน ดูเป็นเส้นใยระโยงระยางระยวยเต็มไปหมด

 คอลลาเจนมีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ

เมื่อเราเกิดมาก็มีการสร้างคอลลาเจนในร่างกายตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่คอลลาเจนนั้นก็เป็นไปตามสังขารมนุษย์ เมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้นเลย 20-25-30 ปี การผลิตก็จะลดน้อยลงทีละนิดทีละนิด อย่างช้าๆทุกปี ทำให้เราเห็นตามวัฎจักรมนุษย์ เมื่อทุกคนเกิด ทุกคนโต ทุกคนก็ต้องแก่ และตายไปในที่สุด แม้เราพยายามยึดวัยมากเท่าไหร่ เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายเราก็จะกระตุ้นได้ยากมากขึ้นเท่านั้น 

ปัจจัยที่เร่งให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ

ตัวการที่ร้ายแรงที่สุด คือ แสงแดด โดยเฉพาะ UVA จะลงลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระทำลายเส้นใยคอลลาเจน มิหนำซ้ำ กระ ฝ้า เม็ดสี สีผิวไม่สม่ำเสมอก็ตามมา และเมื่อคอลลาเจนเสื่อมเราก็แค่แก่เร็วขึ้นเท่านั้นเอง

คอลลาเจนเสื่อมรู้ได้ยังไง ?

ผิวหนังแท้ของเราจะแบ่งเป็น 2 ระดับ หนังแท้ชั้นตื้น หนังแท้ชั้นลึก ชั้นตื้นจะมีคอลลาเจนน้อยกว่าชั้นลึก จุดสังเกตุแรก หากคอลลาเจนหนังแท้ส่วนตื้นเสื่อม ริ้วรอยจะมา รูขุมขนกว้างมากๆทั้งที่ไม่ได้หน้ามัน นอนดึก แต่กว้างแบบสุดพลังก็เกี่ยว หากคอลลาเจนเสื่อมที่ผิวหนังชั้นลึก ผิวพรรณของเราที่เคยจับแล้วดึ๋ง เต่งตึง ก็จะจับแล้วยวบยาบ กดแล้วยุบย้วย กว่าจะคืนสู่สภาพต้องใช้เวลา ยกตัวอย่างคุณย่า คุณตา คุณปู่ คุณยายของพวกเรา ผิวพรรณจะเริ่มไม่เรียบตึง


อยากสร้างคอลลาเจนใหม่อยากแก่ช้าทำไง ?

1. ฉีดสารคอลลาเจน [ แต่โอกาสแพ้สูง ] & ฉีดสารHyarulonic acid ให้อุ้มน้ำ ผิวจะดูอิ่ม เต่งตึงทันที

2. กระตุ้นการสร้างผิวใหม่ เช่น ให้ความร้อนลงไปยังชั้นหนังแท้ [ เลเซอร์ ] , ทำให้ผิวเกิดแผลเล็กๆ , ลอกผิวด้วยสารเคมี

แล้วการทาน & ทาคอลลาเจนล่ะ ?

  • สำหรับการทาด้วยมือ บอกตรงนี้เลยว่าไม่มีครีมตัวไหนสามารถซึมลึกผ่านลงชั้นหนังกำพร้า หรือ ชั้นขี้ไคลไปได้ เพราะผิวเราวิเศษมีการป้องกันตัวเองจากสิ่งแปลกปลอมอยู่แล้ว
  • สำหรับการทานร่างกายมีระบบการย่อยที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน ทานคอลลาเจนเข้าไป เจอย่อยไปเรื่อยๆก็เหลือเพียงเศษเสี้ยวกลายเป็นกรดอะมิโน (โอเค) ไป คงไม่ได้ไปทำให้เต่งตึง เปล่งปลั่งขึ้นได้ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่อย่างคอลลาเจนได้ หรือ ถ้าได้อย่างที่คุณหมอว่าก็คือทานไปจะไปพอกจุดไหนก็ไม่ทราบได้ 
อยากรักษากลไลสร้างคอลลาเจนในร่างกายให้ยาวนานขึ้นทำยังไง ?
ปกติก็สร้างเองในร่างกายอยู่แล้วเพียงแต่ลดลงทีละเล็กน้อยเมื่ออายุ 25 ขึ้นไป แต่หากอยากให้กลไลร่างกายยังสร้างได้ดีอยู่ไม่ลดลงไปมาก ก็รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ / ออกกำลังกายสำคัญมากเพราะต้านอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระนั้นทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อม คอลลาเจนก็เสื่อมไปด้วย / และนอนให้ตรงเวลา อย่านอนดึกแบบเอิ๊ก เพราะเวลากลางคืนเป็นเวลาที่ผิวหนังซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ลองนอนหัวค่ำทุกวัน หน้าดีขึ้นแน่นอน
จากใจนะ จะทานอะไร จะทาอะไรหาข้อมูลให้ดี โดยเฉพาะข้อมูลทางวิชาการ โดยเฉพาะอะไรที่นำเข้าสู่ร่างกาย   
และในความรู้สึก ” การออกกำลังกายนั้น ไม่ว่าในรูปแบบไหน ชะลอวัยได้เรื่องจริง “
อ่าน ฟัง หาข้อมูล แล้วเขียนเอง หากผิดพลาดประการใดติได้ค่ะ <3

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, SKINComments (0)

รูขุมขนกว้างรักษายังไงได้บ้าง ?

รูขุมขนกว้าง กว่า 80% เป็นปัญหาผิวหนังที่หลายคนกลุ้มใจ มาก !!!

บทความนี้เอิ๊กได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังและเลเซอร์มา 2 ท่าน พร้อมทั้งหาข้อมูลเพิ่ม และ ประสบการณ์ตรง ดังนั้นทุกครั้งที่เขียนขึ้น เอิ๊กจะพยายามให้ข้อมูลมันนิ่งเท่าที่เอิ๊กจะทำได้ เวลาจะเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องผิวหนังเอิ๊กจึงใช้เวลาค่อนข้างนานมาก 1-2 วัน เหมือนกำลังเรียนรู้ เรื่องที่ไม่เคยรู้ สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญสาขานั้นๆ อ่านจากกูเกิล เว็บผิวหนังเมืองนอก ความคิดเห็นผลลัพธ์ของผู้ที่ผ่านการทดลองแต่ละวิธี อ่านหนังสือ และพยายามเขียนให้ทุกคนเข้าใจในภาษาคนธรรมดา ที่ไม่ใช่แพทย์ เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านเข้าใจได้ และ ได้ข้อมูลเยอะที่สุดเท่าที่จะเยอะได้ หากผิดพลาดประการใดหรืออยากให้ข้อมูลเพิ่มเติมยินดีค่ะ อีเมลล์ หรือ คอมเมนท์ข้างล่างได้เลยค่ะ

ขอบพระคุณ แพทยหญิง วลัยลักษณ์ มีประถม และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงรังสิมา วณิชภักดีเดชา

สำหรับข้อมูลสัมภาษณ์ประกอบเรื่องผิวหนัง และ เลเซอร์ค่ะ

และขอบคุณ GOOGLE สำหรับภาพประกอบค่ะ

รูขุมขนกว้าง มีสาเหตุมาจากอะไรบ้างต้องรู้ ?

  1. อายุมากขึ้น (คอลลาเจนเสื่อม) 
  2. กรรมพันธุ์
  3. ผิวมัน-ผิวผสมส่วนที่มัน น้ำมันผลิตมาก (ทำให้รูขุมขนต้องทำงานหนักเปิดกว้างเพื่อปล่อยน้ำมันออกมา)
  4. ผิวแห้ง-ผิวขาดน้ำ (ขาดความชุ่มชื่น,เสียน้ำในชั้นผิว) เกิดได้เมื่อใช้อะไรรุนแรง,นอนดึก,อากาศ
  5. เกิดหลังจากมีสิวอักเสบมากจนเกิดหลุมทำให้ดูรูขุมขนกว้าง
  6. ขนเส้นใหญ่ (ขนาดขนมีผลต่อรูขุมขน)
  7. ช่วงตกไข่ ผิวอ่อนแอ PROGESTERONE,FSH,LH สูง หน้าผลิตน้ำมันมากขึ้น อุดตันง่าย
  8. สภาพอากาศ&มลภาวะ ร้อน เครียด ก็ผลิตน้ำมันบนผิวได้มากขึ้น
  9. อาหาร ทอด&มัน อาจเป็นเหตุให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากยิ่งขึ้น
  10. แดดเลีย ทำให้ผิวแห้ง สภาพผิวเสียสมดุล หน้าอาจจะมันมากขึ้น
  11. นอนดึก-นอนเช้า

รูขุมขนกว้างได้ยังไง ?

เนื่องจากรูขุมขน จะอยู่บริเวณชั้นหนังแท้ส่วนตื้น ซึ่งอุดมประกอบไปด้วย ไฮยาลูรอนิค แอซิด (ช่วยเก็บกักความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง,ช่วยให้ผิวเต่งตึงฯลฯ) เยอะที่สุดในบริเวณชั้นหนังแท้ส่วนตื้น และ มี คอลลาเจน (ทำให้ผิวแข็งแรง ตึง กระชับ) แต่มีอยู่บางเบาไม่หนาเหมือนชั้นหนังแท้ส่วนลึกถ้าบริเวณไหน คอลลาเจน หรือ ไฮยาลูรอนิค แอซิด น้อยก็จะทำให้ความหนาแน่นรอบรูขุมขนน้อย รูขุมขนจึงหลวม และ เบ่งบานออก ทำให้เราเห็นว่า “รูขุมขนกว้าง”

หลักการแก้เรื่องรูขุมขนกว้างง่ายมาก

1. เติมความชุ่มชื่น (ไฮยาลูรอนิค แอซิด)

2.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

 มีหลากหลายวิธี เอิ๊กรวบรวมมาดังนี้

 

เลเซอร์/คลื่นความถี่วิทยุ

ความสามารถ&หลักการ เปลี่ยนโครงสร้างผิว ลึกถึงชั้นหนังแท้ส่วนตื้นและลึก, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน, ทำให้คอลลาเจนหดตัวกระชับ , ถ้ากำจัดขนถาวรก็ปรับโครงสร้างผนังรูขุมขนให้กระชับเมื่อกำจัดขนออกไป, RESURFACING ทำให้พื้นผิวให้เรียบเนียนขึ้น ,ให้ความร้อนโดยตรงในชั้นหนังแท้ส่วนตื้น

ชนิดที่ให้ความร้อนทุกชนิด (เช่น เลเซอร์ประเภทยกกระชับ GENTLE YAG)

ชนิดกรอผิวแบบไม่มีแผล,มีแผล และ กึ่งมีแผล (เช่น เลเซอร์ERBIUM,FRAXEL,CO2,EMATRIX,CLEAR AND BRILLIANT,PICO LASER)

ชนิดกำจัดขน (เช่น เลเซอร์ GENTLE YAG,IPL,CYNERGY,ND YAG)

ข้อดี เป็นการปรับลงไปที่โครงสร้างของผิวดังนั้นเมื่อทำแล้วผลที่ได้อยู่ยาวนาน,ผิวเรียบเนียน,รูขุมขนดูกระชับ,ริ้วรอยเล็กๆจางลง

ข้อด้อย รอการสร้างคอลลาเจนซักพักขึ้นกับร่างกาย,ราคาสูง,ทำ4-6ครั้งขึ้นไปขึ้นกับความกว้างของรูขุมขน

ลักษณะผิวที่ทำได้ ทุกสภาพผิว

ฟิลเลอร์ 

ความสามารถ&หลักการ เปลี่ยนความหนาแน่นของผิวชั้นหนังแท้ส่วนตื้นทันที โดยการเติมไฮยาลูรอนิคเอซิด ชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในผิว (สารที่โอบอุ้มน้ำ) ให้ดูเติมเต็ม 70-85%

ข้อดี เติมเต็มเห็นผลทันทีทันใจ / สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ข้อด้อย ต้องฉีดบ่อยประมาณ3-4ครั้งต่อเดือน / ราคาสูง

ลักษณะผิวที่ทำได้ ทุกสภาพผิว

โบทูลินูมทอกซิน

ความสามารถ&หลักการ เปลี่ยนระบบการทำงานบางอย่างเช่น การผลิตน้ำมันของผิว,ต่อมเหงื่อ

เข้าไปควบคุมการทำงานของต่อมเหงื่อลดเหงื่อ , ลดการผลิตน้ำมัน

ข้อดี เห็นผลในสัปดาห์แรก / สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ข้อด้อย ต้องฉีดบ่อย2-3เดือนไปซ้ำที / ราคาสูง

ลักษณะผิวที่ทำได้ ผิวมัน,ผู้ที่ใบหน้ามีเหงื่อออกเยอะ

 

 

เวชสำอาง หรือ สกินแคร์สูตรกระชับรูขุมขน

ความสามารถ&หลักการ  บางสูตรช่วยเคลือบผิวให้เรียบเนียน,บางสูตรให้ความชุ่มชื่นฟื้นฟูผิวหนังด้านบนให้ดูอิ่ม,บางสูตรมีสารที่ช่วยละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนเมื่อรูขุมขนสะอาดจึงแลดูเล็กลง เช่น ส่วนผสมที่ลดการผลิตน้ำมัน หรือ ปรับสมดุลน้ำมัน เช่น linoleic acid / Niacinamide2%+ / Salicylic acid[BHA] / ทากันแดดเป็นประจำ SPF 30-50 PA+++ขึ้นไป และ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มองหา OIL FREE , NON-COMEDOGENICกินยารักษาสิวบางประเภทก็อาจควบคุมน้ำมันบนผิวได้แต่ควรอยู่ในความดูแลของหมอผลข้างเคียงเยอะมาก note* อย่าใช้อะไรที่ทำให้ผิวแห้งมาก เช่น เจลฟองเยอะ การผลัดเซลล์ผิวมากไป จะกระตุ้นให้เพิ่มการหลั่งน้ำมัน

ข้อดี ให้ความชุ่มชื่น,คุมมัน,ละลายสิ่งอุดตัน,เคลือบผิวให้เรียบเนียน

ข้อด้อย สกินแคร์ใช้ต้องใช้ระยะเวลา ส่วนใหญ่ทาไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างผิวชั้นลึก อีกอย่างผลจึงขึ้นอยู่กับแต่ละคน ต้องใช้ต่อเนื่อง และกระชับได้ในระดับนึงเท่านั้น(เล็กน้อย)

ลักษณะผิวที่ทำได้ บางสูตรเหมาะกับผิวมัน-ผิวผสม,บางสูตรเหมาะกับผิวแห้ง-ธรรมดา ต้องเลือกให้เหมาะ ผิวผสมอาจต้องใช้ทั้ง 2 สูตร

 

 

เครื่องสำอางสูตรปกปิด หรือ พรางรูขุมขน

ความสามารถ&หลักการ  ปกปิดหรือพรางรูขุมขนให้แลดูเล็กลงทันทีด้วยส่วนประกอบบางอย่าง เช่น ซิลิโคน

ข้อดี ให้ผลทันที,ราคามีตั้งแต่ถูก-ปานกลาง

ข้อด้อย ด้วยส่วนประกอบบางชนิดอาจทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน

ลักษณะผิวที่ทำได้ บางสูตรเหมาะกับผิวมัน-ผิวผสม,บางสูตรเหมาะกับผิวแห้ง-ธรรมดา

 

 

พอกด้วยสมุนไพร เช่น มะเขือเทศ

ความสามารถ&หลักการ  ด้วยวิตามินเอ และ ซีในมะเขือเทศ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว สร้างสมดุล ขจัดน้ำมันส่วนเกิน ทำให้ผิวกระจ่างใส จากการพอกมะเขือเทศบด สูตรมีหลายสูตร คนผิวมันอาจเติมมะนาวลงไป2-3หยด ผิวแห้งเติมน้ำผึ้ง โยเกิตลงไป ลองไปหาสูตรแล้วลองทดสอบดูบางบริเวณก่อนค่ะ เขาว่ากันว่าช่วยกระชับรูขุมขนได้

ข้อดี ราคาถูก,หาซื้อง่าย,ทำเองได้ที่บ้าน

ข้อด้อย ได้ผลชั่วคราว,ได้ผลกับบางคนขึ้นกับผิวของแต่ละคน,เลอะเทอะ,กลิ่น

ลักษณะผิวที่ทำได้ บางสูตรเหมาะกับผิวมัน-ผิวผสม,บางสูตรเหมาะกับผิวแห้ง-ธรรมดา

 

 

นอนเร็ว

ความสามารถ&หลักการ เมื่อร่างกายพักผ่อนเพียงพอ สุขภาพภายในจะดี เก็บความชุ่มชื่นได้ดีขึ้น ถ้าเรานอนดึกร่างกายก็ไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้ซ่อมแซม ร่างกายสูญเสียน้ำตลอดคืน ต่อให้ดื่มน้ำเข้าไป ก็จะมีการขับออกทางปัสสาวะ ทาครีมก็ไม่ซึมร่างกายต้องการระบายความร้อนที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื่น และทำให้รูขุมขนบานออก คนผิวแห้ง หรือ ผิวธรรมดาเมื่อได้พักผ่อนอย่างรวดเร็วติดต่อกันจะสังเกตุได้ถึงผลลัพธ์

ข้อดี เป็นการปรับสมดุลร่างกายในชีวิตอย่างดีมาก,ไม่มีค่าใช้จ่าย

ข้อเสีย สำหรับคนที่ติดนอนดึก นอนเช้า อาจเป็นการยากในการฝึก , ไม่ค่อยได้ผลในคนผิวมันซึ่งมีปัจจัยอื่นเช่นการผลิตน้ำมันที่มากเข้ามาเกี่ยว

ลักษณะผิวที่ทำได้ ผิวแห้ง ผิวธรรมดา

 

น้ำแข็ง

ความสามารถ&หลักการ ความเย็นจะช่วยกระชับรูขุมขน นำมาวางไว้ในผ้า หรือ ใช้น้ำแข็งลูบบริเวณที่รูขุมขนกว้างวนไปวนมาอย่างเบามือ ประมาณ 5 นาทีเห็นผล

ข้อดี เห็นผลทันที,ค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำประปาราคาถูก,ผลพลอยได้ แก้มดูแดงระเรื่อ เลือดฝาด

ข้อเสีย ผลอยู่ไม่กี่นาทีก็กลับมากว้างเหมือนเดิม

ลักษณะผิวที่ทำได้ ทุกสภาพผิว

 

โฟโต้ชอป APPs 

ความสามารถ&หลักการ มีอุปกรณ์อิเลคทรอนิค เช่น คอมพิวเตอร์ หรือ มือถือก็ประมวลผลออกมาให้ผลลัพธ์ทันที

ข้อดี เห็นผลทันที,ค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟ ไม่กี่บาท, รู้สึกดีที่ได้เห็นภาพหลังทำ

ข้อเสีย เห็นผลลัพธ์ยอดเยี่ยมแค่รูป

ลักษณะผิวที่ทำได้ ทุกสภาพผิวหน้าไม่มีข้อจำกัด ฮ่าฮ่า

 

ทุกวิธีที่กล่าวมาไม่มีวิธีไหนที่ถาวร ต้องต่อเนื่อง

และ ทางที่ดีผสมวิธีเพื่อเสริมกันไปเพื่อชะลอการกลับมากว้างเร็ว

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กันนะจ๊ะ ไปเลือกเอาตามใจชอบ อย่าลืมแชร์ต่อให้คนมีปัญหาเดียวกันได้รู้ด้วย 🙂

XOXO

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, MAKE UP, SKIN, SKIN CAREComments (4)

มะหาดทำให้ผิวขาวจริงหรือ ? Q&A

 

 

 

 

มะหาดทำให้ผิวขาวจริงหรือ ?

 

 

 

มะหาด คืออะไร แล้วเกี่ยวกับผิวขาวยังไง ทำไมฮิตมาก มาก มาก มาก หนาหูมากตั้งแต่หลายเดือนที่แล้ว ตอนแรกนึกว่าฟังผิด จากมะขาม เป็น มะหาด แท้จริงชื่อคือ “ มะหาด “ อ่านว่า มะ-หาด นั่นเอง หลังจากที่ได้ไล่อ่านทวิตเตอร์ของผศ.รังสิมา ที่ปรึกษาศูนย์เลเซอร์ ISKYCENTER และ แพทย์ผิวหนังโรงพยายามศิริราช ทวิตให้วิชาการเกี่ยวกับมะหาดเนื่องจากมีคนถามคุณหมอไปมาก เอิ๊กจึงนำข้อมูลตรงนั้นมาแตกประเด็นและหาข้อมูลเสริมเพิ่มเติมค่ะ

 

มะหาดคืออะไร 

มะหาด เป็นไม้ยืนต้นชนิดนึงที่มีต้นกำเนิดจากทวีปเอเชียใต้ พบมากตามป่าดิบ ฮิตปลูกกันมากเพราะทุกส่วนของต้นมีประโยชน์หมด !

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artocarpus lakoocha Roxb.

 

มะหาดพบได้ที่ไหนบ้าง

ภาคเหนือเรียก หาดหนุน / จังหวัดเชียงใหม่เรียก ปวกหาด / ภาคกลางเรียก หาด / ภาคใต้เรียก มะหาด / จังหวัดตรังเรียก มะหาดใบใหญ่ / จังหวันราธิวาสถึงประเทศมาเลเซีย เรียก กาแย , ตะแป , ตะแปง

 

มะหาด ทางแพทย์แผนไทย สมุนไพร และ โภชนาการ มีประโยชน์ด้านใดบ้าง

ก่อนจะนำมาใช้ประโยชน์ต้องปลูกมะหาดต้นนั้นประมาณ 5 ปี

 

วันนี้เราจะมาพูดประเด็นมะหาดทำให้ผิวขาวได้ยังไง ?

สารสกัดจากแก่นมะหาด ชื่อ oxyresveratrol จะทำให้สีผิวอ่อนลงได้โดยการ ลดการยับยั้งการสร้างเม็ดสีชนิดน้ำตาลแดง ( EU MELANIN) 

1. อาจารย์จากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ทดลองรักษาโรคเริมในหนูตะเภาของ โดยใช้สารสกัดจากแก่นมะหาดที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์เรียบร้อยแล้ว (อ่านเพิ่มเติม http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/21669230 )

และอ้างอิงจากนสพ.คมชัดลึกปี2551

เว็บกิจการวิจัย มหาวิทยาลัยจุฬาฯ http://www.research.chula.ac.th/

 

2. คณะแพทย์ มศว. ประสานมิตร ที่ทดลองทำวิจัยเรื่องนี้อยู่ได้กล่าวว่า มีการนำสารสกัดจากมะหาดมารักษาฝ้า เทียบกับการใช้ไฮโดรควิโนน พบว่ารักษาฝ้าได้ผลเทียบเท่ากับไฮโดรควิโนน แต่ผลข้างเคียงเยอะและเกิดการแพ้ได้ เช่น หน้าแดง เกิดผื่น ระคายเคือง ซึ่งพบเมื่อใช้ที่ความเข้มข้น 5% ถึงแม้ว่าสารสกัดจากแก่นมะหาด จะสามารถใช้รักษาฝ้าได้เทียบเท่าไฮโดรควิโนน แต่ก็ยังไม่มีการวิจัยเรื่องการทำให้ผิวขาวและผลในระยะยาว

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชแนะนำว่า

  • ถ้าใครต้องการทดลองใช้ครีมหรือโลชั่นมะหาดเพื่อทำให้ผิวขาว ไม่ควรใช้ที่ความเข้มข้นเกิน 5% เพราะเสี่ยงต่อผลข้างเคียงได้มาก
  • ถ้าจะซื้อผลิตภัณฑ์มะหาดมาใช้ ควรเลือกที่มี อย. รับรอง และตรวจสอบเลข อย. ที่อยู่บนฉลากผลิตภัณฑ์ กับ website ของ อย. http://www.fda.moph.go.th/

ขณะนี้มีข้อความนี้เยอะมากตามร้านที่ขายครีมหรือโลชั่นมะหาดที่พูดถึงผลงานวิจัย ซึ่งเมื่อหาข้อมูลดังกล่าวยังไม่พบต้นฉบับ และผลงานวิจัยเรื่องผิวขาวในมนุษย์ของวารสารทางการแพทย์

 

เมื่อเสริทตามข้อมูลผู้จัดการออนไลน์ที่ให้มาไม่พบเจอข้อความที่กล่าวด้านบนจะมีก็แต่วิธีแนะนำเรื่องผิวขาวคือให้หลบแดดเท่านั้น

http://www.manager.co.th/asp-bin/PrintNews.aspx?NewsID=9520000006218

และ ข่าวที่เกี่ยวกับมะหาดแต่เป็นเรื่องของการรักษาโรคเริมในหนูเท่านั้น 

http://www.manager.co.th/asp-bin/PrintNews.aspx?NewsID=9510000079892

ดังนั้นข้อความดังกล่าวที่ของร้านขายครีมมะหาดที่กล่าวว่ามีวิจัยทำให้ผิวคนขาวจึงควรหาข้อมูลเพิ่มเติมในงานวารสารทางการแพทย์เกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์อีกครั้ง หรือสอบถามทาง รศ. และ ดร. หัวหน้าคณะวิจัยนี้เพิ่มเติมค่ะ

สรุป ถ้าอยากลองผลิตภัณฑ์ที่สกัดมาจากมะหาด ควรลองที่เปอร์เซ็นต์ไม่เกิน5% เพื่อป้องกันการระคายเคือง และ ควรขึ้นทะเบียนมี อย. ตามกฎหมายอย่างถูกต้องจากประเทศไทย

XOXO

หวังว่าคงได้รับประโยชน์กันนะคะ

ลอง PHOTOSHOP ผิวดูให้ขาว – แทน

อิอิ

 

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบ

– ทวิตเตอร์ ผศ.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา @DrRungsima

– MANAGER ONLINE

– GOOGLE

 

Posted in BODY, GLUTATHIONE, SKINComments (0)

ผิวบางคืออะไร และ ผิวบางทำไงดี Q&A

erk-erk.com
erk-erk.com
erk-erk.com
erk-erk.com

ผิวบางทำไงดี ?

erk-erk.com

erk-erk.com

เราจะมาพูดถึง คำนิยามของ ผิวบางกันในวันนี้
2 มุมมองที่แตกต่าง มุมมองของคนธรรมดา vs มุมมองของแพทย์ผิวหนัง
ผิวบางเป็นแบบไหน
erk-erk.com
 คนธรรมดา มองว่า ผิวบางอาจเป็นผิวที่โดนอะไรไม่ได้ เป็นสิวง่าย ผิวที่ไวแสง ไวต่อสารเคมี ผิวเป็นผื่น ผิวอ่อนแอ ผิวที่ชั้นผิวโดนทำลาย ผิวที่ใช้พวกครีมหน้าขาวแล้วลอกไวจนบาง ผิวที่แสบหน้าเวลาโดนแดด ผิวที่แดงง่าย ผิวที่เห็นเส้นเลือด ผิวที่แพ้ง่าย ผิวบางแบบเด็ก นิยามของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ..
แพทย์ผิวหนัง มองว่า คำว่าผิวบาง คนไข้แต่ละคนมองคำว่าผิวบางในความหมายที่ต่างกัน ก่อนอื่นต้องเข้าใจความจริงก่อนว่า ผิวของคนเรามีความหนาบางวัดออกมาไม่เท่ากันอยู่แล้ว เหมือนอย่างเช่น ตามร่างกาย ผิวหนังบนใบหน้า แก้ม ตา จมูก หน้าผาก ผิวทุกส่วนที่กล่าวมา มีความหนาบางต่างกัน อย่างผิวหนังรอบดวงตาก็อาจจะบางทีสุดกว่าทุกส่วนบนใบหน้า ผิวหนังลำตัวก็อาจจะหนากว่าผิวหนังบนใบหน้า และ แยกออกไปอีก ที่ว่าบาง เป็นผิวหนังชั้นไหน ? 
erk-erk.com
ผิวหนังของคนเรามี 3 ชั้น 
ชั้นนอก(ชั้นหนังกำพร้า) 
ชั้นกลาง(ชั้นหนังแท้) 
ชั้นใน(ชั้นไขมัน)
วันนี้เราจะมาพูดถึงผิวชั้นหนังกำพร้า หรือ ผิวชั้นนอก ซึ่งบนสุดจะมีเซลล์ผิวที่ตายแล้วเนื่องจากไม่มีสารอาหารและเลือดไปเลี้ยง
เรียกว่า ” ชั้นขี้ไคล “
ชั้นขี้ไคล สำคัญยังไง ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจาก ฝุ่นละออง เชื้อโรค สารเคมี ไม่ให้ซึมผ่านลงไปทำร้ายผิวชั้นที่ลงไปได้ หน้าที่นี้จะทำไปพร้อมคู่กับชั้นน้ำมันเคลือบผิว

ถ้าชั้นขี้ไคลของหนังกำพร้า รวมถึงชั้นน้ำมันเคลือบผิว หายไป หรือ เสียหาย ก็จะทำให้ผิวเราระคายเคืองง่าย อ่อนแอลงได้ เช่น เกิดอาการแพ้ง่าย ไวต่อฝุ่นละอองและสารเคมี ผิวอ่อนแอลง ผิวที่ใช้พวกครีมสูตรผลัดเซลล์ให้ผิวดูขาวขึ้นแล้วรู้สึกว่ามันบาง ผิวที่แสบหน้าเวลาโดนแดด ผิวที่แดงง่าย ผิวบางแบบเด็ก อาการเหล่านี้เกิดจาก ชั้นขี้ไคลบาง หรือ ถูกผลัดออกไป เนื่องจากมันมีการหลุดลอกของตัวมันเองอยู่แล้วภายใน 2-4 สัปดาห์ เพราะมันคือเซลล์ที่ตายแล้ว แสดงว่า ที่ทุกคนกำลังพูดถึง นั่นหมายถึง ผิวชั้นขี้ไคล หรือ ชั้นน้ำมันเคลือบผิวบางลง ไม่ได้หมายถึงผิวหนังทุกชั้นที่กล่าวมา 🙂
erk-erk.com
erk-erk.com
ดังนั้น แพทย์ผิวหนังถึงลงความเห็นว่า 
erk-erk.com
ผิวบางในมุมมองของคนไข้คือ ผิวชั้นขี้ไคลบางลง จึงทำให้รู้สึกมีปัญหา รู้สึกผิวไวแสง แพ้ง่าย ผิวแดงง่าย ผิวอ่อนแอ ผิวที่ใช้อะไรผื่นก็ขึ้น ผิวที่เลเซอร์มาก็ทำให้ชั้นขี้ไคลถูกผลัดออกไปด้วยแต่ไม่ได้ทำให้ผิวชั้นขี้ไคลบางถาวรมันจะกลับมาให้ผลัดอีกอยู่แล้ว และเลเซอร์จะไปกระตุ้นคอลลาเจนสร้างใหม่ทำให้ผิวชั้นหนังแท้หนาตัวแข็งแรงขึ้นด้วยต่อไป ผิวเห็นเส้นเลือด (ความจริงเป็นเรื่องปกติ) ฯลฯ เพราะฉะนั้น ผิวบางที่ชั้นขี้ไคลและชั้นน้ำมันเคลือบผิวเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงผิวชั้นอื่น สาเหตุก็มาจากหลายปัจจัย เช่น ผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไป ขัดผิวบ่อย ใช้อะไรรุนแรงจนทำให้ชั้นน้ำมันเคลือบผิวถูกทำลาย ทำทรีทเมนท์กรดผลไม้ ฯลฯ
วิธีแก้ 
1. ชั้นขี้ไคลกลับมาได้ตลอดเวลา เพราะผิวหนังชั้นที่ลึกกว่านี้จะดันชั้นนี้ออกมา จนกลายเป็นเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว
2. ชั้นน้ำมันเคลือบผิวน้อย ถูกทำลาย ก็เน้นบำรุงให้ชุ่มชื่น ไม่ให้แห้งลอก เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองง่าย
erk-erk.com
erk-erk.com
ผิวบางในมุมมองของแพทย์ผิวหนังคือ ผิวที่เป็นแผล ถลอก มีแผลเกิดขึ้นจนถึงหนังแท้ เช่น ล้มถลอก น้ำร้อนลวก ทำให้ชั้นผิวบางต้องดูแลเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เชื่อโรคหรืออะไรเข้าไปทำให้เกิดการติดเชื้อ และ หมายถึงผู้สูงอายุ ความหนาของชั้นผิวคนเราทั้งสามชั้น โดยเฉพาะ ชั้นหนังแท้ที่มีคอลลาเจนจะน้อยลงเรื่อยๆ และ ชั้นไขมัน ก็จะบางลงไปตามอายุเช่นกัน อันนี้เรียกว่าผิวหนังบางลงในมุมมองตามความเป็นจริงของแพทย์ผิวหนัง
วิธีแก้
1. รักษาแผลให้หายสนิท บำรุงสม่ำเสมอด้วยครีมรักษารอยแผลเป็นเพื่อให้เนื้อเยื่อที่ถลอกไป สร้างขึ้นมาใหม่อย่างแข็งแรง
2. กระตุ้นคอลลาเจนด้วยความร้อน จาก เลเซอร์ที่สามารถยิงกระตุ้นโดยตรงไปที่ชั้นคอลลาเจนได้ 
3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับชั้นหนังแท้ที่มีคอลลาเจน และ อิลาสติน เนื้อไก่ เนื้อปลา ขาไก่ กระดูกอ่อน ควรมีรสเปรี้ยวเสริมด้วยจะได้วิตามินซีทำให้คอลลาเจนดูดซึมดีขึ้น 
erk-erk.com
erk-erk.com
erk-erk.com
erk-erk.com
หวังว่าคงหายสงสัย กัน และเข้าใจให้ถูกว่า ผิวบาง ผิวชั้นไหนบางกันแน่ อิอิ 
บาย บาย
erk-erk.com
erk-erk.com
erk-erk.com
ข้อมูลประกอบการเขียนบทความ
– เทปสัมภาษณ์ พญ. วรทัย เตือนอารีย์ ISKYCENTER
– ทวิตเตอร์ คุณหมอเจมส์
– รูปภาพจากดอกเตอร์คอสเมติก

Posted in BEAUTY TECHNOLOGY, FACE, Q&A, SKINComments (0)

สิวผดรักษายังไงมีคำตอบ ?

www.erk-erk.com

www.erk-erk.com

www.erk-erk.com

สิวผด สิวผื่น สิวผดผื่น “ เม็ดเล็ก มาง่าย ไปยาก กวนใจ “

 www.erk-erk.com

เป็นอีกปัญหานึงที่ผู้หญิงมีปัญหาเยอะสุด เอิ๊กเคยเป็นเหมือนจะผดขึ้นช่วงนึงตอนนั้นยังหาสาเหตุไม่ได้ ก็ไปหาผศ.พญ. รังสิมาที่ ISKYCENTER ทายาหายแล้วเกลี้ยง พอหายไม่ได้ทา ซักพักเป็นใหม่ เลยคิดให้ดี นึกได้สุดท้ายมารู้ว่าเป็นเพราะ ล้างแชมพูครีมนวดไม่สะอาด ช่วงนั้นจากผด ไปๆมาๆ บางเม็ดอักเสบร่วมด้วย อยากเป็นลมมาก หน้าผากเป็นหลุมตื้นๆ ไม่เรียบไม่กล้าโชว์หน้าผากเลย ตอนนี้หายแล้ว เมื่อสระผมล้างน้ำเยอะๆ ให้เกลี้ยงให้สะอาด และ ใช้แสงเลเซอร์ให้ความร้อนกระตุ้นหลุมตื้นๆทำกับ ศ.นพ. วรพงษ์ ตอนนี้ 98%-99% มองไม่ค่อยเห็นละ เปิดเหม่งโชว์ได้ มั่นใจ

 www.erk-erk.com

รูปตอนเดือนกุมภาพันธ์ 55 รักษามาจนเกือบหายแล้ว สิวผดหน้าผาก

 

 รูปวันที่ 29 เมษา 55 เมื่อวานนี้ ลมพิษและผื่นขึ้นช่วงแก้ม เพราะความร้อนและฝุ่น และเครื่องสำอางผสมกัน

 www.erk-erk.com 

www.erk-erk.com 

สิวผด เป็นยังไง ?

ผื่นเม็ดใสๆเล็กๆ เป็นสิวประเภทนึงที่ชอบขึ้นติดกันหลายๆเม็ด บ่อยครั้งชอบขึ้นที่บริเวณหน้าผาก บางครั้งตอนเช้าหน้ายังเรียบใส อาจขึ้นในช่วงบ่ายก็เป็นได้ และ ถ้าอักเสบอาจจะมีสีแดง มีหนอง หรือ มีอาการคันร่วมด้วยได้ ถ้ารักษาไม่ถูกต้องอาจจะเป็นมากขึ้นได้

 

สาเหตุสิวผด ?

  • แสงแดด
  • ความร้อน 
  • เชื้อรา
  • เครื่องสำอาง อุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด เช่น แปรง
  • เช็ดถู นวดหน้า ขัดหน้า หรือ ล้างหน้าบ่อย เช็ดใบหน้าแรง
  • แพ้น้ำ
  • แพ้เหงื่อ
  • สารที่ก่อให้เกิดระคายเคือง เช่น การใช้ยารักษาสิวประเภท Retinoic Acid, Benzoyel , alcohol , Peroxide AHA, BHA เป็นต้น
  • สบู่ หรือ โฟมล้างหน้าที่มีฟองมาก มีการชะล้างสูง หรือใช้ไม่เหมาะกับผิว
  • น้ำอุ่นจัด
  • แชมพู
  • เชื้้อยีสต์, เชื้อรา
  • ภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง อ่อนแอ พักผ่อนน้อย ร่างกายไม่แข็งแรง

 

วิธีดูแลและป้องกันสิวผด

หาสาเหตุให้พบและดูแลเลือกวิธีป้องกันให้เหมาะสม เช่น ถ้าสิวผดจะขึ้นบ่อยเมื่อเจอแสงแดด ก็เลี่ยงแดดซะ หรือ ถ้าสิวผดจะขึ้นตอนแต่งหน้า ให้เปลี่ยนรองพื้น หรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นแทนเช่น BB หรือที่ผ่านการรับรองจากกลุ่มแพทย์ผิวหนัง

 

  • เลี่ยงแสงแดด และ ความร้อน ถ้าต้องทำงานต้องทาครีมกันแดดทุกครั้งที่เหมาะกับสภาพผิว เลือกที่ปราศจากน้ำมัน และไม่ทำให้เกิดสิว ( OIL FREE / NON COMEDOGENIC ) SPF30 PA+++ ขึ้นไป
  • เลิกรบกวนผิวหน้ามากเกินไปไม่ว่าจะ ล้างหน้า ขัดหน้า นวดหน้าพอกหน้า ถูหน้า บ่อยเกินความจำเป็น
  • เลิกใช้อะไรที่รุนแรงกับผิว ทำให้ผิวระคายเคือง
  • แต่งหน้าให้น้อยที่สุด
  • เลิกใช้น้ำอุ่นล้างหน้า
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงให้ร่างกายได้ซ่อมแซม
  • ไม่เครียดเพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ
  • ทานผัก ผลไม้ ข้าวไม่ขัดขาว แป้งไม่ขัดขาว ได้กากใย ได้วิตามิน ง่ายต่อการระบาย ช่วยล้างพิษในร่างกาย
  • ใช้แชมพูอ่อนโยน

 

วิธีรักษา

คำเตือน ควรอยู่ในความควบคุมของคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อย่างแพทย์ผิวหนัง หรือ เภสัชกรยา เพราะครีมบางตัวเป็นยาปฎิชีวนะ หรือ สเตียรอยด์ มีผลข้างเคียงสูงหากซื้อใช้เองโดยไม่ได้รับคำแนะนำ 

ยาปฎิชีวนะบางตัว อาจทำให้ดื้อยา 

ยาที่มีสเตียรอยด์ อาจทำให้หลอดเลือดขยาย หน้าแดง แพ้ง่าย ผิวบอบบางลง สิวจะเห่อขึ้นเต็มและรักษายาก

 

สำหรับคนผิวหน้ามัน ผิวธรรมดา ที่ไม่แพ้ง่าย

  • ตัวยา Benzoyl peroxide % ต่ำ ทาก่อนล้างหน้า 2-5 นาที อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวแห้ง หน้าเห่อแดง
  • ตัวยา กรดวิตามิน A (Tretinoin) % ต่ำๆ ทาก่อนนอน อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวแห้ง หน้าเห่อแดง หน้าไวแสง

 

สำหรับคนผิวแห้ง ผิวผสมที่มีส่วนแห้ง ผิวแพ้ง่าย

  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Resorcinol ที่เป็นครีมหรือแป้งน้ำ
  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Selenium Sulfide ทาทิ้งไว้แล้วล้างออกวันละสองครั้ง ละลายหัวสิว สิวอุดตัน สลายเคราติน ลดสิวผด
  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Ketoconazole cream ทาก่อนนอน ในกรณีมีสิวผดมาก มีอาการคัน หรือ สิวผดที่เกิดจากเชื้อยีสต์
  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Steroid มักใช้ในกรณีแพ้เครื่องสำอาง หรือผิวระคายเคืองขึ้นผื่นเห่อ บวมแดง
  • ตัวครีมหรือยาที่มีส่วนผสม Zinc PCA

 

การทานยาร่วมด้วย

  • หากมีการอักเสบร่วมด้วย อาจต้องทานยาแก้อักเสบ
  • หากมีการคันร่วมด้วย อาจต้องทานยา เช่น KETOTOP

 

การรักษาใช้เวลา

2-4 สัปดาห์ หรือมากกว่านี้ขึ้นกับว่าเป็นมากเป็นน้อย

* ข้อมูลทั้งหมด จากประสบการณ์ตรงที่ครั้งนึงเคยเป็นสิวผดมากและบ่อยจากการแพ้ยาสระผม และ จากการอ่านศึกษาข้อมูลจากเว็บและผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง รวบรวม และ เขียนขึ้นมาโดยเอิ๊กทั้งหมดค่ะ

แหล่งข้อมูลศึกษาเพิ่มเติม

  • ศ.นพ. วรพงษ์ มนัสเกียรติ
  • ผศ.พญ. รังสิมา วณิชภักดีเดชา
  • พญ.ดลลชา นรินทรางกูร ณ อยุธยา 
  • ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ 
  • ASTVผู้จัดการออนไลน์ 
  • aad.org
  • emedicinehealth.com

Posted in ACNE, SKINComments (1)

ผิวไหม้แดดเพราะสงกรานต์ และ สีผิวไม่สม่ำเสมอ Q&A

 

 

สงกรานต์เล่นดึกอาจจะไม่สนุกเท่าตอนกลางวันหรืออย่างไร สาวเจ้าเอ๋ย หนุ่มเจ้าเอ๋ย ถึงชอบเล่นกลางวันกันนัก หลังจากโพสนี่เดี๋ยวจะเขียนเรื่องกันแดด วิธีเลือก วิธีใช้ที่ถูกต้อง วันนี้มาเรื่องการดูแลผิวไหม้แดดหลังสงกรานต์กันก่อน จากทวิตเตอร์ความงามของคุณหมอ รังสิมา คนสวย มาทวิตเรื่องผิวไหม้แดด ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่วงนี้คนถามเอิ๊กมากสุด และเอิ๊กเองคงตอบได้ไม่ดี เท่ากับตัวจริงมาเอง จึงนำเอาบทความสั้นๆตามแบบฉบับทวิตเตอร์มาฝากกันค่ะ

  1. ปัญหาผิวหนังเทศกาลสงกรานต์ที่พบได้บ่อย ๆ เช่น ผิวหนังไหม้ สัมผัสสารระคายเคือง เช่น แป้ง แล้วเกิดผื่น ติดเชื้อโรคต่าง ๆ
  2. ถ้าระหว่างการเล่นน้ำทากันแดดน้อยเกินไป จะมีอาการผิวหนังไหม้จากแดด เริ่มจากมีอาการแสบร้อน ผิวหนังบริเวณที่โดนแดดไหม้แดง
  3. บริเวณที่เกิดการไหม้แดดมักเป็นบนใบหน้าช่วงหน้าผาก โหนกแก้ม จมูก และบริเวณละเลยการทาครีมกันแดด เช่น ต้นคอด้านหลัง ใบหู
  4. ผื่นที่เกิดจากแดดไหม้จะเป็นสีแดงมีอาการแสบร้อนช่วงแรก ต่อมาจะเริ่มลอกเป็นขุยสีขาว และผิวจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นชัดเจน
  5. อาการผิวไหม้แดด ควรใช้เจลว่านหางจรเข้ after-sun lotion ถ้าไม่มีเอาผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณนั้นก่อน บรรเทาอาการแสบร้อน
  6. ไม่ควรใช้ครีมหรือ lotion ที่ทำให้ผิวขาวทาลงบนผิวไหม้แดดที่ยังแดงหรือลอกอยู่ จะทำให้เกิดการแสบร้อนมากขึ้น และดำตามมา
  7. หลังอาการแสบร้อนบรรเทาลง ผิวหนังจะลอกได้ ระหว่างนี้ยังคงใช้เจลว่านหางจรเข้หรือ after-sun lotion ทาก่อนจนกว่าผิวหยุดลอก
  8. เมื่อผิวไหม้แดดหยุดลอก อาจผิวคล้ำขึ้น (เกิดหลังผิวไหม้ประมาณ 1 สัปดาห์)ระยะนี้เริ่มทา moisturizer และครีมกันแดดได้แล้ว
  9. ผิวคล้ำแดดถ้าทาmoisturizer และครีมกันแดดประจำ ผิวจะกลับสู่สีผิวเดิมได้เองภายในเวลา6เดือน-1ปี โดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
  10. ถ้าต้องการให้ผิวที่คล้ำขึ้นกลับเป็นผิวสีเดิมเร็วขึ้น สามารถใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ arbutin licorice kojic acid ได้
  11. ควรหลีกเลี่ยงการใช้กรดวิตะมินเอบนผิวที่ไหม้แดด เนื่องจากจะทำให้ผิวลอกเพิ่มขึ้น และอาจนำไปสู่การดำคล้ำกว่าเดิมได้
  12. คนเป็นสิวที่ใช้ยาทารักษาสิวอยู่และมีผิวไหม้แดด ควรหยุดใช้ยาทารักษาสิวก่อน เพราะจะทำให้ผิวยิ่งลอก ระคายเคืองและดำตามมา
  13. ถ้าต้องการให้ผิวสีคล้ำกลับมาเป็นสีเดิมเร็ว อาจทำ treatmentกรดผลไม้ ใช้เครื่อง electroporation ผลักวิตซีหรือ transamin
  14. วิธีที่จะทำให้สีผิวกลับมาเป็นสีเดิมได้เร็วที่สุดคือฉายแสง LED ต้องทำสัปดาห์ละครั้งต่อเนื่องกัน 5-10สัปดาห์ แต่ราคาแพง
  15. แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนในการเร่งให้สีผิวกลับมา ต้องใช้ moisturizer+ครีมกันแดด และหลบแดดร่วมเสมอ มิฉะนั้นผิวจะคล้ำถาวร
  16. ระหว่างการเล่นน้ำอาจมีคนเอาแป้งหรือสารอื่น ๆ ผสมลงในน้ำ ทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิว เกิดสิว หรือผื่นคันขึ้นได้
  17. ถ้ามีผื่นผิวหนังใด ๆ หลังจากการเล่นน้ำ แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนัง ไม่ควรซื้อยาทาเอง เพราะอาจเกิดอาการแพ้ลุกลามตามมาได้
  18. ค้นหาแพทย์ผิวหนังที่มีวุฒิบัตรสาขาผิวหนัง หรือตรวจสอบแพทย์ที่รักษาว่าเป็นแพทย์ผิวหนังได้ที่นี่ http://www.dst.or.th/list_search.php
  19. โรคติดเชื้อแบคทีเรียจะเกิดภายใน 1 สัปดาห์หลังสัมผัสเชื้อโรคที่มากับน้ำแต่การติดเชื้อราจะเกิดโรคหลังจาก1สัปดาห์ขึ้น
  20. ถ้าสงสัยว่ามีการติดเชื้อหลังการเล่นน้ำ ควรพบแพทย์ด่วน เพราะมีเชื้อหลายชนิดที่เข้าตา เข้าจมูก แล้วมีอาการรุนแรงได้
  21. ถ้ามีอาการตาแดง มีไข้ ซึมลง คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ หรือผื่นผิวหนังที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว ต้องไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด
  22. แม้ว่าเราสามารถฟื้นฟูผิวไหม้แดดกลับมาเหมือนเดิมได้ก็จริง แต่การทําลายผิวที่เกิดจากแดดได้เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถรักษาได้
  23. ผิวที่ถูกทําลายหรือไหม้แดดถึงหายกลับเป็นผิวปกติ แต่จะมีจุดด่างดํา&ริ้วรอยก่อนวัยได้ในอนาคต เป็นผลโดยตรงจากผิวไหม้แดด
  24. การกินอาหารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันผิวที่ถูกแดดทําลายได้บ้าง แต่ไม่100% ควรเน้นกินอาหารที่มีวิตซีเช่นผลไม้รสเปรี้ยว
แนะนำเรื่องกันแดดนิดนึงก่อนบทความหน้าจะลงให้อย่างละเอียด ว่าควรใช้กันแดดที่มีทั้ง SPF และ PA เพราะจะสามารถกันได้ทั้ง UVA และ UVB ทาทั่วใบหน้าและลำตัวในปริมาณที่เหมาะสม ใบหน้าประมาณ 1 ข้อนิ้วชี้ ลำตัวประมาณส่วนละ 7 มิลลิกรัม ไม่หนา ไม่บางเกินไป บางไปกันแดดไม่ทั่ว หนาไปไม่ซึมลงผิวอุดตันได้ค่ะ แล้วพบกันกับบทความกันแดดค่ะ 🙂
XOXO

Posted in Q&A, SKINComments (0)

BEAUTY TALK – เครื่องสำอางหมดอายุ และ วิธีทดสอบอาการแพ้

 

เรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงที่รักและชื่นชอบในการแต่งหน้า หรือ จำเป็นต้องแต่งตามหน้าที่หรืออะไรก็ตามแต่ .. ลองถามตัวเองดูบ้างไหม .. ว่าฉันเคยสังเกตุวันเดือนปีที่ผลิต ฉลาก หรือ วันหมดอายุของเครื่องสำอางที่ฉันซื้อหรือไม่ ?

 

ถ้าตอบว่าเคย .. คุณก็ยังต้องอ่านต่อ

ถ้าตอบว่าไม่เคย .. คุณก็ต้องอ่านมันต่อเพื่อตัวคุณเอง 

 

เอิ๊กตอบว่าไม่ เอิ๊กไม่เคยสนใจดูเลย .. ดังนั้นเอิ๊กคงต้องรวบรวมเขียนและอ่านต่อไปพร้อมกับหลายๆคน พร้อมโยนทิ้งบ้างส่วน ฉึบ (ฮ่า)


เอิ๊กมีเครื่องสำอางไม่เยอะ เพราะทิ้งไปเยอะแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวจะทิ้งอีก หลังจากจบบทความนี้ บางอย่างยอมรับว่ามีอาการเสียดาย .. แต่กลัวอันตราย แล้วเป็นโรคอะไรแล้วต้องเสียเงินเสียทองมากกว่าตัดใจทิ้งมันไป แล้วซื้อใหม่ซะ เพื่อสุขภาพ และ อนามัยของผิวตัวเอง

BEAUTY FACT 1 :  อย. ไม่บังคับให้ใส่วันหมดอายุลงในเครื่องสำอาง เพราะอายุขัยของเครื่องสำอางสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการการถนอม และ เก็บรักษา เช่น เก็บในอุณหภูมิที่พอเหมาะ แห้ง เย็น ไม่ร้อน ไม่ตากแดด ไม่เปิดฝาตากลมจนฝุ่น และ แบคทีเรียลงไป จะทำให้ยืดอายุเครื่องสำอางได้มากขึ้น

BEAUTY FACT 2 : การเก็บเครื่องสำอางในตู้เย็นไม่ใช่การดีเสมอไป เพราะความชื้น ทำให้เครื่องสำอางเสียคุณสมบัติ และ เกิดการแยกชั้นของเนื้อครีมได้

 

โรค หรือ ปัญหาผิวหนังอะไรที่มาพร้อมเครื่องสำอางหมดอายุได้บ้างนะ ?

  • เยื่อบุตาอักเสบ  [ ตาแดง ]
  • เยื่อบุปากอักเสบ
  • อาการอักเสบของผิวต่างๆ เช่น ระคายเคือง ผื่นแพ้ ตุ่มแดงคล้ายสิว
  • ติดเชื่อแบคทีเรีย

 

ปัจจัยใดบ้างที่ทำเกิดปัญหาผิวหนังจากการแต่งหน้า ?

  • เครื่องสำอางหมดอายุ
  • เครื่องสำอางที่ไม่ได้มาตรฐานไม่มีฉลาก หรือ ตราสินค้าที่น่าเชื่อถือ
  • เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว มีส่วนผสมที่ทำให้ผิวระคายเคือง
  • พัพฟ์ ฟองน้ำที่ใช้แต่งหน้าที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานเกิน 1 – 4 สัปดาห์

อายุขัยของเครื่องสำอางแต่ละชนิดยาวนานแค่ไหนถึงหมดอายุ ?

  1. ขึ้นกับวันหมดอายุที่ระบุบนฉลาก
  2. ถ้าไม่มีให้นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดใช้ [ทำNoteแปะไว้หรือจดไว้] จะมีอายุโดยเฉลี่ยแต่ละประเภทเรียงตามลำดับดังนี้
  3. กลิ่นเปลี่ยน สีเปลี่ยน หน้าตาเปลี่ยน [ ทิ้งทันที ]

BEAUTY NOTED : เครื่องสำอางที่ใช้กับดวงตา หรือ ของเหลวมักไปไวกว่าที่อยู่ในรูปแบบการอัดแข็ง เนื้อแข็ง เพราะด้วยเนื้อของมันเป็นอะไรที่เกิดการสะสมของแบคทีเรียได้ง่ายเวลาที่เราเปิดฝา หรือ ดึงเข้าดึงออก จนลมสามารถลอดผ่านเข้าไปได้

 

  • มาสคาร่า & อายไลเนอร์แบบน้ำ = 3 – 6 เดือน
  • รองพื้น เบส ไพรเมอร์ บีบีครีม ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก water-based = 12 เดือน / 1 ปี
  • รองพื้น เบส ไพรเมอร์ บีบีครีม ที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบหลัก oil-based = 18 เดือน 
  • คอนซีลเลอร์ = 12 – 18 เดือน
  • ลิปกลอส = 12 เดือน
  • ที่ปัดแก้ม [บลัช ออน] & ที่ทาตา [อายแชโดว์] เนื้อครีม เหลว = 12 – 18 เดือน
  • ที่ปัดแก้ม [บลัช ออน] & ที่ทาตา [อายแชโดว์] เนื้อฝุ่น อัดแข็ง = 24 เดือน / 2 ปี
  • อายไลเนอร์ & ลิปไลเนอร์ เนื้อครีม = 24 เดือน
  • ลิปสติก  = 24 เดือน
  • แป้งอัดแข็งทุกประเภท  = 24 เดือน
  • ครีมบำรุงผิวไม่ใส่สารกันเสีย = 1 – 3 เดือน
  • ครีมบำรุงผิวใส่สารกันเสีย = 12 เดือน
  • น้ำยาทาเล็บ = 12 เดือน
  • น้ำหอม = 18 เดือน

 

BEAUTY NOTED : เครื่องสำอางของเหลว หากไม่สัมผัสด้วยนิ้วโดยตรง แต่เทออกมา ใช้แปรง ฟองน้ำสะอาด จะช่วยยืดอายุได้อีกซักนิด

 

อยากให้ใบหน้ามีผิวสุขภาพดีทั้งที่แต่งหน้ามีกฎเหล็ก 6 ข้อให้จำ

  1. ดูวันหมดอายุของเครื่องสำอางก่อนใช้ ไม่มีก็เขียนลงไปและเริ่มนับตั้งแต่วันที่เปิดใช้
  2. ไม่ใช่เครื่องสำอางที่หมดอายุขัยของมัน
  3. ล้างอุปกรณ์แต่งหน้าให้สะอาด แปรง พัฟ  สม่ำเสมอ 2-4 สัปดาห์ต่อครั้ง
  4. ล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งที่แต่งหน้าอย่างพิถีพิถันและใส่ใจ
  5. เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะ รองพื้น ไพรเมอร์ เบส บีบีครีมที่ต้องลงทั่วหน้าทั้งวัน
  6. ไม่ใช่เครื่องสำอาง หรือ อุปกรณ์ แต่งหน้าร่วมกับใครทั้งสิ้น อาจทำให้เกิดการติดต่อเชื่อโรค เช่น เริม

BEAUTY NOTED : ระวังการซื้อเครื่องสำอางเซลล์เพราะอาจทำให้ได้เครื่องสำอางที่ใกล้หมดอายุมาไว้ในครอบครองแทน หรือ ไม่ควรซื้อเครื่องสำอางมาไว้ทีละเยอะๆ เพราะอาจเสื่อมสภาพก่อนจะได้ใช้

 

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าเราแพ้เครื่องสำอางที่พึ่งซื้อมา ?

  • ถ้าเริ่มใช้ครั้งแรก แล้วผื่นขึ้น ต้องแยกให้ออกชัดเจน ว่า ระคายเคือง หรือ แพ้
  • ถ้าระคายเคืองจะ คัน คันยิบๆ หรือ ปวดแสบปวดร้อน เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 10 นาที
  • ถ้าแพ้ใช้ไปซักพักจะเกิดอาการ ทีเป็นได้ตั้งแต่ผื่นแดง บวม ตุ่มน้ำ ขุย ลมพิษ ผื่นดำ ผื่นขาว สิว
  • การระคายเคืองมักเกิดจากส่วนผสมที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือ แอลกอฮอล์ในเครื่องสำอาง คนผิวแห้งมักเกิดอาการระคายเคืองง่าย
  • การแพ้ มักเกิดจาก 1. น้ำหอม  2.สารกันบูด

 

ทดสอบการแพ้เครื่องสำอางอย่างไร ?

  1. ทาทิ้งไว้ที่ท้องแขนตอนกลางคืน ทิ้งไว้ทั้งคืน ทำซ้ำ 1 สัปดาห์ติดต่อกัน ถ้าผื่นขึ้นแสดงว่าแพ้
  2. พบแพทย์ทำ SKIN PATCH TEST ตรวจสอบได้อย่างละเอียดว่าแพ้สารชนิดใดบ้าง จะได้หลีกเลี่ยง

BEAUTY FACT 3 : ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “hypoallergic” ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำให้เกิดการแพ้ เพราะปัจจุบัน อย. ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าต้องทำการทดสอบอะไรบ้าง

BEAUTY FACT 4 : ผลิตภัณฑ์หลายชนิดระบุว่า “แพทย์ผิวหนังรับรอง” หรือ “ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง” แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังยืนยันว่าไม่เคยรับรองผลิตภัณฑ์ใดทั้งสิ้น

BEAUTY FACT 5 : แม้ว่าจะเคยใช้เครื่องสำอางยี่ห้อนี้มานานแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้ไม่ได้ เพราะบางครั้งผู้ผลิตอาจมีการเปลี่ยนสูตรเล็กน้อย ทำให้แพ้ได้ หรือ สภาพผิวของเราที่แปรเปลี่ยนตาม อายุ ฤดูกาล ช่วงเวลา ฯลฯ

สารต้องห้ามในเครื่องสำอาง มี 1) ไฮโดรควิโนน 2) ปรอท เราทดสอบได้อย่างไร ?

  • ทดสอบไฮโดควิโนน เอานํ้าสบู่มาถูกับครีม ถ้าครีมเปลี่ยนสีเป็นสีนํ้าตาลดํา แสดงว่ามีไฮโดรควิโนน
  • ทดสอบปรอทในครีม เอาทองแท้มาถูกับครีม ถ้ามีสารปรอทเจือปน ครีมจะเปลี่ยนสีเป็นสีนํ้าตาลดํา

 

 

หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์กับใครได้บ้างนะคะ นำไปใช้เพื่อสุขภาพผิวของเราค่ะ

ขอให้ทุกคนผิวสวย หน้าใสกันทุกคนค่ะ


แหล่งข้อมูล

– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รังสิมา วณิชภักดีเดชา ที่ปรึกษาศูนย์ผิวหนัง&ศัลยกรรมเลเซอร์ไอสกาย

– แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง แพทย์หญิง แอนเจลา บาวเวอร์ จาก สหรัฐอเมริกา

– Tesco UK magazine

– เดลินิวส์ออนไลน์

– ประสบการณ์ส่วนตัวจากที่เป็นสาวแต่งหน้ามา 8 ปี

 

 

 

 

 

 

 

Posted in BEAUTY, MAKE UP, Q&A, SKIN, SKIN CAREComments (2)

BEAUTY DIARY – ครีมผสมสดตามเนื้อเยื่อผิวหน้าเราทำให้ผิวดีขึ้นจริงหรือไม่ ?

 

 

 

 

 

 

ช่วงนี้อยากเขียนไดอารี่อีกครั้ง รู้สึกเหมือนได้คุยกับเพื่อนแม้ตัวเองจะเป็นคนพูดก็ตาม 🙂 ขอเขียนไดอารี่เรื่องครีมกันหน่อย ทำไมครึ่งปีมานี้เอิ๊กมันหมกหมุ่นเรื่องครีมจัง เพราะหน้าเป็นสิวไม่เลิกยังไงละ เป็นแบบสงครามโลกครั้งที่ 1 2 3 4 เอิ๊กเลยมาฟิตหนักเรื่องผิวจะมาอันดับแรก ผิวดีแต่งหน้าสวยแบบไม่ต้องโบ๊ะก็กิ๊กแล้ว และ เจอหมอผิวหนังที่เป็นอาจารย์ที่ชอบสอนนักเรียน เรามันเป็นเด็กเรียน ชอบเรียน ก็เลยถามเมามันส์เลย พอเป็นบล็อกเกอร์ด้วยก็แชร์มันเลย ไม่งั้นเก็บไว้กับตัวคนเดียว ไม่ทันตายลืมหมด

เสียดายอยู่อย่างเดียว ถ้า12ปีที่แล้ว เราสามารถรู้จักว่าผิวตนเองเป็นแบบไหนเหมือนตอนนี้ เลือกใช้ครีมเป็น โดยเริ่มแยกแยะส่วนผสมบางอันออก เราคงไม่ต้องพบเจอกับคำว่า หายนะของผิวหน้า เป็นสิวอย่าให้พูดดีกว่า ว่าความทรมานในจิตใจมันเยอะขนาดไหน

เอิ๊กมารู้จักครีมที่ผสมขึ้นตามเนื้อเยื่อผิวหนัง เพราะเจอที่ ISKYCENTER ก็รู้สึกว่ามันคงจะดีมาก ถ้าวันนึงเราปรุงครีมขึ้นได้เอง เหมาะกับเราคนเดียว มัน UNIQUE มาก และมันคงจะแพงมาก ปรากฎว่ามันไม่แพง สู้ไหว เพราะกระปุกมันใหญ่ 50 มิลลิกรัม 800-1200 บาท แล้วแต่สูตร 1.ต้านริ้วรวย 2.ทำให้ขาวใส 3.บำรุงให้อาหารผิว รวมค่าแพทย์เรียบร้อยไม่เกินนี้ ความจริงอยู่ที 600-900 บาท ค่าแพทย์ตรวจ 200-300 บาท

ใช้ครีมจนเกือบหมดกระปุกภายใน 2 เดือน เอิ๊กทาแค่ช่วงกลางคืน เอิ๊กนอนเช้าทุกวัน แต่พบว่าผิวดีขึ้นเกือบ 100% ในเรื่องปัญหาผิวที่เคยมี นั่นหมายความว่า

” เมื่อไหร่ก็ตามที่เลือกใช้ครีมได้ถูกกับผิวหน้าจริงๆ เหมาะสม ผิวคุณมีสิทธิ์ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องหาหมอ “

เอิ๊กมีใช้Lotion และ Oil เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวก่อนลงครีมด้วย ซื้อตามซุปเปอร์มาเกต แต่เลือกที่เหมาะกับผิว ไม่แพ้ ไม่ระคายเคือง

ผิวแบบดีขึ้นมาก ทำไมไม่รู้จักผิว และเลือกให้เป็นตั้งนานแล้ว มารู้เอาตอนวัยทำงาน – – “

เวลาผิวดีขึ้น ข้อแรกเลย คือแต่งหน้าเรียบเนียนขึ้น ไม่มีขุย ไม่มีสิว ไม่มีบวม ไม่มีแดงและแพ้

เมื่อใช้ครีมที่ตรงกับผิวเรา ความรู้สึกคือหน้ามันดูฟู อิ่ม ทำให้เอิ๊กไม่อยากลองครีมทาผิวหน้าอะไรใหม่ทั้งสิ้น คือ ไม่ให้มีตัวไหนมาแทน เพราะครีมที่ปรุงมาเพียงคนเดียว มันคงมีแค่กระปุกเดียวนี่ละ ยกเว้น Lotion Oil ตามที่บอก พวกเนื้อบางเบา ยังเปลี่ยนอยู่ชอบลองของใหม่ 555 แต่ไม่ชอบให้หน้าเละ ล่าสุดครีมจะหมดแล้ว เอิ๊กรู้สึกว่าผิวเริ่มดี เอิ๊กเลยอยากลองใช้สูตรผิวขาว เอิ๊กเลยต้องตรวจผิวละเอียดอีกครั้งเพื่อปรุงครีมเฉพาะขึ้นมา

รอบนี้ คือ โปรแกรมสามารถเปรียบเทียบก่อนหลัง ไปฉายแสง UV ดูชั้นลึกของผิว หน้ากลัวเช่นเคย

% ยิ่งเยอะผิวยิ่งดี ซ้ายเก่า ขวาใหม่

การดูแลผิวของเอิ๊กได้รับแต่เลเซอร์เฉพาะจุดบ้าง แต่หลายเดือนแล้วไม่ได้ทำ และ IPL 1 ครั้ง ไม่น่าจะใช่เหตุผลที่ทำให้คะแนนผิวดีขนาดนี้

  1. 5 เดือนผ่านไป ในการดูแลสาเหตุการเกิดสิวทำให้สิวไม่มาอีก สาเหตุสิวของเอิ๊กคือ ล้างผลิตภัณฑ์บำรุงผมไม่เกลี้ยง
  2. ล้างหน้าตามแนวขน 4 เดือน
  3. ใช้ครีมตามสภาพผิว 2 เดือน
  4. IPL 1 ครั้งเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว
  5.  ใช้เครื่องนวดกระชับผิว ครึ่งเดือน นวดอาทิตย์ละ 2-4 ครั้ง

ทุกอย่างดูแลแบบองค์รวม ดูแลทุกด้าน

การตรวจใบหน้าอีกครัั้งใน 5 เดือนที่ผ่านมา ดูแลแบบเกือบทุกส่วน ยกเว้นนอนเช้า ยังเลิกไม่ได้

ผิวดีขึ้นมาก ไม่รู้เพราะครีม หรือเพราะองค์รวม แต่เชื่อว่าครีมก็มีส่วนช่วยมากไม่น่าต่ำกว่า 50%

วงกลมเขียวคือดีขึ้น วงกลมแดงคือแย่ลง

หน้าแปลกใจขนาดไม่ออกจากบ้าน กระ จุดน้ำตาลมีโอกาสเพิ่มขึ้น เพราะเอิ๊กนั่งแต่หน้าคอมนั่นหมายถึง ต้องทากันแดดแม้อยู่หน้าจอคอม และ ริ้วรอยรอบดวงตาเอิ๊กมี เพราะเอิ๊กใช้แต่ที่ทาตาแบบลดอาการเหนื่อยล้า แต่ไม่ได้ลดริ้วรอย

คะแนนการฉายแสง UV ดูผิวชั้นลึก เห็นละเอียดมาก ผิวดีขึ้นเกือบ 100%

แต่ติดตรง ริ้วรอย และ จุดสีน้ำตาลที่เพิ่มมากขึ้นนอกนนั้น ดีขึ้นหมด

มาอีกเครื่องเพื่อทดสอบความแม่นยำ ควรตรวจผิวตั้งแต่2เครื่องขึ้นไป อันนี้เช็คสีผิว ความยืดหยุ่น น้ำมันในผิว ความชุ่มชื่น

เอิ๊กจำคะแนนในหัวได้หมด

สีผิว เก่า 17 > ใหม่ 14

ความชุ่มชื่น เก่า 33 > ใหม่ 34

น้ำมันในผิว > เก่า 1 > ใหม่ 4.8

ความยืดหยุ่นผิว เก่า 75 > ใหม่ 95

มันดีขึ้นทุกด้าน แสดงว่าตรวจเครื่องแรกค่อนข้างได้ผลที่ตรง ผลลัพธ์คือ ความชุ่มชื่นยังคงต้องดูแลเพิ่มแต่ดีขึ้นนิดนึง / ผิวขาวขึ้น 3 คะแนน อย่างไม่ทราบสาเหตุงงมาก – -” ไม่มีครีม โลชั่น หรืออะไรก็ตามที่เป็นสูตรWhitening ไม่ได้ขัดหน้า แต่ขาวขึ้น หมอบอกอยู่คำนึงว่า ถ้าเราใช้ครีมที่ตรงกับผิว ผิวจะดูชุ่มชื่นและดูเหมือนขาวขึ้น / น้ำมันในผิวดีขึ้นมีน้ำหล่อเลี้ยงดีขึ้น / แต่ที่ตกใจสุดคือ ความยืดหยุ่นผิว 95 มันดีขึ้นมากกกกกกก จนแอบคิดไปตอนล้างหน้าตามแนวขน ที่เขาบอกว่า คอลลาเจน อีลาสติน จะดีขึ้น แข็งแรง ยืนหยุ่นดี เหลือเชื่อมาก ว่าคะแนนมันกระโดดเยอะมาก


ตอนนี้จดไว้ 4 สาเหตุที่ทำให้ผิวดีคือ

1. ใช้ครีมที่เหมาะกับผิว

2. ล้างหน้าตามแนวขน

3. ใช้เครื่องผลักครีมให้ซึมสู่ผิวดียิ่งขึ้น

4. IPL ทั่วหน้า 1 ครั้ง

ยังไงก็คงรักษา 3 ข้อแรกไว้อย่างแน่นเหนียว หรือถ้าให้เลือก 2 ข้อ ก็ 2 ข้อแรกต้องอยู่

สาเหตุที่ทำให้ผิวแย่ คือ ไม่ทาครีมกันแดดเวลาเล่นคอม ใช้สายตาหนักไม่พักตาเริ่มมีริ้วรอยและแห้งกร้านแล้ว

เอาละมาพบกับโฉมหน้าที่แท้จริงกันหน่อยไปแพ้ไฟสตูดิโอมา พอใช้อะไรผิดไปหน่อย บวมแดงเลย ทิ้งสิวผดเต็มหน้าผากเลย ตอนนี้ดีขึ้นละ ขออนุญาติเผยผิวจริงไม่ RETOUCH สิวอุดตันมีบ้างประปราย ล้างหน้าตามแนวขนเอาออกให้หมด มันจะไหลแข็งหลุดไปเอง สิวเสี้ยนจัดเต็มไม่มีอะไรโค่นมันแบบถาวรได้

เครื่องนวดผลักครีมบำรุงที่เหมาะกับผิว ต้องใส่ครีมเยอะๆ ใส่น้ำแร่บ่อยๆถ้ารู้สึกเริ่มฝืด ต้องให้แบบเครื่องถูได้ลื่นๆ

เสร็จแล้วผิวดีขึ้นไหม 555 ไม่ได้ใช้ทุกวันนะคะ เพราะผิวแพ้ง่าย ปกติใช้มือทาครีมนี่ละ แล้วก็แต้มสิว แปะผงพิเศษ และ เข้าบรรทม

ขี้เหร่เนอะ 555

ครีม SIGNATURE CREAM ของเราคนเดียว ยังไปปรุงอยู่ที่ศูนย์ ISKY

รอบแรก ซ้ายเก่า ให้ความชุ่มชื่นเป็นอาหารผิว / รอบสอง  ขวาใหม่ สูตรWhitening

หน้าตาเปลี่ยน ชอบของเก่ามากกว่าชอบอะไรใหญ่ๆ

ด้านข้างเปลี่ยนด้วย กลายเป็นชื่ออิชั้น และวันเดือนปีที่ปรุงผสมครีมนี้ขึ้นมา มีเวลาด้วย – – ” รู้หมดเลยไปหาหมอตอนไหน

ข้อด้อยของครีมปรุงสด คืออะไรรู้ไหม ครีมพวกนี้มีข้อดีคือไม่มีน้ำหอม สารกันเสีย ดังนั้น มันต้องแช่ตู้เย็น หรือไว้ในที่ๆไม่ร้อนอบอ้าว และใช้ให้หมดภายใน 1-2 เดือน

เนื้อครีมเก่าเพิ่มความชุ่มชื่น ขาวอวบอิ่ม ฟู ด้านซ้าย /

เนื่อครีมใหม่เน้นขาวลดกระฝ้า เหลืองอ่อน ร่วน แน่น ด้านขวา

ชอบของเก่ามากกว่า หอมมากกว่า ของใหม่แบบว่าไม่พึงพอใจในกลิ่น

แต่ใช้แล้วไม่แพ้   บำรุงผิวอิ่มเหมือนกันให้อภัยนะ

ของใหม่ไม่มีวิตามินอี แต่เพิ่มส่วนผสมของ GIGA WHITE / GRAPE SEED

และ อะไรอีกไม่แน่ใจ ถามที่เคาท์เตอร์จ่ายยามา

ดังนั้นถ้าถามว่าดีขึ้นใหม่ ถ้าเกิดรู้จักผิว เลือกครีมได้เหมาะกับผิว ตอบว่า เกิน 50% ดีขึ้นแน่นอน

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูแลผิวแบบองค์รวมอย่างที่บอกไว้ตอนต้น

🙂 ขอให้ผิวดีกันทุกคนนะคะ


XOXO

Posted in ACNE, BEAUTY TECHNOLOGY, ERK-ERK, FACE, SKIN, SKIN CAREComments (5)

HOW TO ล้างทำความสะอาดใบหน้าแบบล้ำลึกสำหรับคนแต่งหน้าหรือทากันแดด

ส่วนตัวผิวแห้ง แพ้ง่ายก็ใช้อะไรที่เหมาะกับผิว

CLEANSING – DHC CLEANSING OIL

CLEANSER – DERMALOGICA ULTRA CALMING / EUCERIN DERMOPURIFYER GEL

น้ำยาล้างตา – OPTAL

อุปกรณ์

1. CLEANSING – ที่ทำความสะอาดเครื่องสำอาง กันแดด ตามสภาพผิว

2. CLEANSER – ที่ทำความสะอาดผิวหน้า ครีม โฟม เจลล้างหน้าตามสภาพผิว

3. EYES & LIP REMOVER สำหรับคนที่แต่งตา ทาปาก

4. คัตตอลบัต

5. สำลี

6. น้ำยาล้างตา

XOXO

Posted in ACNE, FACE, HOW TO, SKINComments (0)

advert

Google

erk-erk.com





BEAUTY MENU

มาคุยกับเอิ๊กได้ที่นี่ทุกวัน ถ้าว่างรีบตอบทุกคำถามค่ะ

INSTAGRAM @wwwerkerkcom

[instagram-feed]

ติดตามบล็อค erk-erk.com อย่างใกล้ชิด

เพียงกรอก Email ตรงนี้เลย

LINE @erk-erk

เพิ่มเพื่อน

Related Sites